ไฟป่า

มุขมนตรีของรัฐบริติชโคลัมเบีย ในแคนาดาประกาศวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเสียชีวิต 1 ราย ในขณะปฎิบัติหน้าที่ดับไฟป่าขนาดใหญ่จุดหนึ่งจากจำนวนหลาย ๆ จุดที่กำลังเผาทำลายพื้นที่ป่าของประเทศในปีนี้ นับเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงรายที่ 3 ที่เสียชีวิตจากไฟป่าในฤดูกาลนี้

สำนักงานดับเพลิงของกรีซกล่าววันนี้ว่า ความพยายามดับไฟป่าที่เผาทำลายสร้างความเสียหายในกรีซมาเป็นเวลามากกว่า 1 สัปดาห์แล้วนั้นกำลังคืบหน้าดีขึ้นแต่ก็เตือนว่า ขณะนี้ยังเอยู่ในภาวะเฝ้าระวังเนื่องจากคาหมายว่าจะมีกระแสลมแรงและทำให้ไฟป่ากลับมาลุกไหม้อีกครั้ง

เอเธนส์ 26 ก.ค.- ประเทศริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกำลังเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดและไฟป่ารุนแรง ทั้งในกรีซ อิตาลี โครเอเชีย และแอลจีเรีย สำนักอุตุนิยมวิทยาของกรีซพยากรณ์ว่า พื้นที่ทางตอนกลางและตอนใต้ของประเทศจะมีอุณหภูมิสูงแตะ 43-45 องศาเซลเซียส ปกติแล้วกรีซมักเกิดคลื่นความร้อนในช่วงฤดูร้อน แต่ฤดูร้อนปีนี้เกิดคลื่นความร้อนยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายปี ด้านกระทรวงป้องกันภัยพลเรือนเตือนว่า กำลังเกิดไฟป่าอันตรายอย่างยิ่งใน 6 แคว้นจากทั้งหมด 13 แคว้นทั่วประเทศ ไฟป่าโหมไหม้มานานกว่า 10 วันในหลายพื้นที่รวมถึงเกาะท่องเที่ยวอย่างเกาะโรดส์ เกาะคอร์ฟู และเกาะเอเวีย เฉพาะเกาะเอเวียมีนักดับเพลิงพยายามควบคุมไฟไม่ต่ำกว่า 100 นาย มีนักบิน 2 คนเสียชีวิตเพราะเครื่องบินตกขณะขนน้ำดับเพลิง และพบผู้เสียชีวิตจากไฟป่าอีก 1 คน ส่วนที่แอลจีเรีย มีคนเสียชีวิตแล้ว 34 คน เพราะไฟป่าลามไปยังย่านที่อยู่อาศัย ขณะที่อิตาลีแจ้งว่า เกิดไฟป่ากินวงกว้างทั่วพื้นที่ทางใต้ นักดับเพลิงพยายามควบคุมไฟบนเกาะซิซิลีตลอดทั้งคืน ไฟป่าจุดหนึ่งลามใกล้ท่าอากาศยานปาแลร์โม จนต้องปิดทำการหลายชั่วโมงเมื่อเช้าวันอังคาร เช่นเดียวกับที่โครเอเชีย นักดับเพลิง 130 คนพยายามควบคุมไฟที่ไหม้ลามเพราะลมพัดแรง ไฟป่ายังทำให้ทุ่นระเบิดที่ตกค้างมาตั้งแต่เมื่อครั้งโครเอเชียทำสงครามแยกตัวจากยูโกสลาเวียในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 เกิดระเบิดในเมืองดูบรอฟนิกที่อยู่ทางใต้ของประเทศ.-สำนักข่าวไทย

โรม 17 ก.ค.- หลายประเทศในซีกโลกเหนือกำลังเผชิญกับอากาศร้อนจัดที่เสี่ยงจะทำลายสถิติ และทำให้ไฟป่ารุนแรงขึ้น เนื่องจากผลจากภาวะโลกร้อนเริ่มปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น สำนักงานอวกาศยุโรปแจ้งว่า ยุโรปอาจมีอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์นี้ เพราะพยากรณ์ว่าเกาะซิซิลีและเกาะซาร์ดิเนียของอิตาลีจะมีอุณหภูมิสูงถึง 48 องศาเซลเซียส นักบวชคนหนึ่งเผยที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรมว่า อากาศร้อนกว่าบ้านเกิดของเขาในสาธารณรัฐประชาธิปไตคองโกที่อยู่ทางตอนกลางของทวีปแอฟริกาเสียอีก คาดว่าอุณหภูมิในกรุงโรมจะแตะ 40 องศาเซลเซียสในวันนี้ และจะแตะ 42-43 องศาเซลเซียสในวันอังคาร ลบสถิติ 40.5 องศาเซลเซียสเมื่อเดือนสิงหาคม 2550 ส่วนที่ญี่ปุ่น ทางการต้องแจ้งเตือนประชาชนใน 20 จังหวัดจากทั้งหมด 47 จังหวัดให้ระวังฮีตสโตรกหรือโรคลมแดด กรุงโตเกียวและหลายพื้นที่มีอุณหถูมิใกล้แตะ 40 องศาเซลเซียส และอาจลบสถิติ 41.8 องศาเซลเซียสที่เคยวัดได้ที่เมืองคุมากายะ จังหวัดไซตามะเมื่อปี 2561 ด้านสำนักอุตุนิยมวิทยาสหรัฐแจ้งเตือนว่า คลื่นความร้อนกินวงกว้างในรัฐทางใต้และทางตะวันตกจะถึงจุดสูงสุด กระทบต่อประชาชนมากกว่า 80 ล้านคน หุบเขามรณะ (Death Valley) ในรัฐแคลิฟอร์เนียร้อนใกล้แตะสถิติ 52 องศาเซลเซียสเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ ขณะที่พื้นที่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียกำลังเกิดไฟป่าหลายจุด.-สำนักข่าวไทย

