แอสตราเซนเนกา

แคนเบอร์รา 7 ม.ค. – ออสเตรเลียจะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดสแรกในเดือนหน้า ขณะที่สองรัฐใหญ่ของออสเตรเลียพยายามควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียคาดการณ์ว่า หน่วยงานกำกับดูแลยาของออสเตรเลียจะอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์ บริษัทเวชภัณฑ์ของสหรัฐภายในสิ้นเดือนนี้ และจะเริ่มฉีดวัคซีนโดสแรกได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น เขายังมั่นใจว่า ทางการออสเตรเลียมีความพร้อมที่จะฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้เร็วสุดในช่วงกลางหรือปลายเดือนหน้า ซึ่งทางการได้สั่งซื้อวัคซีนของไฟเซอร์จำนวน 10 ล้านโดส รวมถึงทำข้อตกลงกับแอสตราเซนเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษเพื่อผลิตวัคซีนใช้เองในประเทศ เมื่อวัคซีนทั้งสองขนานผ่านการอนุมัติแล้ว ทางการได้ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนราว 80,000 คนต่อสัปดาห์ และจะเพิ่มกำลังฉีดวัคซีนให้มากขึ้นในอีก 4-6 สัปดาห์ต่อจากนั้น ซึ่งจะทำให้ฉีดวัคซีนในชาวออสเตรเลียได้ราว 4 ล้านคนภายในสิ้นเดือนมีนาคม รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรสูงสุดและกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดล่าสุดของออสเตรเลียไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่ทางการท้องถิ่นพยายามควบคุมการระบาดกลุ่มก้อนใหม่ในนครซิดนีย์และนครเมลเบิร์น ซึ่งเป็นสองเมืองใหญ่ของออสเตรเลีย ขณะนี้ ออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 28,500 คน และผู้เสียชีวิต 909 คน. -สำนักข่าวไทย

มะนิลา 6 ม.ค. – ฟิลิปปินส์กำลังเจรจากับผู้ผลิตวัคซีน 7 รายเพื่อจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้ได้อย่างน้อย 148 ล้านโดส เพื่อนำมาฉีดให้แก่ประชาชนราว 2 ใน 3 ของประชากรทั้งหมดภายในปีนี้ หัวหน้าหน่วยงานพัฒนากลยุทธ์เพื่อรับมือการระบาดของโรคโควิด-19 ของฟิลิปปินส์กล่าวว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังเร่งบรรลุข้อตกลงซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากโนวาแวกซ์ โมเดอร์นา ไฟเซอร์ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน บริษัทผู้ผลิตวัคซีนของสหรัฐ แอสตราเซนเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษ ซิโนแวกไบโอเทค บริษัทยาของจีน และสถาบันกามาเลยาของรัสเซียในเดือนนี้ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดหาวัคซีนที่กำลังเป็นที่ต้องการสูง ทั้งยังระบุว่า ทางการสามารถซื้อวัคซีนได้อย่างน้อย 148 ล้านโดสจากผู้ผลิตวัคซีน 7 ราย แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตวัคซีนในระดับโลกด้วย ทั้งนี้ ทางการจะฉีดวัคซีนให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้สูงอายุ ทหาร ตำรวจ ครู และเจ้าหน้าที่รัฐบาลเป็นลำดับแรก โดยคาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนได้เร็วสุดในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ฟิลิปปินส์พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 932 คน และผู้เสียชีวิต 58 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 480,000 คน […]

