fbpx

“พิธา” ฝากนายกฯ กางไทม์ไลน์แก้ปัญหาไฟป่า-ฝุ่นพิษให้ชัด

เชียงใหม่ 17 มี.ค. – “พิธา” ฝากนายกฯ กางไทม์ไลน์แก้ปัญหาไฟป่า-ฝุ่นพิษให้ชัด ชี้สถานการณ์ปีนี้สายเกินป้องกัน ต้องเร่งบรรเทาผลกระทบประชาชน ใช้ข้อมูลจาก NARIT-GISTDA คาดการณ์จุดความร้อน เตรียมทีมดับไฟป่าให้พร้อม ย้ำไม่ใช่ “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ”


นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจบภารกิจลงพื้นที่เรียนรู้และรับฟังปัญหาการจัดการไฟป่า ทั้งจากประสบการณ์ตรงของทีมอาสาดับไฟป่าในพื้นที่ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหาโดยสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA)

นายพิธา กล่าวว่า หลังจากได้รับฟังการบรรยายจาก NARIT เมื่อค่ำวานนี้ (16 มี.ค.) ตนมองว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษได้ โดยเฉพาะภาพถ่ายดาวเทียมจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของปัญหา สามารถนำมาวิเคราะห์สถิติและคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าไฟป่าจะเกิดขึ้นที่จุดใดบ้าง ฝุ่นพิษ PM 2.5 ในพื้นที่ต่างๆ จะรุนแรงมากน้อยเพียงใดในช่วงสัปดาห์นี้ และจะบรรเทาลงเมื่อใด


นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่ยิงเลเซอร์ขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ เพื่อวัดฝุ่นพิษ PM 2.5 ว่ามีความเข้มข้นมากน้อยเพียงใด มีขอบเขตกว้างและสูงแค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลออกนโยบายที่เท่าทันและแม่นยำต่อสถานการณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ NARIT และ GISTDA มีองค์ความรู้และสามารถผลิตเครื่องมือต่างๆ ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่ดีและต้องให้การสนับสนุนกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าเมื่อได้รับฟังปัญหาแล้วมีสิ่งใดที่อยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พิธา กล่าวว่า ตนอยากฝากให้นายกฯ ระบุไทม์ไลน์การแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ในระยะต่างๆ ให้ชัดเจน เช่น ระยะสั้นภายในสัปดาห์นี้จะแก้ไขเรื่องอะไร ภายในเดือนหน้าซึ่งคาดการณ์จากสถิติได้ว่าคุณภาพอากาศของภาคเหนือจะย้ำแย่ที่สุด รัฐบาลจะแก้ไขอะไรบ้าง รวมถึงในปีหน้ามีแผนการจะแก้ไขอะไร หากรัฐบาลมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ข้าราชการ ภาคประชาสังคม และภาคส่วนต่างๆ จะสามารถให้ความร่วมมือและเดินหน้าไปพร้อมกันได้ แต่ที่ผ่านมาตนยังไม่เห็นไทม์ไลน์ที่ชัดเจนมากนัก ภาคส่วนต่างๆ จึงไม่ทราบว่าต้องให้ความร่วมมืออย่างไร ในมิติใดบ้าง

นายพิธา กล่าวต่อว่า สถานการณ์ฝุ่นพิษในขณะนี้สายเกินจะป้องกันที่ต้นเหตุได้แล้ว รัฐบาลจึงต้องเร่งบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนแบบเฉพาะหน้าไปก่อน เช่น จัดให้มีหน้ากาก N95 และเครื่องฟอกอากาศในราคาที่ประชาชนเข้าถึงได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่สามารถใช้ภูมิปัญญาของประเทศไทยได้ เช่น สถาบันการอาชีวศึกษาต่างๆ มีศักยภาพที่จะทำเครื่องฟอกอากาศได้แล้ว นอกจากนี้ยังต้องจัดให้มีห้องปลอดฝุ่น โดยเฉพาะในโรงเรียนเด็กเล็กและสถานพยาบาลต่างๆ รวมถึงการเพิ่มสรรพกำลังบุคลากรที่จะมาช่วยดับไฟป่า สิ่งเหล่านี้รัฐบาลสามารถทำได้เลยภายในระยะสั้นสัปดาห์นี้


ส่วนในเดือนหน้าซึ่งจากสถิติสถานการณ์ไฟป่าและฝุ่นพิษน่าจะรุนแรงที่สุด สิ่งที่รัฐบาลจะทำได้คือการนำข้อมูลของ GISTDA NARIT และกรมอุตุนิยมวิทยามาวิเคราะห์ย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งจะสามารถคาดการณ์ได้เลยทันทีว่าพื้นที่ใดมีโอกาสเกิดไฟป่าบ้าง เพราะส่วนใหญ่จุดความร้อนมักจะเกิดการไหม้ซ้ำซาก รัฐบาลสามารถเตรียมการสร้างธนาคารน้ำไว้ในพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อให้ทีมดับไฟป่าเข้าไปใช้งานได้ทันที หากทำได้เช่นนี้ สถานการณ์ในปีนี้น่าจะทุเลาลงไปได้