ทางการสเปนเร่งควบคุมไฟป่า พร้อมสั่งอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย ขณะที่ภาวะโลกร้อนส่งผลให้เกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ทั่วโลก

มอนทรีออล 16 ก.ค.- ข้อมูลของรัฐบาลแคนาดาระบุว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นในปีนี้เผาพื้นที่ในแคนาดาไปแล้วมากกว่า 62. 5 ล้านไร่ มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมากกว่าที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับเลวร้ายที่สุด ตัวเลขระดับประเทศของศูนย์ไฟป่าระหว่างสำนักงานแคนาดาระบุว่า แคนาดาเคยเกิดไฟป่าเผาพื้นที่มากที่สุด 45.62 ล้านไร่ในปี 2532 ทั้งปี แต่ปีนี้ไฟป่าเผาพื้นที่ไปแล้วมากกว่า 62.5 ล้านไร่ในเวลาเพียง 6 เดือน 15 วัน เทียบเท่าพื้นที่ของประเทศโปแลนด์หรือไอซ์แลนด์ ทั้งนี้นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา เกิดไฟป่าทั้งหมด 4,088 จุด โดยยังคงโหมไหม้อยู่ 906 จุด ในจำนวนนี้ 570 จุดไม่สามารถควบคุมได้ ประชาชนมากกว่า 150,000 คนต้องอพยพ และมีนักดับเพลิงวัย 19 ปีเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น สถานการณ์ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ทางตะวันตกสุดของประเทศรุนแรงขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม เพราะเกิดไฟป่ามากกว่า 250 จุดภายใน 3 วันเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากฟ้าผ่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของแคนาดากำลังเผชิญกับภัยแล้งรุนแรง ฝนตกต่ำกว่าปริมาณเฉลี่ยและอุณหภูมิสูงขึ้นมาหลายเดือน แคนาดาอยู่ในภูมิภาคตอนเหนือของโลกที่มีแนวป่ากว้างใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์ของทั้งโลก.-สำนักข่าวไทย

ไฟป่าแคนาดายังควบคุมไม่ได้ พบไฟป่ามากกว่า 677 จุด นักผจญเพลิงนานาชาติมากกว่า 3,000 คน ระดมช่วย ควันไฟลอยข้ามประเทศ ก่อมลพิษทางอากาศในหลายรัฐของสหรัฐ

ฮิวสตัน 1 ก.ค. – เจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าววานนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทางภาคใต้ของสหรัฐมาเป็นเวลา 2 สัปดาห์แล้วในขณะที่อากาศในพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของประเทศมีสภาพเป็นมลพิษจากควันไฟของไฟไหม้ป่าในแคนาดา เขตเว็บบ์ เคาน์ตี้ ในรัฐเท็กซัส ใกล้ชายแดนติดกับเม็กซิโก มียอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดที่ 11 ราย เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวในแถลงการณ์ที่ส่งถึงกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า นับจนถึงวันพุธ มีผู้เสียชีวิตแล้วรวมทั้งสิ้น 11 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายที่ 11 มาจากเขตใกล้เคียงกับเว็บบ์ เคาน์ตี้ที่ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลในท้องถิ่นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เด็กชายอายุ 14 ปีคนหนึ่งเสียชีวิตในระหว่างที่กำลังท่องเที่ยวในอุทนยานแห่งชาติบิ๊กเบนด์ ในรัฐเทกซัส ซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 48 องศาเซลเซียส และเหตุการณ์น่าเศร้าไปอีกเมื่อบิดาบุญธรรมของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในขณะที่เขากำลังเร่งรีบเดินทางไปช่วยเหลือ นอกจากนั้น สตรีวัย 62 ปี รายหนึ่ง เสียชีวิตที่รัฐหลุยเซียนา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากพายุทำให้ครอบครัวหลายพันหลังคาเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้ทำให้ไม่สามารถเปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อบรรเทาความร้อนได้ ในขณะที่กระแสลมในสหรัฐกำลังพัดลงทิศใต้ ทำให้พื้นที่บริเวณกว้างในสหรัฐที่มีประชาชนมากกว่า 120 ล้านคน ตั้งแต่เขตมิดเวสต์ไปจนถึงบริเวณอีสต์โคสต์ ยังคงเผชิญกับสภาพอากาศที่เป็นมลพิษจากควันไฟจากไฟไหม้ป่าในแคนาดา ในเมืองนิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย สภาพอากาศยังอยู่ระดับที่เป็นอัตรายต่อสุขภาพ.-สำนักข่าวไทย