ศาลเมียนมาสั่งจำคุก “ซูจี” 4 ปีกรณีวิทยุสื่อสาร

เนปิดอว์ 10 ม.ค. – ศาลของรัฐบาลทหารเมียนมาตัดสินจำคุกนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่ถูกยึดอำนาจ เป็นเวลา 4 ปีในความผิดหลายข้อหา ซึ่งรวมถึงข้อหาครอบครองวิทยุสื่อสาร หรือ วอล์คกี้ ทอล์คกี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต แหล่งข่าวใกล้ชิดการพิจารณาคดีดังกล่าวเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ศาลเมียนมาได้สั่งจำคุกนางซูจี วัย 76 ปี เป็นเวลา 2 ปีในข้อหาละเมิดกฎหมายนำเข้า-ส่งออกโดยมีวิทยุสื่อสารไว้ในครอบครอง และได้รับโทษจำคุก 1 ปีจากข้อหาครอบครองชุดอุปกรณ์รบกวนสัญญาณ ซึ่งจะเป็นการรับโทษไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ ศาลเมียนมายังสั่งจำคุกนางซูจีอีก 2 ปีจากข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายจัดการภัยธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับข้อกำหนดในการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะนี้ นางซูจีกำลังถูกพิจารณาคดีอีกกว่าสิบคดีที่มีโทษจำคุกรวมกันมากกว่า 100 ปี แต่เธอให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนหน้านี้ นางซูจีเพิ่งได้รับโทษจำคุก 4 ปีในข้อหายุยงปลุกปั่นและฝ่าฝืนข้อกำหนดเกี่ยวกับการระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมปีก่อน แม้ศาลจะลดโทษดังกล่าวเหลือจำคุก 2 ปีในภายหลัง แต่หลายประเทศต่างประณามการพิจารณาคดีดังกล่าว ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าเป็นการพิจารณคดีที่ไม่น่าเชื่อถือ ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนนางซูจีระบุว่า ข้อกล่าวหาต่าง ๆ […]

ชาวเมียนมาต่อต้าน “ฮุน เซน” เยือนเมียนมา

ย่างกุ้ง 7 ม.ค. – ชาวเมียนมาในหลายพื้นที่ของประเทศออกมาชุมนุมต่อต้านการเดินทางเยือนเมียนมาของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเป็นการสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลทหารเมียนมา ในขณะที่ผู้นำกัมพูชาได้รับการต้อนรับที่ท่าอากาศยานด้วยการเดินพรมแดงที่มีแถวทหารกองเกียรติยศ ชาวเมียนมาที่เมืองเดปายิน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงเนปิดอว์ไปทางเหนือราว 300 กิโลเมตร ได้ออกมาชุมนุมประท้วงการเดินทางเยือนเมียนมาของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ด้วยการจุดไฟเผารูปผู้นำกัมพูชาและพูดพร้อมกันว่า ‘นายกรัฐมนตรีฮุน เซนอย่ามาเมียนมา พวกเราไม่ต้องการผู้นำเผด็จการจากกัมพูชา’ (Hun Sen don’t come to Myanmar. We don’t want dictator Hun Sen.) นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ชาวเมียนมาในเขตมัณฑะเลย์ เขตตะนาวศรี และเขตโมนยวา ต่างออกมาชุมนุมต่อต้านเช่นเดียวกัน ส่วนผู้นำกลุ่มนักเคลื่อนไหวในเมียนมาคนหนึ่งโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน จะเผชิญกับเหตุประท้วงครั้งใหญ่ในระหว่างการเดินทางเยือนเมียนมา ซึ่งจะทำให้สถานะของอาเซียนย่ำแย่ลง ในขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาระบุในแถลงการณ์ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน จะเข้าพบพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือระดับทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงความคืบหน้าล่าสุดของอาเซียน ขณะที่โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมายืนยันว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน […]