เม็กซิโกซิตี 5 ม.ค. – เม็กซิโกอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่พัฒนาโดยแอสตราเซนเนกา/มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดของอังกฤษเป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว นายอูโก โลเปซ-กาเตลล์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขของเม็กซิโก ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในระดับสูงประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า หน่วยงานกำกับดูแลยาของเม็กซิโกได้อนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกา ซึ่งถือเป็นวัคซีนขนานที่สองที่ผ่านการอนุมัติในเม็กซิโก โดยที่ทางการเม็กซิโกได้ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 77.4 ล้านโดสจากแอสตราเซนเนกา วัคซีนดังกล่าวยังได้รับการอนุมัติใช้ในอังกฤษ อินเดีย และอาร์เจนตินา ในขณะเดียวกันเม็กซิโกและอาร์เจนตินาได้ทำข้อตกลงกับแอสตราเซนเนกาในการผลิตวัคซีนขนานดังกล่าวเพื่อแจกจ่ายให้แก่กลุ่มประเทศลาตินอเมริกาอีกด้วย นอกจากนี้ ทางการเม็กซิโกยังทำข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อซื้อวัคซีนจากคังซีโนไบโอโลจิกส์ บริษัทผู้ผลิตวัคซีนของจีน และเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ที่เป็นโครงการจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก รัฐบาลเม็กซิโกให้คำมั่นสัญญาว่า จะฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทั่วประเทศเกือบ 129 ล้านคนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นความท้าทายด้านโลจิสติกส์ครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ ทางการเม็กซิโกได้เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทคให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นกลุ่มแรกเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ เม็กซิโกมียอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 กว่า 127,000 คน และผู้ป่วยติดเชื้อสะสมราว 1.4 ล้านคน. -สำนักข่าวไทย

โซล 4 ธ.ค. – เกาหลีใต้กำลังพิจารณาการยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษ กระทรวงความปลอดภัยอาหารและยาของเกาหลีใต้คาดว่าจะอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกาเป็นกรณีฉุกเฉินในอีก 40 วัน ซึ่งจะถือเป็นการอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขนานแรกของประเทศท่ามกลางสถานการณ์ที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพุ่งสูงขึ้นจากการระบาดระลอกล่าสุด เกาหลีใต้ได้ลงนามในข้อตกลงซื้อวัคซีนจำนวน 20 ล้านโดสจากแอสตราเซนเนกาในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะได้รับวัคซีนล็อตแรกเร็วสุดภายในเดือนนี้ นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยังได้ทำข้อตกลงซื้อวัคซีนกับบริษัทอีก 3 ราย ได้แก่ ไฟเซอร์ จอห์นสันแอนด์จอห์นสันในเครือแจนส์เซน โมเดอร์นา ซึ่งทั้งสามรายเป็นบริษัทยาของสหรัฐ และโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ที่เป็นโครงการจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก ทำให้มีวัคซีนเพียงพอที่จะฉีดให้ประชาชนราว 56 ล้านคน ซึ่งถือว่าสูงกว่าจำนวนประชากรทั้งหมดของเกาหลีใต้ที่มี 52 ล้านคน ทั้งนี้ เกาหลีใต้วางแผนที่จะเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในเดือนหน้า และจะฉีดวัคซีนให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและกลุ่มคนเปราะบางเป็นอันดับแรก.-สำนักข่าวไทย

ฮ่องกง 3 ม.ค.- คณะทำงานเฉพาะกิจการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของฮ่องกงให้ความมั่นใจกับชาวฮ่องกงว่า วัคซีนปลอดภัยเพราะทางการเตรียมมาตรการควบคุมไว้สามระดับ นพ.โธมัส จาง หนึ่งในคณะที่ปรึกษาเรื่องการฉีดวัคซีนโควิดและอดีตหัวหน้าศูนย์คุ้มครองสุขภาพฮ่องกงกล่าวในรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่งว่า ชาวฮ่องกงไม่ต้องกังวลใจเรื่องความปลอดภัยของวัคซีนที่จะเริ่มใช้ในเดือนหน้า เพราะวัคซีนที่รัฐบาลจัดซื้อต้องขึ้นทะเบียนและใช้อย่างกว้างขวางในประเทศอื่น ๆ เช่นเดียวกัน ชาวฮ่องกงจะไม่ใช่หนูทดลองอย่างแน่นอน คณะที่ปรึกษาทั้ง 12 คนได้วิเคราะห์เชิงวิทยาศาสตร์อย่างถี่ถ้วนถึงประสิทธิภาพของวัคซีนแต่ละขนานก่อนจะอนุมัติให้ใช้ ขณะเดียวกันทางการได้ดำเนินโครงการรับรองความปลอดภัยสามระดับร่วมกับมหาวิทยาลัยในฮ่องกงเพื่อติดตามผลข้างเคียงจากการฉีด เขาเชื่อว่า คนในฮ่องกงอยากฉีดเพื่อสุขภาพของตัวเองและสังคม นอกจากนี้ยังอาจสะดวกต่อการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพราะมีใบรับรองการฉีดวัคซีนแล้ว ฮ่องกงพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ 35 คนเมื่อวันเสาร์ ทำให้ยอดสะสมเป็น 8,923 คน เสียชีวิต 150 คน นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารฮ่องกงกล่าวเมื่อเดือนก่อนว่า จัดหาวัคซีน 22.5 ล้านโดสจากสามแหล่ง เพียงพอสำหรับคนในฮ่องกง 7.5 ล้านคน วัคซีนหนึ่งล้านโดสแรกจะฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ดูแลในบ้านพักคนชราและบ้านพักคนพิการ และผู้มีอายุตั้งแต่ 85 ปีขึ้นไป วัคซีนทั้งสามแหล่งประกอบด้วยซิโนแวกไบโอเทคของจีน ไฟเซอร์/ไบออนเทค และแอสตราเซนเนกาของอังกฤษแหล่งละ 7.5 ล้านโดส.-สำนักข่าวไทย

