fbpx

ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นจะเยือนเขตซินเจียงของจีน

ปักกิ่ง 23 พ.ค. – นางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ จะเริ่มต้นภารกิจเยือนจีนในวันนี้เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นคนแรกที่เดินทางเยือนจีนในรอบเกือบ 20 ปี แหล่งข่าวไม่เผยนามด้านการทูตของจีนระบุว่า นางบาเชเลต์ ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีชิลี มีกำหนดเข้าร่วมประชุมแบบเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์กับคณะทูตราว 70 คนในวันนี้ จากนั้น เธอจะเดินทางไปยังนครอุรุมชีและเมืองคัชการ์ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ รวมถึงนครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน ขณะที่สำนักงานของนางบาเชเลต์ระบุว่า นางบาเชเลต์จะพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนหลายคน องค์กรภาคสังคม ตัวแทนธุรกิจ และนักวิชาการ ทั้งนี้ การเดินทางเยือนจีนของนางบาเชเลต์มีขึ้นในขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนถูกกล่าวหาว่า คุมขังชาวมุสลิมอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยมุสลิมอื่น ๆ ไว้ที่ค่ายปรับทัศนคติในเขตซินเจียงมาเป็นเวลานานหลายปี จีนให้เหตุผลว่าเป็นการปราบปรามด้านความมั่นคง ขณะที่สหรัฐระบุว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นเรื่องโกหกครั้งใหญ่ ในขณะเดียวกัน นายเนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการเดินทางเยือนจีนของนางบาเชเลต์ว่า สหรัฐไม่ได้คาดหวังว่าจีนจะอนุญาตให้นางบาเชเลต์สามารถประเมินสภาพแวดล้อมด้านสิทธิมนุษยชนในเขตซินเจียงโดยสมบูรณ์และไร้การควบคุมจากรัฐบาลจีน. -สำนักข่าวไทย

เรียกร้องมาร์กอส จูเนียร์รับประกันประชาธิปไตย-สิทธิมนุษยชน

มะนิลา 11 พ.ค.- หลายฝ่ายเรียกร้องให้นายเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์รับประกันว่าจะเคารพสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม และประชาธิปไตย ผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการเผยว่า นายมาร์กอส จูเนียร์ วัย 64 ปี ชนะด้วยคะแนนที่ได้มากกว่า 31 ล้านเสียงในการเลือกตั้งเมื่อวันจันทร์ ส่วนนางซารา ดูเตอร์เต-การ์ปิโอ ผู้สมัครคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเขาก็น่าจะชนะด้วยคะแนนถล่มทลายเช่นกัน หากรัฐสภายืนยันผลคะแนนแล้ว ผู้ชนะจะสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 30 มิถุนายนเพื่อดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 6 ปี โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงหลังทราบผลการเลือกตั้งไม่นานว่า สหรัฐตั้งตารอการฟื้นความสัมพันธ์พิเศษกับฟิลิปปินส์ และการทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่ในเรื่องสิทธิมนุษยชนและเรื่องสำคัญในภูมิภาค สหรัฐเป็นพันธมิตรยาวนานกับฟิลิปปินส์ที่มีค่านิยมและผลประโยชน์ร่วมกันเรื่องประชาธิปไตย รัฐบาลสหรัฐจะเดินหน้าส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมที่เป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ของสองประเทศ ขณะที่กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ในสหรัฐเรียกร้องให้นายมาร์กอส จูเนียร์ เร่งปรับปรุงสถานการณ์สิทธิมนุษยชนทันทีที่รับตำแหน่ง เช่น ช่วยศาลอาญาระหว่างประเทศดำเนินคดีกับนายโรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีคนปัจจุบันเรื่องทำสงครามปราบปรามยาเสพติดอย่างนองเลือด ช่วยให้ สว.ไลลา เดอ ลิมาที่วิจารณ์รัฐบาลได้รับอิสรภาพ สั่งการทหารตำรวจให้หยุดรังควานกลุ่มนักเคลื่อนไหว นายมาร์กอส จูเนียร์หาเสียงด้วยการชูเรื่องทำให้ประเทศมีเอกภาพ แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในช่วงที่นายเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส บิดาของเขาผูกขาดปกครองประเทศตั้งแต่ปี 2508-2529 และถูกประชาชนลุกฮือขับไล่จนต้องลี้ภัยอยู่ในสหรัฐจนกระทั่งเสียชีวิต นอกจากนี้ยังไม่พูดชัดเจนในประเด็นเศรษฐกิจและการเมืองสำคัญของประเทศด้วย.-สำนักข่าวไทย