นายกฯ กัมพูชาจะเริ่มเยือนเมียนมาวันนี้

พนมเปญ 7 ม.ค.- นายกรัฐมนตรีฮุน เซนของกัมพูชาจะเริ่มเยือนเมียนมาในวันนี้ เพื่อพบหารือกับคณะผู้นำทหาร จุดกระแสประท้วงจากฝ่ายต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาที่เกรงว่า การเยือนดังกล่าวจะสร้างความชอบธรรมให้แก่รัฐบาลทหารเมียนมา นายกรัฐมนตรีฮุน เซนจะเป็นผู้นำประเทศคนแรกที่เยือนเมียนมา นับตั้งแต่กองทัพเมียนมารัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารในเมืองเดปายิน เขตสะกาย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมียนมา ชุมนุมเผาโปสเตอร์ภาพผู้นำกัมพูชา นอกจากนี้ยังมีรายงานการชุมนุมประท้วงในเขตมัณฑะเลย์ เขตตะนาวศรี และเมืองโมนยวาในเขตสะกายด้วย กลุ่มประสานงานการผละงานที่ประกอบด้วยองค์กรต่อต้านรัฐประหารในเมียนมามากกว่า 260 แห่งประณามนายกรัฐมนตรีฮุน เซนว่าสนับสนุนรัฐบาลทหารเมียนมา ขณะที่เจ้าหน้าที่องค์การนิรโทษกรรมสากลขอให้ผู้นำกัมพูชายกเลิกการเยือน และนำอาเซียนดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขสถานการณ์สิทธิมนุษยชนเลวร้ายในเมียนมา กัมพูชาเป็นประธานสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนวาระปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีฮุน เซนเรียกร้องเมื่อวันพุธให้ทุกฝ่ายในเมียนมาใช้ความอดกลั้น และขอให้ปฏิบัติตามแผนสันติภาพตั้งแต่ต้นจนจบ ด้านประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซียทวีตผ่านทวิตเตอร์หลังจากสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า หากไม่มีความคืบหน้าเรื่องการปฏิบัติตามแผนสันติภาพฉันทามติ 5 ข้อที่เมียนมาตกลงกับอาเซียนเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน ก็ไม่ควรให้ตัวแทนทางการเมืองของเมียนมาเข้าร่วมการประชุมอาเซียน.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเตือนเมียนมามีองค์ประกอบสงครามกลางเมืองครบ

สิงคโปร์ 5 ม.ค. – กัมพูชา ซึ่งเป็นประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ประจำปีนี้ เตือนว่า เมียนมามีองค์ประกอบที่จะทำให้เกิดสงครามกลางเมืองครบถ้วน ในขณะที่นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา จะเดินทางเยือนเมียนมาในวันที่ 7 มกราคมนี้ นายปรัก สุคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาและทูตพิเศษอาเซียนว่าด้วยกิจการเมียนมา กล่าวระหว่างการบรรยายที่สถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค ซึ่งเป็นองค์กรวิชาการอิสระของสิงคโปร์ในวันนี้ว่า สถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงในเมียนมากำลังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และอาจนำไปสู่วิกฤตด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ และมนุษยธรรม กัมพูชาคิดว่าเมียนมามีองค์ประกอบที่จะทำให้เกิดสงครามกลางเมืองครบถ้วน เพราะขณะนี้เมียนมามีสองรัฐบาล มีกองกำลังแบ่งเป็นฝักฝ่าย ประชาชนเข้าร่วมในขบวนการอารยะขัดขืนต่อต้านรัฐประหาร และเกิดสงครามกองโจรทั่วประเทศ อย่างไรก็ดี นายปรัก สุคน ระบุว่า กระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเดินทางเยือนเมียนมาของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ว่าเป็นไปเพื่อสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลทหารเมียนมานั้นไม่เป็นความจริง แต่กัมพูชาต้องการกระตุ้นให้เกิดการแก้ไขสถานการณ์ของเมียนมาในทันที และยังคงให้ความสำคัญกับแผนฉันทามติ 5 ข้อที่เมียนมาตกลงไว้กับบรรผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนเมื่อปีก่อน นายปรัก สุคน ยังระบุว่า การเดินทางเยือนเมียนมาของผู้นำกัมพูชามีวัตถุประสงค์เพื่อปูทางไปสู่ความก้าวหน้าด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างครอบคลุมและสร้างความไว้วางใจทางการเมืองของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เขามองว่า วิกฤตในเมียนมาส่งผลร้ายต่อความมั่นคงในระดับภูมิภาคของอาเซียน เช่น ภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และความสามัคคี อย่างไรก็ดี กัมพูชาจะพยายามหาทางให้พลเอกอาวุโสมิน […]