นิวเดลี 3 ม.ค.- สำนักงานกำกับดูแลยาของอินเดียอนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สองขนานเป็นการฉุกเฉินแล้ว ประกอบด้วยวัคซีนของแอสตราเซนเนกาของอังกฤษและวัคซีนของบริษัทยาในประเทศ วี จี โซมานี อธิบดีสำนักงานกำกับดูแลยาของอินเดียอ่านแถลงการณ์ในการแถลงข่าววันนี้ว่า วัคซีนโควิชีลด์ (Covishield) ของออกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซนเนกามีประสิทธิภาพในภาพรวมร้อยละ 70.42 ขณะที่วัคซีนโควาซิน (COVAXIN) ของภารตะไบโอเทคของอินเดียมีความปลอดภัยและกระตุ้นภูมิคุ้มกันอย่างแข็งแกร่ง วัคซีนทั้งสองขนานนี้ได้รับอนุมัติให้ใช้อย่างจำกัดในสถานการณ์ฉุกเฉิน รอยเตอร์รายงานเสริมว่า โควิชีลด์ผลิตในอินเดียโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดในโลก ส่วนโควาซิน ภารตะไบโอเทคพัฒนาร่วมกับสภาการวิจัยการแพทย์อินเดียของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียทวีตในวันเดียวกันว่า เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้การต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวแข็งแกร่งยิ่งขึ้น อธิบดีสำนักงานกำกับดูแลยาได้อนุมัติให้ใช้วัคซีนของสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียและภารตะไบโอเทค ปูทางให้อินเดียมุ่งไปสู่การเป็นประเทศสุขภาพดีและปลอดโควิดได้เร็วยิ่งขึ้น ขอแสดงความยินดีกับประเทศ นักวิทยาศาสตร์และนักนวัตกรรมที่ทำงานอย่างแข็งขัน เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทมส์ออฟอินเดียอ้างกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการครอบครัวอินเดียและมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ของสหรัฐว่า อินเดียมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสม 10,323,965 คน เสียชีวิต 149,435 คน.-สำนักข่าวไทย

นิวเดลี 2 ม.ค.- อินเดียซักซ้อมการฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ก่อนที่จะเริ่มการฉีดให้คนทั้งประเทศเมื่อทางการอนุมัติในขั้นสุดท้าย คณะทำงานรัฐบาลอินเดียแนะนำเมื่อวันศุกร์ให้ใช้วัคซีนของออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซนเนกาเป็นการฉุกเฉิน คาดว่าจะเริ่มการฉีดเข็มแรกได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ที่สำนักงานควบคุมยาอนุมัติในขั้นสุดท้าย อินเดียซึ่งมีผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมกว่า 10.2 ล้านคน มากเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐตั้งเป้าหมายจะฉีดวัคซีนให้ประชากร 300 คน จากทั้งประเทศ 1,300 ล้านคนภายในกลางปีนี้ สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดในโลกมีวัคซีนโควิชีลด์ (Covishield) ของแอสตราเซนเนกาในคลังแล้วหลายสิบล้านโดส ขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ 96,000 คนกำลังซักซ้อมการฉีดวัคซีน รัฐมนตรีสาธารณสุขอินเดียเผยว่า แต่ละศูนย์การแพทย์ทั่วประเทศให้บุคลากร 25 คนซ้อมการใช้วัคซีนหลอกเพื่อสร้างความเชี่ยวชาญให้การฉีดวัคซีนดำเนินไปอย่างคล่องตัว อีกทั้งยังเป็นการสยบข่าวลือผิด ๆ ที่อาจทำให้คนกลัวการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นอกจากอินเดียแล้ว อังกฤษและอาร์เจนตินาก็อนุมัติในสัปดาห์นี้ให้ใช้วัคซีนโควิชีลด์ ขณะที่องค์การอนามัยโลกอนุมัติเมื่อวันพฤหัสบดีให้ใช้วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคเป็นการฉุกเฉิน คาดว่าวัคซีนโควิชีลด์จะใช้อย่างกว้างขวางในอินเดียมากกว่า เพราะเก็บรักษาและลำเลียงได้ง่ายกว่าด้วยตู้เย็นปกติ ไม่ต้องใช้ตู้พิเศษเพื่อรักษาอุณหภูมิที่ติดลบ 70 องศาเซลเซียสเหมือนวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค.-สำนักข่าวไทย

