จีนตกลงให้ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นเยือนซินเจียง

หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานวันนี้ว่า จีนตกลงอนุญาตให้ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เดินทางเยือนเขตซินเจียงได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งจะเป็นเจ้าภาพในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์

สหรัฐคว่ำบาตรหลายประเทศเพราะเรื่องสิทธิมนุษยชน

วอชิงตัน 11 ธ.ค.- สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรอย่างครอบคลุมกับบุคคลและนิติบุคคลในจีน เมียนมา เกาหลีเหนือ และบังกลาเทศ เพราะเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนเนื่องในวันสิทธิมนุษยชน 10 ธันวาคม ขณะที่แคนาดาและสหราชอาณาจักรร่วมคว่ำบาตรเมียนมาด้วย นายวัลลี อะเดเยโม รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังสหรัฐแถลงว่า การกระทำของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีแคนาดาและสหราชอาณาจักรเข้าร่วม เป็นการส่งสัญญาณว่า ประชาธิปไตยทั่วโลกจะต่อต้านผู้นำอำนาจรัฐมาใช้โดยมิชอบในการทำให้เกิดความทุกข์ยากและการกดขี่ ด้านสถานทูตจีนในสหรัฐประณามการเคลื่อนไหวของสหรัฐว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง และละเมิดบรรทัดฐานพื้นฐานว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศ ขอให้สหรัฐล้มเลิกการตัดสินใจดังกล่าว ขณะที่เกาหลีเหนือ เมียนมาและบังกลาเทศยังไม่แสดงท่าทีใด ๆ กระทรวงคลังสหรัฐได้เพิ่มชื่อของเซนซ์ไทม์ (SenseTime) บริษัทปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอของจีนไว้ในรายชื่อบริษัทอุตสาหกรรมทางทหารของจีน เนื่องจากพัฒนาโครงการจดจำใบหน้าที่สามารถระบุเชื้อชาติของเป้าหมาย โดยมุ่งที่ชนกลุ่มน้อยอุยกูร์เป็นพิเศษ ดังนั้นบริษัทนี้จะอยู่ในรายชื่อที่ห้ามชาวอเมริกันเข้าไปลงทุน ส่วนเมียนมาที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตรประกอบด้วยมุขมนตรี 4 คน หน่วยงานและองค์กรทางทหาร 2 แห่งที่จัดหากำลังสำรองให้กองทัพ เช่น อาวุธที่ใช้ปราบปรามผู้ประท้วงรัฐประหาร ขณะที่แคนาดาคว่ำบาตรหน่วยงาน 4 แห่งที่โยงกับกองทัพเมียนมา และสหราชอาณาจักรออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อกองทัพเมียนมา กระทรวงคลังสหรัฐยังได้ขึ้นบัญชีดำสำนักงานอัยการกลางของเกาหลีเหนือ อดีตรัฐมนตรีสวัสดิการสังคม รัฐมนตรีกองทัพประชาชน และกล่าวหาเอสอีเคสตูดิโอ (SEK Studio) บริษัทแอนิเมชันของทางการ รวมทั้งบริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้องว่า กดขี่คนทำงานชาวเกาหลีเหนือเพื่อหาเงินตราต่างประเทศ และหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร บริษัทนี้มีผลงานในแอนิเมชันชื่อดังของดิสนีย์อย่าง The […]