กสม. ห่วงปมคลิปล้อเลียน ย้ำหลักสื่อสารอย่างสร้างสรรค์

กสม. ห่วงปมคลิปล้อเลียนบนแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์แห่งหนึ่ง ชี้สังคมขาดความตระหนักเรื่องการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น ย้ำหลักสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ – ดำเนินธุรกิจอย่างเคารพสิทธิมนุษยชน

ผอ.ฮิวแมนไรท์สวอทช์จะลาออกหลังเป็นมาเกือบ 3 ทศวรรษ

นิวยอร์ก 26 เม.ย.- นายเคนเนธ รอธ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์สวอทช์ องค์กรนอกภาครัฐที่ส่งเสริมเรื่องสิทธิมนุษยชนประกาศวันนี้ว่า จะลาออกจากตำแหน่งที่เป็นมาตั้งแต่ปี 2536 แต่จะไม่วางมือจากเรื่องการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน นายรอธ ชาวอเมริกันวัย 66 ปี แถลงว่า รู้สึกว่าได้รับสิทธิพิเศษอย่างยิ่งที่ได้ใช้เวลาร่วม 30 ปี สร้างองค์กรที่กลายเป็นกำลังหลักในการปกป้องสิทธิของผู้คนทั่วโลก เขาจะลงจากตำแหน่งผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์สวอทช์ในเดือนสิงหาคม แต่จะไม่วางมือเรื่องการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ด้านนายแอนโทนี โรเมโร ผู้อำนวยการสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกันยกย่องนายรอธว่า เป็นผู้ทำให้ฮิวแมนไรทส์วอทช์กลายเป็นผู้นำเพื่อความยุติธรรม และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่จะต่อสู้เพื่อโลกที่ดีขึ้นกว่าเดิม นายรอธเริ่มงานด้านสิทธิมนุษยชนในฐานะอาสาสมัคร โดยทำตอนกลางคืนและวันหยุดสุดสัปดาห์เพราะอาชีพประจำคือทนายความและอัยการรัฐบาลกลาง จากนั้นมาร่วมงานกับฮิวแมนไรท์สวอทช์ในปี 2530 ในฐานะรองผู้อำนวยการ และขึ้นเป็นผู้อำนวยการในปี 2536 ขณะนั้นทั้งองค์กรมีคนทำงานเพียง 60 คน และมีงบประมาณในการทำงานปีละ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 240 ล้านบาท) แต่ขณะนี้มีคนทำงานมากกว่า 550 คนใน 100 กว่าประเทศ และมีงบประมาณในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนร่วม 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,424 ล้านบาท) ฮิวแมนไรทส์วอทช์แถลงว่า จะให้นางติรานา […]

หน่วยบัญชาการพิเศษของเมียนมาได้ไฟเขียวโจมตีพลเรือน

องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนกล่าวในรายงานว่า ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาจัดตั้งหน่วยบัญชาการพิเศษขึ้นมาภายในระยะเวลา 1 วัน หลังจากที่ก่อรัฐประหารโค่นล้มอำนาจรัฐบาลพลเรือนเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ซึ่งมีหน้าที่รับผิดขอบในการจัดวางกำลังทหารและปฎิบัติการของทหารในพื้นที่เขตเมือง

ผู้นำเชชเนียไปช่วยกองกำลังรัสเซียรบในยูเครนแล้ว

มอสโก 14 มี.ค.- นายรัมซัน คาดีรอฟ ผู้นำสาธารณรัฐเชเชนหรือเชชเนียเผยว่า เขาได้อยู่ในยูเครนแล้ว เพื่อรบร่วมกับกองกำลังรัสเซีย นายคาดีรอฟ วัย 45 ปี โพสต์คลิปวิดีโอในแพลตฟอร์มเทเลแกรมเป็นภาพตัวเองในชุดทหารกำลังศึกษาแผนการรบกับกลุ่มทหารในห้องโดยอ้างว่า บันทึกคลิปนี้ที่โฮโตเมล ซึ่งเป็นสนามบินใกล้กรุงเคียฟที่ถูกกองกำลังรัสเซียยึดได้ในวันแรก ๆ ของการโจมตี เขากล่าวว่า วันก่อนกองกำลังนี้อยู่ห่างจากเคียฟแค่ 20 กิโลเมตร แต่วันนี้ขยับเข้าไปใกล้กว่าเดิม ขอให้กองกำลังยูเครนยอมจำนน ไม่เช่นนั้นจะถูกจัดการ รัสเซียจะแสดงให้เห็นว่า สอนเรื่องการรบได้ดีกว่าทฤษฎีต่างชาติและคำแนะนำของคณะที่ปรึกษาทางทหาร ทั้งนี้ช่วงที่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครน มีการส่งต่อภาพในสื่อสังคมออนไลน์เห็นทหารเชชเนียรวมตัวกันเต็มจัตุรัสในกรุงกรอซนี อ้างว่ากำลังจะเดินทางไปยูเครน นายคาดีรอฟเป็นบุตรของอดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐเชเชนที่หันมาภักดีต่อรัสเซีย และขึ้นเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐเชเชนในปี 2550 ต่อมาได้รับการเสนอชื่อจากรัสเซียให้เป็นประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่ 2 ในปี 2554 โดยเปลี่ยนตำแหน่งเป็นผู้นำสาธารณรัฐเชเชน เขาถูกองค์กรนอกภาครัฐสากลกล่าวหาว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนในเชเชนอย่างร้ายแรง.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลลุยขับเคลื่อนคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