ไทเป 30 ธ.ค. – ไต้หวันจะซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จำนวน 10 ล้านโดสจากแอสตราเซนเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษ และพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่แตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิมเป็นรายแรก ทางการไต้หวันวางแผนซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 30 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับประชาชนร้อยละ 65 จากประชากรทั้งหมด และจะฉีดให้แก่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ก่อน ในจำนวนนี้ มีวัคซีนของแอสตราเซนเนกา 10 ล้านโดส วัคซีนของโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ที่เป็นการจัดสรรโดยองค์การอนามัยโลกอีก 4.76 ล้านโดส และกำลังอยู่ในระหว่างเจรจากับอีกบริษัทหนึ่งด้วย โดยคาดว่าไต้หวันจะได้รับวัคซีนล็อตแรกเร็วสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า นายเฉิน สือจง รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของไต้หวันกล่าวว่า เขาต้องการให้มีการใช้ระบบหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อผ่อนคลายการเดินทางระหว่างประเทศให้แก่ผู้ที่ฉีดวัคซีน นายเฉินยังกล่าวต่อว่า ไต้หวันพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่แตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิมเป็นรายแรกแล้ว ผู้ป่วยติดเชื้อคนดังกล่าวเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและมีอาการคงที่หลังเดินทางกลับมาจากอังกฤษเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาและมีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไป ทางการไต้หวันจะใช้มาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศที่เข้มงวดยิ่งขึ้น รวมถึงใช้คำสั่งระงับการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติทุกคนที่ไม่มีใบอนุญาตพำนักอาศัย แต่จะอนุโลมให้เฉพาะผู้ที่มีเหตุผลด้านมนุษยธรรมเท่านั้น. -สำนักข่าวไทย

จาการ์ตา 30 ธ.ค. – อินโดนีเซียลงนามในข้อตกลงซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดสจากแอสตราเซนเนกา บริษัทเวชภัณฑ์ของอังกฤษ และโนวาแวกซ์ บริษัทผู้พัฒนาวัคซีนของสหรัฐ นางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียกล่าวว่า ทางการได้ลงนามในข้อตกลงซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 50 ล้านโดสจากแอสตราเซนเนกา และอีก 50 ล้านโดสจากโนวาแวกซ์แล้ว ขณะที่นายบูดี กูนาดี ซาดิคิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ของอินโดนีเซียระบุว่า วัคซีนทั้งสองขนานจะช่วยให้อินโดนีเซียมีทางเลือกมากขึ้น และสามารถวางแผนการฉีดวัคซีนในระยะที่สอง รวมถึงการแจกจ่ายวัคซีนด้วย ทางการอินโดนีเซียรายงานว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 7,903 คน และผู้เสียชีวิต 251 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 727,000 คน และผู้เสียชีวิตกว่า 21,700 คน ขณะนี้อินโดนีเซียยังคงเป็นประเทศที่มียอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. -สำนักข่าวไทย