ออสเตรเลียร่วมคว่ำบาตรการทูตโอลิมปิกปักกิ่ง

แคนเบอร์รา 8 ธ.ค.- นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียเผยจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่กรุงปักกิ่งของจีน หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรทางการทูตต่องานดังกล่าว เพราะจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันกล่าวว่า การตัดสินใจนี้มีขึ้นในช่วงที่ออสเตรเลียมีความไม่ลงรอยกับจีนในหลายประเด็น ตั้งแต่กฎหมายออสเตรเลียว่าด้วยการป้องกันการแทรกแซงจากต่างชาติ การที่ออสเตรเลียจะมีเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ตามข้อตกลงกลาโหมไตรภาคีกับอังกฤษและสหรัฐ ไปจนถึงการที่จีนละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์และระงับการติดต่อระดับรัฐมนตรีกับออสเตรเลีย ผู้นำออสเตรเลียยืนยันว่า ออสเตรเลียจะไม่ยอมถอยจากจุดยืนอันแข็งแกร่งที่ยืนหยัดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ออสเตรเลียจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมโอลิมปิกที่จีน ด้านคณะกรรมการโอลิมปิกออสเตรเลียหรือเอโอซี (AOC) แถลงเคารพการตัดสินใจของรัฐบาล ซึ่งจะไม่กระทบต่อการเตรียมตัวของทีมนักกีฬา ความท้าทายสำคัญที่สุดของเอโอซีคือ การดูแลทีมให้เดินทางไปกรุงปักกิ่ง เข้าร่วมการแข่งขัน และกลับบ้านอย่างปลอดภัย ตามที่ได้เตรียมตัวฝึกหนักมาตลอด 4 ปี คาดว่าจะมีนักกีฬาออสเตรเลียประมาณ 40 คน ไปร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่จะเปิดฉากในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ความสัมพันธ์ของออสเตรเลียกับจีนเสื่อมถอยลงในช่วงหลายปีมานี้ จีนออกมาตรการลงโทษสินค้าออสเตรเลียหลายอย่างเพื่อตอบโต้ข้อพิพาททางการเมืองกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดแห่งนี้ เนื่องจากไม่พอใจที่ออสเตรเลียออกกฎหมายต่อต้านอิทธิพลของต่างชาติ ห้ามหัวเว่ยเทคโนโลยีของจีนวางเครือข่าย 5 จี และเรียกร้องให้เปิดการสอบสวนอิสระเรื่องต้นตอของโรคติดเชื้อไวรัสโรนา 2019 หรือโควิด-19.-สำนักข่าวไทย

เจ้าหน้าที่ยูเออีได้รับเลือกเป็นประธานใหม่อินเตอรโปล

องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ “อินเตอร์โปล” หรือที่เรียกกันว่าตำรวจสากล ลงมติในวันนี้เลือกอาเหม็ด นาสเซอรื อัล-ไรซี ผู้ตรวจการทั่วไปจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี เป็นประธานอินเตอร์โปลคนใหม่

เกาหลีเหนือประณามร่างมติยูเอ็นเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน

เปียงยาง 21 พ.ย.- เกาหลีเหนือประณามร่างมติของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ที่วิจารณ์เกาหลีเหนือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน และประกาศจะตอบโต้กองกำลังปรปักษ์อย่างเด็ดเดี่ยว กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือแถลงว่า ขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาดต่อมติสิทธิมนุษยชนต่อต้านเกาหลีเหนือของกองกำลังปรปักษ์ เพราะเป็นผลผลิตของนโยบายปรปักษ์ต่อต้านเกาหลีเหนือและการใช้สองมาตรฐาน ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลีหรือเคซีเอ็นเอ (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนืออ้างแถลงการณ์กองทัพว่า เกาหลีเหนือจะไม่ยอมทนต่อความพยายามใด ๆ ก็ตามที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศ และจะเดินหน้าตอบโต้อย่างเด็ดเดี่ยวจนถึงที่สุดต่อการเคลื่อนไหวเลวร้ายของกองกำลังปรปักษ์ เกาหลีเหนือแสดงท่าทีดังกล่าว หลังจากคณะกรรมการชุดที่ 3 ของสมัชชาใหญ่ยูเอ็นผ่านร่างมตินี้เมื่อ 4 วันก่อน และเตรียมส่งให้สมัชชาใหญ่ยูเอ็นรับรองในเดือนหน้า ส่วนเมื่อปี 2557 คณะสอบสวนของยูเอ็นเผยแพร่รายงาน หลังจากใช้เวลาตรวจสอบนานร่วมปีว่า คณะผู้นำเกาหลีเหนือมีส่วนรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง เป็นระบบ และเลวร้าย ด้านเกาหลีเหนือมองว่า การวิจารณ์สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือเป็นเพียงความพยายามนำโดยสหรัฐที่ต้องการโค่นล้มเกาหลีเหนือ.-สำนักข่าวไทย

เผยสหรัฐกำลังพิจารณาคว่ำบาตรทางการทูตปักกิ่งโอลิมปิก

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กล่าวในวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐกำลังพิจารณาการคว่ำบาตรทางการทูตการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ที่กรุงปักกิ่งของจีนจะเป็นเจ้าภาพในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นการกระทำที่มุ่งประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีน ซึ่งรวมถึงสิ่งที่รัฐบาลวอชิงตันเรียกว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยที่เป็นชาวมุสลิม

