อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์

อนุ กมธ.รัฐวิสาหกิจ โยน 5 แนวทางให้ กระทรวงพลังงาน-กองทุนน้ำมัน และ ปตท. พิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่ง หลังราคาน้ำมันดีดตัวสูงขึ้น พร้อมติง นายกฯ นำรถทหารมาวิ่งเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

รัฐสภา 16 มิ.ย.- ส.ส.ประชาธิปัตย์ เสนอให้สลับเก้าอี้ “รมช.สธ.-รมช.เกษตรฯ”เหตุไม่มีอำนาจแก้ปัญหากระจายวัคซีน พร้อมจี้รัฐบาลเปิดตัวเลขและเหตุผลกระจายวัคซีนแต่ละจังหวัด นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ว่าสถานการณ์ทั่วประเทศต้องเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปจะมีเพียงบางจังหวัดที่มีวัคซีนสามารถฉีดให้ประชาชนได้ตามที่ลงทะเบียนไว้ ดังนั้นตนจะมีการเสนอต่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ให้พรรคประชาธิปัตย์ขอสลับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากปัจจุบันนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนวัคซีนและการเลื่อนฉีดวัคซีนที่เกิดขึ้น “พรรคประชาธิปัตย์ได้รับโควตามาในการบริหารงานกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่มาจากพรรคภูมิใจไทย ประชาชนก็คาดหวัง โดยเฉพาะสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และปัญหาการกระจายวัคซีน แต่รัฐมนตรีของพรรคไม่มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาการกระจายวัคซีน ผมในฐานะ ส.ส.ของพรรคไม่สามารถตอบคำถามพี่น้องประชาชน ดังนั้นหากไม่มีอำนาจในการแก้ไขปัญหาก็ไปอยู่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีรัฐมนตรีว่าการฯอยู่พรรคเดียวกัน เพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนจะดีกว่า”นายอัครเดช กล่าว นายอัครเดช ยังเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงว่าประชาชนที่ถูกเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปโดยไม่มีกำหนดจะได้รับการฉีดเมื่อไหร่ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะสับสน เกิดการตั้งคำถามว่าการกระจายวัคซีนไม่เป็นธรรม เพราะเกิดจากการเมืองนำการแพทย์หรือไม่ รวมถึงขอให้รัฐบาลเปิดเผยจำนวนการจัดสรรวัคซีนและจำนวนการฉีดของแต่ละจังหวัด รวมถึงเหตุผลประกอบว่าเหตุใดจังหวัดบางจังหวัดได้รับการจัดสรรมาก บางจังหวัดได้น้อย ซึ่งหากจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรมากเป็นเพราะมีการระบาดมากเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ แต่หากจังหวัดที่ได้รับวัคซีนมากเป็นจังหวัดที่ไม่ได้ระบาดมาก ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องชี้แจงว่าเพราะเหตุใด.- สำนักข่าวไทย

กรุงเทพฯ 19 พ.ค.-โฆษก กมธ.ติดตามเงินกู้แก้ปัญหาโควิด-19 หนุนรัฐบาลกู้เงินเพิ่ม 7 แสนล้านบาท แต่ต้องปรับเปลี่ยนกลไกการบริหารงบ ควบคุมเงินกู้ การตรวจสอบและการเบิกจ่าย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการติดตามตรวจสอบการใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.จำนวน 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขและฟื้นฟูปัญหาโควิด-19 กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลเตรียมออก พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาโควิด-19 ว่า ตนเห็นด้วย หากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินก้อนนี้มาใช้ เพราะการระบาดของโรคโควิด-19 รอบที่ 3 มีผลกระทบไม่ใช่เฉพาะเรื่องความปลอดภัยของประชาชนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลกู้รอบแรกมาแล้ว 1 ล้านล้านบาทเพื่อใช้ในการเยียวยา ฟื้นฟู และด้านสาธารณสุข ตามที่ได้มีการติดตามเงินกู้ก้อนนี้ก็มีการเบิกจ่ายเกือบเต็มวงเงินกู้แล้ว ดังนั้นหากจะต้องกู้มาอีก 7 แสนล้านบาท รัฐบาลจะต้องมีการปรับเปลี่ยนกลไกในการใช้เงิน ทั้งเรื่องของหน่วยงานที่จะควบคุมเงินกู้ การตรวจสอบ และการเบิกจ่าย ที่จะต้องทำให้การใช้เงินเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไปถึงมือประชาชน และสามารถที่จะฟื้นฟูเยียวยาได้อย่างแท้จริง “ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องกู้ แต่ประเด็นที่สำคัญคือกลไกที่รัฐบาลจะต้องทำอย่างไรให้การใช้เงินกู้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งที่ผ่านมาจากที่ตนเป็นกรรมาธิการติดตามและตรวจสอบการใช้เงินกู้ ต้องยอมรับว่าการใช้เงินยังล่าช้า เบิกจ่ายไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และยังไม่เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อประชาชน มีหลายโครงการที่ทำแล้วไม่สำเร็จ […]

“อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ยื่นประธานรัฐสภาขอทบทวนงบประมาณเกือบ 30 ล้านบาท สำหรับเดินทางไปต่างประเทศของสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เหตุไม่เหมาะสมในสถานการณ์โควิด-19 ชี้สภาฯควรเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ภาษีของประชาชน