เศรษฐกิจ

วอชิงตัน 3 ก.ค. – กระทรวงคลังสหรัฐแถลงเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐว่า นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลัง จะไปเยือนจีน วันที่ 6-9 กรกฎาคม นับเป็นรัฐมนตรีสหรัฐคนที่ 2 ที่เยือนจีน หลังจากความสัมพันธ์เสื่อมถอยลงเมื่อต้นปีเพราะเรื่องบอลลูนสอดแนมของจีนลอยเหนือน่านฟ้าสหรัฐและถูกยิงตก แถลงการณ์ระบุว่า นางเยลเลนจะหารือกับรัฐมนตรีคลังจีนเรื่องความสำคัญของการที่ทั้ง 2 ประเทศจะต้องจัดการความสัมพันธ์อย่างมีความรับผิดชอบ สื่อสารโดยตรงในประเด็นที่เป็นความกังวล และทำงานร่วมกันในการรับมือกับความท้าทายระดับโลก เจ้าหน้าที่สหรัฐเผยว่า นางเยลเลนจะหารือเรื่องทัศนะของสหรัฐที่มีต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีน รวมทั้งจะพบกับเจ้าหน้าที่อาวุโสจีนและบริษัทชั้นนำของสหรัฐ เจ้าหน้าที่สหรัฐชี้แจงว่า การกระทำของสหรัฐเพื่อปกป้องผลประโยชน์ด้านความมั่นคงแห่งชาติและสิทธิมนุษยชน ไม่มีเจตนาที่เอาเปรียบจีนในทางเศรษฐกิจ สหรัฐต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน ไม่ได้หาทางแยกตัวทางเศรษฐกิจ และเดินหน้าร่วมมือในประเด็นท้าทายเร่งด่วน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาหนี้สิน อย่างไรก็ดี สหรัฐไม่ได้คาดหวังว่าจะบรรลุผลสำคัญจากการเยือนครั้งนี้ แต่มุ่งสร้างช่องทางการสื่อสารในระยะยาวกับจีน ก่อนหน้านี้นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเพิ่งพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง  นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง และนายฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศระหว่างเยือนจีนเมื่อเดือนมิถุนายน นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของสหรัฐที่เยือนจีนในรอบเกือบ 5 ปี.-สำนักข่าวไทย

ธนาคารโลกกล่าวว่า การตัดกระแสไฟฟ้าและข้อจำกัดต่าง ๆ ที่รัฐบาลทหารกำหนดขึ้นเกี่ยวกับการทำธุรกิจและการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกำลังเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจของเมียนมา

นายกรัฐมนตรีคริส ฮิปกินส์ ของนิวซีแลนด์ ลงนามข้อตกลงจำนวนมากระหว่างเยือนจีนเป็นเวลาหลายวันและหลายเมือง หวังช่วยฟื้นฟูประเทศที่เข้าสู่ภาวะถดถอยเมื่อต้นปี และกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปลายปีนี้

วอชิงตัน 28 มิ.ย.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจที่มีชื่อว่า ไบเดโนมิกส์ (Bidenomics) หวังเรียกคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อให้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกสมัยในปี 2567 ผลสำรวจของเอบีซี นิวส์/วอชิงตัน โพสต์เมื่อเดือนพฤษภาคมพบว่า ประธานาธิบดีไบเดน พรรคเดโมแครต มีคะแนนตามหลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พรรครีพับลิกัน มากถึง 18 จุดเรื่องผลงานการบริหารเศรษฐกิจประเทศ โฆษกทำเนียบขาวเผยกับสื่อก่อนที่ประธานาธิบดีไบเดนจะเปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจบนเวทีหาเสียงที่นครชิคาโกในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ไบเดโนมิกส์จะเป็นคำแห่งวัน คำแห่งสัปดาห์ คำแห่งเดือน และคำแห่งปีของทำเนียบขาว และจะมาแทนที่คำว่า เรแกโนมิกส์ (Reaganomics) ซึ่งเป็นนโยบายเศรษฐกิจแบบไหลริน (trickle-down economics) ที่เป็นเศรษฐกิจที่ไหลจากบนลงล่าง ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 สมัยอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน และได้รับยกย่องจากบางฝ่ายว่าทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเฟื่องฟู โฆษกกล่าวว่า ประธานาธิบดีไบเดนไม่เห็นด้วยกับเรแกโนมิกส์ที่มีทฤษฎีว่า การลดภาษีที่เศรษฐกิจระดับบนจะทำให้ประโยชน์ไหลรินลงมายังเศรษฐกิจระดับล่าง และรัฐบาลต้องไม่ขัดขวางทาง ประธานาธิบดีไบเดนจะมุ่งเน้นความเชื่อที่ว่า เศรษฐกิจประเทศจะเติบโตเมื่อชนชั้นกลางเติบโต เรแกโนมิกส์ทำให้เมืองอุตสาหกรรมในสหรัฐกลายเป็นเมืองร้างเพราะมีการย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศ และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญถูกทอดทิ้ง แต่ไบเดโนมิกส์จะนำงบประมาณรัฐบาลมากระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนในโครงการก่อสร้างด้านการผลิต ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเติบโต.-สำนักข่าวไทย

นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีนเผยว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเดินหน้าไปสู่การขยายตัวได้ร้อยละ 5 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้เมื่อต้นปี