อียูพร้อมใช้มาตรการลงโทษเมียนมาเพิ่มจากเหตุสังหารหมู่

บรัสเซลส์ 30 ธ.ค.-สหภาพยุโรป หรืออียู เตรียมประกาศใช้มาตรการลงโทษเมียนมาเพิ่มเติม หลังเกิดเหตุสังหารหมู่ที่รัฐกะยาของเมียนมาเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม หรือตรงกับวันคริสต์มาสอีฟ และเรียกร้องให้นานาชาติหยุดจำหน่ายอาวุธให้เมียนมา นายโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้านโยบายต่างประเทศของอียู ระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า นานาชาติจำเป็นต้องใช้มาตรการป้องกันระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงมาตรการห้ามขายอาวุธให้เมียนมา เนื่องจากสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในเมียนมา อียูเตรียมพร้อมที่จะใช้มาตรการลงโทษเพิ่มเติมต่อรัฐบาลทหารเมียนมา ทั้งยังระบุว่า จำเป็นต้องจับตัวผู้กระทำความผิดจากเหตุสังหารหมู่ที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกองทัพเมียนมาในรัฐกะยาเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมมาลงโทษโดยด่วน เหตุดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตที่เป็นเด็ก ผู้หญิง และเจ้าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมรวมอยู่ด้วย นับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารในเมียนมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา อียูได้ประกาศใช้มาตรการลงโทษที่มุ่งเน้นไปยังกลุ่มผู้นำและนายพลระดับสูงที่กุมอำนาจในกองทัพเมียนมา นอกจากนี้ อียูยังสั่งระงับความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่รัฐบาลทหารเมียนมา รวมถึงความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ ที่อาจทำให้รัฐบาลทหารได้รับความชอบธรรม.-สำนักข่าวไทย

เผย จนท. “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” ตายในเหตุสังหารหมู่เมียนมา

ย่างกุ้ง 29 ธ.ค. – “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” (Save the Children) องค์กรการกุศลระหว่างประเทศ ยืนยันเมื่อวันอังคารว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิ 2 คนที่หายตัวไป เป็นผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งในเหตุสังหารหมู่ในวันคริสต์มาส อีฟ ที่รัฐกะยา ทางตะวันออกของเมียนมา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย ซึ่งมีสตรีและเด็กรวมอยู่ด้วย ขณะที่สหรัฐกดดันให้ทั่วโลกใช้มาตรการห้ามขายอาวุธให้รัฐบาลทหารเมียนมา “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” ยืนยันในแถลงการณ์ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิ 2 คนที่หายตัวไปก่อนหน้านี้เป็นผู้เสียชีวิตในกลุ่มผู้ที่ถูกสังหารอย่างน้อย 35 รายจากเหตุสังหารหมู่ในวันที่ 24 ธันวาคม หรือตรงกับวันคริสต์มาสอีฟ กองทัพเมียนมาได้บังคับให้ทุกคนลงจากรถโดยสาร จับกุมคนจำนวนหนึ่ง สังหารผู้คนจำนวนมาก และจุดไฟเผาศพ ทั้งยังระบุว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิที่เสียชีวิตคนหนึ่งเป็นครูฝึกสอน ส่วนอีกคนทำงานกับมูลนิธิมาเป็นเวลา 6 ปี นอกจากนี้ “เซฟ เดอะ ชิลเดรน” ยังเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี จัดประชุมและเร่งดำเนินการหาตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน สหรัฐ ซึ่งเป็นแกนนำในการคว่ำบาตรรัฐประหาร […]