ไทยเตรียมประกาศส่งเสริมสิทธิมนุษยชยต่อยูเอ็น

รัฐบาลเตรียมประกาศคำมั่นสิทธิมนุษยชนต่อสหประชาชาติ 10 พ.ย.นี้ พร้อมมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ ส่งเสริม คุ้มครองสิทธิมนุษยชน

นักเคลื่อนไหวขอให้ยูเอ็นแทรกแซงในเมียนมา

กลุ่มปกป้องสิทธิพลเมืองมากกว่า 500 กลุ่ม เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดการประชุมหารือเพื่อหาทางยุติปฎิบัติการทางทหาร

UN ห่วงหลังมีข่าวทหารเมียนมาระดมพลทางเหนือ

สหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) กังวลว่า สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมาจะเลวร้ายลงอีก หลังจากมีรายงานว่า ทหารเมียนมากำลังระดมพลทางตอนเหนือของประเทศ

เผยรัฐกะยาในเมียนมาอาจมีผู้เสียชีวิตมากจากเหตุขัดแย้ง

ย่างกุ้ง 9 มิ.ย. – ผู้ตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น กล่าวเตือนวันนี้ว่า ชาวเมียนมาในรัฐกะยาทางตะวันออกของเมียนมาและมีพื้นที่ติดชายแดนไทยอาจเสียชีวิตเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหาร ขณะที่ประชาชนกว่า 100,000 คนพากันทิ้งบ้านเรือนเพื่อหนีความขัดแย้งที่เกิดขึ้น นายโทมัส แอนดรูวส์ ผู้เสนอรายงานพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนในเมียนมาของยูเอ็น ระบุในแถลงการณ์ว่า การโจมตีที่โหดร้ายตามอำเภอใจของรัฐบาลทหารเมียนมากำลังคุกคามชีวิตชาวเมียนมาและเด็ก ๆ หลายแสนคนในรัฐกะยา รัฐดังกล่าวอาจมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากความอดอยาก โรคภัยไข้เจ็บ และการติดเชื้อโรคอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่เกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ หากยังขาดการดำเนินการแก้ไขในทันที ในขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวหญิงไม่เผยนามในรัฐกะยาระบุว่า ขณะนี้ไม่อาจเข้าถึงผู้พลัดถิ่นจำนวนมากได้ ซึ่งรวมถึงในพื้นที่เมืองเดโมโซที่อยู่ห่างจากนครลอยกอ ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐกะยา ราว 15 กิโลเมตร ชาวบ้านบางคนในพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองเดโมโซต้องกินน้ำข้าวต้มเพื่อประทังชีวิต เนื่องจากเธอส่งข้าวสารไปให้พวกเขาไม่ได้ ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่กองทัพเมียนมาได้จับกุมชาวเมียนมา 3 คนที่พยายามส่งความช่วยเหลือไปยังเมืองดังกล่าวในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ทางการเมียนมายังตัดไฟฟ้าในหลายพื้นที่ รวมถึงอาหาร วัสดุก่อสร้างที่พักพิง และน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้นานาชาติยื่นมือเข้าช่วยเหลือโดยด่วน อย่างไรก็ดี โฆษกของรัฐบาลทหารยังไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