รัฐบาลเดินหน้าขับเคลื่อนการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพิ่มคุ้มครองสตรีในชนบทและทุกกลุ่มชาติพันธุ์เข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

จีนตกลงให้ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นเยือนซินเจียง

หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานวันนี้ว่า จีนตกลงอนุญาตให้ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เดินทางเยือนเขตซินเจียงได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันโอลิมปิก ฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งจะเป็นเจ้าภาพในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์

สหรัฐคว่ำบาตรหลายประเทศเพราะเรื่องสิทธิมนุษยชน

วอชิงตัน 11 ธ.ค.- สหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรอย่างครอบคลุมกับบุคคลและนิติบุคคลในจีน เมียนมา เกาหลีเหนือ และบังกลาเทศ เพราะเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชนเนื่องในวันสิทธิมนุษยชน 10 ธันวาคม ขณะที่แคนาดาและสหราชอาณาจักรร่วมคว่ำบาตรเมียนมาด้วย นายวัลลี อะเดเยโม รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังสหรัฐแถลงว่า การกระทำของสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีแคนาดาและสหราชอาณาจักรเข้าร่วม เป็นการส่งสัญญาณว่า ประชาธิปไตยทั่วโลกจะต่อต้านผู้นำอำนาจรัฐมาใช้โดยมิชอบในการทำให้เกิดความทุกข์ยากและการกดขี่ ด้านสถานทูตจีนในสหรัฐประณามการเคลื่อนไหวของสหรัฐว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง และละเมิดบรรทัดฐานพื้นฐานว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์ของสองประเทศ ขอให้สหรัฐล้มเลิกการตัดสินใจดังกล่าว ขณะที่เกาหลีเหนือ เมียนมาและบังกลาเทศยังไม่แสดงท่าทีใด ๆ กระทรวงคลังสหรัฐได้เพิ่มชื่อของเซนซ์ไทม์ (SenseTime) บริษัทปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอของจีนไว้ในรายชื่อบริษัทอุตสาหกรรมทางทหารของจีน เนื่องจากพัฒนาโครงการจดจำใบหน้าที่สามารถระบุเชื้อชาติของเป้าหมาย โดยมุ่งที่ชนกลุ่มน้อยอุยกูร์เป็นพิเศษ ดังนั้นบริษัทนี้จะอยู่ในรายชื่อที่ห้ามชาวอเมริกันเข้าไปลงทุน ส่วนเมียนมาที่ถูกสหรัฐคว่ำบาตรประกอบด้วยมุขมนตรี 4 คน หน่วยงานและองค์กรทางทหาร 2 แห่งที่จัดหากำลังสำรองให้กองทัพ เช่น อาวุธที่ใช้ปราบปรามผู้ประท้วงรัฐประหาร ขณะที่แคนาดาคว่ำบาตรหน่วยงาน 4 แห่งที่โยงกับกองทัพเมียนมา และสหราชอาณาจักรออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อกองทัพเมียนมา กระทรวงคลังสหรัฐยังได้ขึ้นบัญชีดำสำนักงานอัยการกลางของเกาหลีเหนือ อดีตรัฐมนตรีสวัสดิการสังคม รัฐมนตรีกองทัพประชาชน และกล่าวหาเอสอีเคสตูดิโอ (SEK Studio) บริษัทแอนิเมชันของทางการ รวมทั้งบริษัทและบุคคลที่เกี่ยวข้องว่า กดขี่คนทำงานชาวเกาหลีเหนือเพื่อหาเงินตราต่างประเทศ และหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร บริษัทนี้มีผลงานในแอนิเมชันชื่อดังของดิสนีย์อย่าง The […]