ทูตพิเศษเมียนมาของยูเอ็นร้องประกาศหยุดยิงในเมียนมา

สิงคโปร์ 28 ธ.ค. – ดร. โนลีน เฮย์เซอร์ ทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาคนใหม่ของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุเมื่อวันจันทร์ว่า เธอรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมียนมา และเรียกร้องให้ใช้ประกาศหยุดยิงในช่วงปีใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ดร. เฮย์เซอร์ ระบุในแถลงการณ์ครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งทูตพิเศษว่าด้วยกิจการเมียนมาของยูเอ็นเมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่า เธอขอให้ยุติการสู้รบทั่วประเทศ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายดำเนินการโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติมากขึ้น และเคารพต่อข้อผูกพันตามสัญญาภายใต้กฎหมายด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนเพื่อปกป้องพลเรือน การเดินทางอย่างปลอดภัยเมื่อจำเป็น และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ที่จำเป็น ซึ่งรวมถึงผู้ที่ถูกบังคับให้หลบหนีความรุนแรง ดร. เฮย์เซอร์ ยังระบุว่า ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นในเมียนมาทำให้พลเรือนหลายแสนคนต้องพลัดถิ่นฐาน ซึ่งรวมถึงสตรีและเด็ก ในจำนวนนี้ มีหลายคนกำลังหาที่หลบภัยโดยการข้ามพรมแดนเพื่อขอความคุ้มครองและความช่วยเหลือ ในขณะที่อีกหลายคนยังคงติดค้างอยู่ในเมียนมา ขณะนี้ เธอกำลังปรึกษากับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในด้านการสนับสนุนและช่วยเหลือเมียนมา โดยจะยังคงให้ความสำคัญกับความร่วมมือระหว่างประเทศที่สอดคล้องกันบนพื้นฐานของความสามัคคีในภูมิภาค แถลงการณ์ของ ดร. เฮย์เซอร์ มีขึ้นหลังเกิดเหตุสังหารหมู่และเผาคนในวันคริสต์มาสอีพที่รัฐกะยา ทางตะวันออกของเมียนมา ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย โดยที่กลุ่มเฝ้าระวังและสื่อท้องถิ่นของเมียนมากล่าวหาว่า รัฐบาลทหารเมียนมาเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้. -สำนักข่าวไทย

เมียนมาปะทะเดือดอีกระลอกตั้งแต่เช้าตรู่ ดังสะเทือนถึงไทย

เมียนมาปะทะเดือดอีกระลอกตั้งแต่เช้าตรู่ ดังสะเทือนถึงไทย

เมียนมาเปิดฉากระดมยิงกันอีกระลอกตั้งแต่เช้ามืด แรงสะเทือนได้ยินถึงไทย ประชาชนแนวตะเข็บชายแดนต้องหาที่กำบัง

จนท. Save the Children หายไปในรัฐกะยาของเมียนมา

กรุงเทพฯ 26 ธ.ค.- เซฟเดอะชิลเดรน (Save the Children) ซึ่งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือเด็กเผยว่า เจ้าหน้าที่ 2 คนของมูลนิธิหายไป หลังจากทหารเมียนมาจับคนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในรัฐกะยา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ถูกอ้างในภาพที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ว่า เกิดเหตุสังหารหมู่และเผาคนมากกว่า 30 ศพในรถ 3 คันในวันคริสต์มาสอีฟ เซฟเดอะชิลเดรนแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ 2 คนนั้นเดินทางกลับบ้านหลังจากปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรมในชุมชนใกล้เคียง แต่ไปติดอยู่ในเหตุการณ์ที่ทหารจับคนในหมู่บ้านและยังคงหายไปจนถึงขณะนี้ ทางมูลนิธิได้รับการยืนยันว่า รถของพวกเขาถูกเผา และได้รับรายงานว่าทหารเมียนมาไล่คนลงจากรถ ก่อนจับกุม สังหาร และเผา รัฐบาลเมียนมายังไม่แสดงความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ขณะที่หนังสือพิมพ์ของทางการรายงานเมื่อวันเสาร์ว่า เกิดการสู้รบใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่งในรัฐกะยาเมื่อวันศุกร์ เมื่อกลุ่มกองโจรชื่อพรรคก้าวหน้าแห่งชาติกะเหรี่ยงและกลุ่มต่อต้านกองทัพไม่ยอมหยุดรถและทำร้ายเจ้าหน้าที่ คนเหล่านี้กำลังจะไปฝึกอาวุธเพื่อสู้กับกองทัพ ส่วนรถที่ขับมาทั้ง 7 คันถูกไฟไหม้เสียหาย แต่ไม่ได้รายงานเรื่องการสังหารแต่อย่างใด ด้านสื่ออิสระรายงานว่า คนในหมู่บ้าน 10 คน ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วยถูกทหารควบคุมตัว สมาชิกกองกำลังท้องถิ่น 4 คนไปเจรจาขอให้ปล่อยตัวแต่กลับถูกจับมัดและจ่อยิงที่ศีรษะ.-สำนักข่าวไทย