นายพิธา ย้ำว่า ปัจจัยที่สำคัญต่อการดับไฟป่าคือการลำเลียงน้ำและคนเข้าไปดับไฟป่าได้ทันเวลา ดังนั้น เราต้องเข้าใจแบบแผนของไฟ เพื่อให้เกิด “Economy of Speed” หรือการไปให้ถึงก่อนที่ไฟจะลุกลาม และ “Economy of Scale” หรือการขยายทีมในการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมทุกจุดในเวลาพร้อมๆ กัน รวมถึงการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ถ้าเราเข้าใจแบบแผนเช่นนี้ สถานการณ์ไฟป่าจะทุเลาลง และจะกลายเป็นองค์ความรู้ที่สามารถขยายไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ รวมถึงในประเทศเพื่อนบ้านได้ด้วย

นายพิธา กล่าวว่า ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายและงบประมาณ ทำให้รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เต็มที่ในปีนี้ แต่ในระยะยาวตนต้องขอฝากนายกฯ ประเมินด้วยว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี เช่น ทำไมผู้ว่าราชการจังหวัดใน 10 จังหวัดภาคเหนือถึงไม่กล้าประกาศเขตภัยพิบัติ ทั้งที่สถานการณ์ฝุ่นพิษร้ายแรงติดอันดับโลก เป็นเพราะผู้ว่าฯ เกรงกลัวหรือไม่ว่าถ้าประกาศเขตภัยพิบัติแล้วจะเท่ากับว่าดูแลพื้นที่จังหวัดของตนเองไม่ดี ขณะที่ในด้านงบประมาณ การที่รัฐบาลอนุมัติงบกลางก้อนใหม่กว่า 272 ล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นพิษโดยเฉพาะก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องรอติดตามต่อไปว่าจะสามารถเบิกใช้งานได้อย่างทันท่วงทีกับสถานการณ์หรือไม่

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีวิจารณ์ว่าการลงพื้นที่ของพิธาเป็นการรบกวนทีมดับไฟป่าในพื้นที่ และถือเป็นการ “มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ” นายพิธา กล่าวว่า หน้าที่ของผู้แทนราษฎรคือการตรากฎหมายและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล การลงพื้นที่ครั้งนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน เพื่อรับฟังปัญหาจากคนหน้างานจริง ดังคำกล่าวที่ว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” เพราะจากที่ตนนั่งอยู่ในสภาฯ แล้วมีข้าราชการที่เกี่ยวข้องมาของบประมาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการไฟป่า ตนก็เข้าใจในระดับหนึ่ง แต่การลงพื้นที่มาเห็นของจริง ได้สัมผัสถึงไอความร้อนและสะเก็ดไฟที่มาโดนตัวจริง ได้เห็นอุปกรณ์ดับไฟที่ต้องดัดแปลงมาจากอุปกรณ์อื่นๆ สิ่งเหล่านี้ฟังข้าราชการมาอธิบายในคณะกรรมาธิการ 10 ครั้งก็ไม่เข้าใจ ต้องมาเห็นหน้างานด้วยตัวเอง โดยรบกวนทีมหน้างานให้น้อยที่สุด ใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพื่อที่คราวหน้าเมื่อมีข้าราชการมาของบประมาณเรื่องไฟป่า ตนก็จะได้ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” มากขึ้น จึงยืนยันว่าสิ่งที่ได้รับจากการลงพื้นที่ครั้งนี้คุ้มค่ากับเวลาแน่นอน.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โผ ครม. “เศรษฐา 2” ลงตัว ก.คลัง จัด รมช. 3 เก้าอี้

โผ ครม. เศรษฐา 2 ลงตัว ก.คลัง จัด รมช. 3 เก้าอี้ เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่ พปชร. ยึด ก.เกษตรฯ ด้าน “สุชาติ” นั่ง รมช.พาณิชย์ พร้อมทาบ “พวงเพ็ชร” ที่ปรึกษานายกฯ โค้งสุดท้ายสลับ “สุดาวรรณ” นั่ง ก.วัฒนธรรม “เสริมศักดิ์” ไป ก.ท่องเที่ยวฯ

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ข่าวแนะนำ

กษัตริย์บรูไน เสด็จฯ เยือนไทย 28-29 เม.ย.นี้

สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่าง 28-29 เมษายน 2567 ในรอบ 12 ปี เพื่อฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 40 ปี และจะทรงเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือ 2 ฉบับ

“ปานปรีย์” รับยื่นลาออก หลังถูกปรับพ้นรองนายกฯ

“ปานปรีย์” ยอมรับยื่นลาออก หลังถูกปรับออกจากรองนายกฯ ชี้หากไม่มีตำแหน่งพ่วงอาจทำงานไม่ราบรื่น ลั่นหากมีคนอื่นเหมาะสมกว่าให้มาทำงานแทน

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. “เศรษฐา 1/1”

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ โปรดเกล้าฯ ครม.เศรษฐา 1/1 แล้ว “พิชัย” รองนายกฯ ควบ รมว.คลัง โยก “สมศักดิ์” นั่ง รมว.สธ. แทน “นพ.ชลน่าน”

อาลัย “ดาบต้าร์” ตร.ทางหลวง เสียชีวิตแล้ว

ข่าวเศร้าเช้าวันหยุด ด.ต.ปิยะนันท์ สีเสื้อ หรือ “ดาบต้าร์” เสียชีวิตแล้ว หลังบาดเจ็บสาหัสจากเหตุเก๋งพุ่งชนขณะอำนวยการจราจรช่วงสงกรานต์