ออสเตรเลียร่วมคว่ำบาตรการทูตโอลิมปิกปักกิ่ง

แคนเบอร์รา 8 ธ.ค.- นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลียเผยจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่กรุงปักกิ่งของจีน หลังจากสหรัฐประกาศคว่ำบาตรทางการทูตต่องานดังกล่าว เพราะจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง นายกรัฐมนตรีมอร์ริสันกล่าวว่า การตัดสินใจนี้มีขึ้นในช่วงที่ออสเตรเลียมีความไม่ลงรอยกับจีนในหลายประเด็น ตั้งแต่กฎหมายออสเตรเลียว่าด้วยการป้องกันการแทรกแซงจากต่างชาติ การที่ออสเตรเลียจะมีเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ตามข้อตกลงกลาโหมไตรภาคีกับอังกฤษและสหรัฐ ไปจนถึงการที่จีนละเมิดสิทธิมนุษยชนในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์และระงับการติดต่อระดับรัฐมนตรีกับออสเตรเลีย ผู้นำออสเตรเลียยืนยันว่า ออสเตรเลียจะไม่ยอมถอยจากจุดยืนอันแข็งแกร่งที่ยืนหยัดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ออสเตรเลียจะไม่ส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมโอลิมปิกที่จีน ด้านคณะกรรมการโอลิมปิกออสเตรเลียหรือเอโอซี (AOC) แถลงเคารพการตัดสินใจของรัฐบาล ซึ่งจะไม่กระทบต่อการเตรียมตัวของทีมนักกีฬา ความท้าทายสำคัญที่สุดของเอโอซีคือ การดูแลทีมให้เดินทางไปกรุงปักกิ่ง เข้าร่วมการแข่งขัน และกลับบ้านอย่างปลอดภัย ตามที่ได้เตรียมตัวฝึกหนักมาตลอด 4 ปี คาดว่าจะมีนักกีฬาออสเตรเลียประมาณ 40 คน ไปร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ที่จะเปิดฉากในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ความสัมพันธ์ของออสเตรเลียกับจีนเสื่อมถอยลงในช่วงหลายปีมานี้ จีนออกมาตรการลงโทษสินค้าออสเตรเลียหลายอย่างเพื่อตอบโต้ข้อพิพาททางการเมืองกับประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดแห่งนี้ เนื่องจากไม่พอใจที่ออสเตรเลียออกกฎหมายต่อต้านอิทธิพลของต่างชาติ ห้ามหัวเว่ยเทคโนโลยีของจีนวางเครือข่าย 5 จี และเรียกร้องให้เปิดการสอบสวนอิสระเรื่องต้นตอของโรคติดเชื้อไวรัสโรนา 2019 หรือโควิด-19.-สำนักข่าวไทย

เจ้าหน้าที่ยูเออีได้รับเลือกเป็นประธานใหม่อินเตอรโปล

องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ “อินเตอร์โปล” หรือที่เรียกกันว่าตำรวจสากล ลงมติในวันนี้เลือกอาเหม็ด นาสเซอรื อัล-ไรซี ผู้ตรวจการทั่วไปจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี เป็นประธานอินเตอร์โปลคนใหม่

เกาหลีเหนือประณามร่างมติยูเอ็นเรื่องละเมิดสิทธิมนุษยชน

เปียงยาง 21 พ.ย.- เกาหลีเหนือประณามร่างมติของสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ที่วิจารณ์เกาหลีเหนือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน และประกาศจะตอบโต้กองกำลังปรปักษ์อย่างเด็ดเดี่ยว กระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือแถลงว่า ขอปฏิเสธอย่างเด็ดขาดต่อมติสิทธิมนุษยชนต่อต้านเกาหลีเหนือของกองกำลังปรปักษ์ เพราะเป็นผลผลิตของนโยบายปรปักษ์ต่อต้านเกาหลีเหนือและการใช้สองมาตรฐาน ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลีหรือเคซีเอ็นเอ (KCNA) ของทางการเกาหลีเหนืออ้างแถลงการณ์กองทัพว่า เกาหลีเหนือจะไม่ยอมทนต่อความพยายามใด ๆ ก็ตามที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศ และจะเดินหน้าตอบโต้อย่างเด็ดเดี่ยวจนถึงที่สุดต่อการเคลื่อนไหวเลวร้ายของกองกำลังปรปักษ์ เกาหลีเหนือแสดงท่าทีดังกล่าว หลังจากคณะกรรมการชุดที่ 3 ของสมัชชาใหญ่ยูเอ็นผ่านร่างมตินี้เมื่อ 4 วันก่อน และเตรียมส่งให้สมัชชาใหญ่ยูเอ็นรับรองในเดือนหน้า ส่วนเมื่อปี 2557 คณะสอบสวนของยูเอ็นเผยแพร่รายงาน หลังจากใช้เวลาตรวจสอบนานร่วมปีว่า คณะผู้นำเกาหลีเหนือมีส่วนรับผิดชอบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง เป็นระบบ และเลวร้าย ด้านเกาหลีเหนือมองว่า การวิจารณ์สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเกาหลีเหนือเป็นเพียงความพยายามนำโดยสหรัฐที่ต้องการโค่นล้มเกาหลีเหนือ.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 12
...