ลอนดอน 30 ธ.ค.- หน่วยงานกำกับดูแลยาของสหราชอาณาจักรหรือยูเค (UK) อนุมัติให้ใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดพัฒนาร่วมกับบริษัทแอสตราเซนเนกาแล้ว เว็บไซต์บรรษัทกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ระบุว่า การอนุมัตินี้เป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ที่จะนำมาซึ่งการฉีดวัคซีนขนานใหญ่เพราะเป็นการรับรองว่าวัคซีนปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทางการสั่งซื้อวัคซีนจากแอสตราเซนเนกา 100 ล้านโดสสำหรับฉีดให้ประชาชน 50 ล้านคนจากทั้งหมดกว่า 67 ล้านคนทั่วยูเค วัคซีนขนานนี้เริ่มพัฒนาตั้งแต่ต้นปี ทดสอบกับอาสาสมัครครั้งแรกในเดือนเมษายน เป็นวัคซีนขนานที่สองต่อจากของไฟเซอร์/ไบออนเทคที่ยูเคอนุมัติให้ใช้ในเดือนนี้ ย่าทวดมาร์กาเร็ต คีแนนรับวัคซีนเข็มแรกของประเทศและของโลกไปเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม เป็นของขวัญวันเกิดก่อนมีอายุครบ 91 ปีในอีกไม่กี่วัน จนถึงขณะนี้มีคนในยูเครับวัคซีนไปแล้วกว่า 600,000 คน ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่กว่า 2.38 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 71,000 คน บีบีซีระบุว่า วัคซีนของออกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซนเนกามีราคาถูกและผลิตเป็นจำนวนมากได้ง่าย ที่สำคัญสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิตู้เย็นทั่วไป ไม่ต้องเก็บในที่ติดลบ 70 องศาเซลเซียสเหมือนของไฟเซอร์/ไบออนเทค ทำให้ขนส่งไปยังบ้านพักคนชราและสถานพยาบาลทั่วไปได้สะดวกกว่า บีบีซีอ้างข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่แจ้งผลเบื้องต้นจากการทดลองระยะสามว่า วัคซีนของออกซ์ฟอร์ด/แอสตราเซนเนกามีประสิทธิภาพในการป้องกันที่ร้อยละ 62-90 ขณะที่ของไฟเซอร์/ไบออนเทค และของโมเดอร์นามีประสิทธิภาพที่ร้อยละ 95 และสปุตนิควีของกามาเลยาของรัสเซียมีประสิทธิภาพที่ร้อยละ 92.-สำนักข่าวไทย

เดลี 7 ธ.ค.- สถาบันซีรั่มของอินเดียขอให้ใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกา บริษัทยาของอังกฤษเป็นการฉุกเฉิน สื่อหลายแห่งในอินเดียอ้างรายงานจากพีทีไอ (PTI) หรือเพรสส์ทรัสต์ออฟอินเดีย ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ว่า สถาบันซีรั่มของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ปริมาณ ได้ขออนุญาตใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอนตราเซนเนกาเป็นกรณีฉุกเฉินเมื่อวานนี้ คำขอที่ยื่นต่อสำนักงานควบคุมยาของอินเดียระบุว่า จากข้อมูลจากการศึกษาทางคลินิก 4 ชิ้น โดยเป็นการศึกษาในสหราชอาณาจักร 2 ชิ้น ในบราซิลและอินเดียประเทศละชิ้น แสดงให้เห็นว่าวัคซีนโควิชีลด์ (Covishield) ของแอสตราเซนเนกา มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อโควิดขั้นรุนแรง ขณะเดียวกันวัคซีนดังกล่าวยังง่ายต่อการขนส่งเพื่อกระจายวัคซีนในอินเดีย เนื่องจากสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส คำขอได้อ้างถึงความต้องการทางการแพทย์ที่สูงมากจนไม่อาจตอบสนองได้ทัน อันเนื่องมาจากการระบาดของโรค และเพื่อประโยชน์ของสาธารณะโดยรวม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ไฟเซอร์ บริษัทยาของสหรัฐกำลังยื่นขออนุญาตในแบบเดียวกันให้ใช้วัคซีนโควิดของตน ในอินเดีย อินเดียมีผู้ป่วยโควิดสะสม 9,677,707 คน เสียชีวิต 140,610 คน.-สำนักข่าวไทย

คำถามที่มีต่อข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกา อาจทำให้วัคซีนดังกล่าวได้รับการอนุมัติล่าช้า