สื่อเกาหลีเหนือเรียกร้องเข้มงวดสกัดโควิด

โซล 3 พ.ค.- สื่อทางการเกาหลีเหนือเรียกร้องให้เข้มงวดมาตรการสกัดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 หลังจากสหรัฐกล่าวหาเกาหลีเหนือใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างละเมิดสิทธิมนุษยชน เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า หนังสือพิมพ์โรดองชินมุนของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือเตือนในวันนี้ว่า ต้องไม่ลืมว่าไวรัสมรณะที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปหลายล้านคน ยังคงแพร่ระบาดอยู่และรอฉวยโอกาสหากเกิดความหย่อนยานแม้เพียงเล็กน้อยในทุกขณะ ขณะนี้ชาวเกาหลีเหนือปฏิบัติตามมาตรการรักษาระยะห่างอย่างเคร่งครัดในกรุงเปียงยาง ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยและใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่มีตามป้ายรถโดยสารประจำทางทุกแห่ง นอกจากนี้เกาหลีเหนือยังคงใช้มาตรการฆ่าเชื้อให้ประชาชนและตรวจวัดอุณหภูมิที่เมืองชายแดน ในจังหวัดฮัมกยองเหนือ ทางตะวันออกเฉียงเหนือที่ตรงข้ามกับมณฑลจี๋หลินของจีน เกาหลีเหนืออ้างว่า ปลอดจากโรคโควิด-19 และได้ดำเนินมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด เช่น ควบคุมพรมแดนตั้งแต่ต้นปีก่อน โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เกาหลีเหนือใช้มาตรการทารุณ เช่น สั่งยิงทิ้งตามชายแดนด้านติดกับจีนโดยอ้างเรื่องป้องกันโควิด ทำให้กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือแถลงว่า สหรัฐให้ร้ายมาตรการของเกาหลีเหนือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และดูหมิ่นเกียรติยศของผู้นำสูงสุดด้วยการยั่วยุที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง.-สำนักข่าวไทย

นายกฯญี่ปุ่นจะเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่พบไบเดน

โตเกียว 15 เม.ย.- นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะของญี่ปุ่นจะเดินทางไปสหรัฐในวันนี้ และจะเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่เข้าพบประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ คาดว่าความกังวลเรื่องจีนจะเป็นเรื่องหลักของการหารือ การเยือนของนายซูงะมีขึ้นหลังจากนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศและ พล.อ.ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐเยือนญี่ปุ่น และหลังจากผู้นำ 4 ชาติในกลุ่มควอด (Quad) ประกอบด้วยญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลียและอินเดียประชุมสุดยอดออนไลน์เมื่อเดือนมีนาคม นายคุนิฮิโกะ มิยาเกะ ประธานสถาบันนโยบายต่างประเทศของญี่ปุ่นมองว่า การเยือนสหรัฐเป็นการส่งสัญญาณว่า นโยบายการทูตของสหรัฐให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับเอเชียตะวันออก เพราะสหรัฐมีความกังวลเช่นเดียวกับญี่ปุ่นเรื่องสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคนี้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เอเอฟพีคาดว่า แถลงการณ์ร่วมของนายกรัฐมนตรีซูงะกับประธานาธิบดีไบเดนจะย้ำเรื่องหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออกที่ญี่ปุ่นเรียกว่าเซ็นกากุและจีนเรียกว่าเตียวหยู ได้รับความคุ้มครองตามสนธิสัญญาความมั่นคงญี่ปุ่น-สหรัฐ และอาจแสดงความกังวลเรื่องสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงและเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ในจีน นายเคียวจิ ยานางิซาวะ ประธานสถาบันภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นมองว่า ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนจะมีผลกระทบต่อญี่ปุ่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้านจีน ทั้งในแง่ความมั่นคงแห่งชาติและแง่เศรษฐกิจ ญี่ปุ่นจึงต้องใคร่ครวญให้ดีว่าจะไกล่เกลี่ยสหรัฐและจีนอย่างไร ด้านนายโรเบิร์ต ดูจาร์ริก ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออก มหาวิทยาลัยเทมเปิล วิทยาเขตญี่ปุ่นเชื่อว่า ญี่ปุ่นจะไม่สนับสนุนให้ลงโทษจีนทางเศรษฐกิจเพราะเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า สหรัฐต้องการแถลงการณ์ร่วมกับญี่ปุ่นพูดถึงไต้หวันด้วย ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับจากปี 2512 ขณะที่นายกรัฐมนตรีซูงะไม่พูดถึงจีนในบทความที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล โดยระบุเพียงว่า เป็นการเยือนเพื่อแสดงให้เห็นว่าทั้งสองประเทศมีความเป็นผู้นำไปสู่การสร้างภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง เอเอฟพีมองว่า การเยือนครั้งนี้เป็นโอกาสให้นายซูงะเรียกคะแนนนิยมในประเทศที่ตกต่ำเพราะเรื่องไม่สามารถควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 คาดว่าเขาจะชวนไบเดนมาร่วมชมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนโตเกียวในกลางปีนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 6 12
...