พบร่างกว่า 30 ศพถูกเผาเกรียมในรัฐกะยาของเมียนมา

กลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชนและชาวบ้านรายงายว่า พบร่างผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 ศพ ซึ่งมีสตรีและเด็กรวมอยู่ด้วย ซึ่งถูกสังหารและเผาจนไหม้เกรียมในรัฐกะยา

ดินถล่มเหมืองหยกเมียนมา เสียชีวิตแล้ว 3 ราย

ย่างกุ้ง 23 ธ.ค. – เจ้าหน้าที่กู้ภัยของเมียนมาพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายจากเหตุดินถล่มเหมืองหยกผิดกฎหมายในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมียนมาเมื่อวันพุธ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 3 ราย และสูญหายอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยของเมียนมาพบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 รายในทะเลสาบที่อยู่ใกล้เหมืองหยกดังกล่าวในวันนี้ ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 3 ราย หลังจากที่เมื่อวานนี้พบผู้เสียชีวิต 1 ราย แต่ต้องยุติปฏิบัติการค้นหา เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศที่มีหมอกหนาจัดและฝนตกในช่วงกลางคืน ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยคาดว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 70 คนหลังเกิดเหตุดินถล่มเหมืองหยกเมื่อช่วงเช้ามืดวันพุธ แต่ระบุในเวลาต่อมาว่ายังไม่ทราบตัวเลขผู้สูญหายที่แน่ชัด เจ้าหน้าที่กู้ภัยขององค์กรกู้ภัยเมียนมาร์ กล่าวว่า สภาพอากาศในวันนี้แจ่มใส และมีทีมกู้ภัย 6 ทีมที่กำลังเร่งค้นหาผู้รอดชีวิต ทั้งยังระบุว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้มีสาเหตุจากกองดินและหินที่กวาดแรงงานตกลงไปในทะเลสาบที่ตั้งอยู่ใกล้เหมืองหยก. -สำนักข่าวไทย

KNU วอนตั้งเขตห้ามบินคุ้มครองชาวเมียนมาใกล้ชายแดนไทย

แม่สอด 22 ธ.ค.- สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นยู (KNU) ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏเก่าแก่ที่สุดในเมียนมาขอให้ประชาคมโลกช่วยตั้งเขตห้ามบินใกล้ชายแดนไทย เพื่อปกป้องชาวเมียนมาที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างเคเอ็นยูกับกองทัพเมียนมา เคเอ็นยูออกแถลงการณ์เมื่อไม่กี่วันก่อนว่า จากประสบการณ์การสู้รบที่ผ่านมาทำให้เชื่อว่า มีความเป็นไปได้สูงมากว่ากองทัพเมียนมาจะใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศกับเป้าหมายทางพลเรือน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล บ้านเรือน ขอให้ประชาคมโลกช่วยกำหนดเขตห้ามบิน ด้วยการขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) จัดการประชุมฉุกเฉิน หลังจากยูเอ็นเอสซีได้ออกแถลงการณ์ที่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกทั้ง 15 ชาติเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน แสดงความวิตกต่อสถานการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนเมียนมา และขอให้กองทัพเมียนมาใช้ความอดกลั้นอย่างถึงที่สุด เคเอ็นยูและกองทัพเมียนมาสู้รบกันหนักหน่วงมากขึ้น เป็นเหตุให้ชาวเมียนมาจำนวนมากหนีมาลี้ภัยในฝั่งไทย โดยเข้ามาแล้วราว 3,400 คนตามข้อมูลของทางการไทย และยังตกค้างอยู่ในฝั่งเมียนมาอีกหลายพันคน เคเอ็นยูลงนามหยุดยิงกับรัฐบาลเมียนมาในปี 2555 ยุติการก่อเหตุไม่สงบเพื่อขออำนาจปกครองตนเอง ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เมียนมาได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 2491 แต่หลังจากกองทัพเมียนมารัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เคเอ็นยูและกองทัพกลับมาปะทะกันอีกครั้ง การสู้รบล่าสุดเกิดขึ้นเพราะกองทัพพยายามเข้าไปจับกุมคนในพื้นที่ปกครองของเคเอ็นยู.-สำนักข่าวไทย

1 46 47 48 49 50 130
...