ปักกิ่ง 20 มิ.ย.- จีนลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนในวันนี้ เพื่อหาทางกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจติดตามมาอีก ธนาคารประชาชนจีนซึ่งเป็นธนาคารกลางประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (loan prime rate) ระยะเวลา 1 ปีลงร้อยละ 0.10 เหลือร้อยละ 3.55 และระยะเวลา 5 ปีลงร้อยละ 0.10 เหลือร้อยละ 4.20 หลังจากที่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นและระยะกลางไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจีนเตรียมจะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินรอบใหม่เพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังผ่านพ้นโควิด-19 ที่ชะลอตัวลง หลังจากมีแรงขับเคลื่อนดีในไตรมาสแรกของปีนี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า การลดดอกเบี้ยแม้จะช่วยลดต้นทุนของเงินกู้ในอนาคตและปัจจุบัน แต่ไม่น่าจะเร่งให้ตลาดสินเชื่อขยายตัวอย่างรวดเร็วเนื่องจากความต้องการสินเชื่อซบเซา ส่วนการออกมาตรการผ่อนคลายอื่น ๆ และมาตรการส่งเสริมการบริโภคอาจจะช่วยยับยั้งไม่ให้เศรษฐกิจชะลอการขยายตัวอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นกลับมาได้ในเร็ว ๆ นี้ พร้อมกับปรับลดประมาณการเศรษฐกิจจีนว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.7 ในปีนี้ จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ร้อยละ 6.3.-สำนักข่าวไทย

เวลลิงตัน 15 มิ.ย.- ข้อมูลของทางการนิวซีแลนด์เผยว่า เศรษฐกิจนิวซีแลนด์ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว เนื่องจากขยายตัวติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน ก่อนที่นิวซีแลนด์จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ สำนักงานสถิตินิวซีแลนด์เผยวันนี้ว่า เศรษฐกิจหดตัวร้อยละ 0.1 ในไตรมาสแรกของปี 2566 หลังจากหดตัวร้อยละ 0.7 ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ทให้เศรษฐกิจเข้าสู่ถาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับจากปี 2563 ที่นิวซีแลนด์ต้องปิดประเทศเพราะโควิด-19 นายแกรนต์ โรเบิร์ตสัน รัฐมนตรีคลังนิวซีแลนด์ยอมรับว่า การที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะเป็นที่รู้กันว่าปี 2566 เป็นปีที่ท้าทาย เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอการขยายตัว อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงไปอีกระยะหนึ่ง และเกาะเหนือของนิวซีแลนด์เกิดน้ำท่วมใหญ่ในเมืองออกแลนด์เมื่อเดือนมกราคม และถูกไซโคลนแกเบรียลพัดถล่มเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลกระทบหนักต่อกิจกรรมของครัวเรือนและธุรกิจ พรรคฝ่ายค้านสายกลางขวากล่าวโทษรัฐบาลว่า ทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในอันตราย เพราะหดตัวทั้งที่อัตราเงินเฟ้อสูงถึงร้อยละ 6.7 ตัวเลขการเกษตร การผลิต การขนส่งและการบริการล้วนขยายตัวลดลง นายกรัฐมนตรีคริส ฮิปกินส์กำลังถูกกดดันเนื่องจากผลการหยั่งเสียงชี้ว่า รัฐบาลพรรคแรงงานสายกลางซ้ายต้องขับเคี่ยวอย่างหนักกับพรรคแห่งชาติในการเลือกตั้งเดือนตุลาคม เขาจะไปเยือนจีนในปลายเดือนนี้เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้า เพราะรายได้จากการส่งออกเกือบ 1 ใน 4 มาจากจีน นักวิเคราะห์ของกีวีแบงก์มองว่า เศรษฐกิจนิวซีแลนด์เข้าสู่ภาวะถดถอยเร็วกว่าที่คาด จึงเป็นหน้าที่ของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ที่จะต้องนำพาประเทศให้พ้นจากภาวะนี้ด้วยการยุตินโยบายขึ้นดอกเบี้ยที่ทำให้ประชาชนยากลำบากในช่วงที่ค่าครองชีพสูง.-สำนักข่าวไทย

ปักกิ่ง 15 มิ.ย.- อัตราว่างงานของคนหนุ่มสาวในจีนทำสถิติสูงสุดเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม เป็นหนึ่งในดัชนีเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่บ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังผ่านพ้นโควิดเริ่มซบเซา สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเผยข้อมูลในวันนี้ว่า อัตราว่างงานของชาวจีนวัย 16-24 ปี อยู่ที่ร้อยละ 20.8 ในเดือนพฤษภาคม 2566 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20.4 ในเดือนเมษายน ทำสถิติสูงสุด 2 เดือนติดต่อกัน ขณะที่อัตราว่างงานในเขตเมืองโดยรวมยังคงเดิมที่ร้อยละ 5.2 ส่วนดัชนีภาคการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 ลดลงจากเดือนเมษายนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 เช่นเดียวกับดัชนีการบริโภคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 ต่อปี ลดลงจากเดือนเมษายนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.4 ต่อปี ประธานบริษัทจัดการทรัพย์สินพินพอยต์ที่ตั้งอยู่ในจีนชี้ว่า ดัชนีเศรษฐกิจทั้งหมดส่งสัญญาณต่อเนื่องว่า แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนกำลังอ่อนตัวลง ความต้องการบริโภคในประเทศที่อ่อนแอ ทั้งที่อัตราเงินเฟ้อต่ำเกือบร้อยละ 0 กำลังขัดขวางการฟื้นตัวของจีนหลังผ่านพ้นโควิด.-สำนักข่าวไทย

ผู้นำสหรัฐและอังกฤษประกาศความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจใหม่ที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทดแทน ในขณะที่เผชิญกับการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากประเทศจีน