น้ำมันโลกดีดกลับมาเหนือบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์สหรัฐ

ฮ่องกง 16 มี.ค.- ราคาน้ำมันโลกดีดตัวกลับมายืนเหนือบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์สหรัฐอีกครั้งในวันนี้ แต่ยังคงถูกกดดันจากความกังวลเรื่องความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่ล็อกดาวน์หลายพื้นที่เพื่อควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ราคาซื้อขายน้ำมันในวันนี้ดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง น้ำมันดิบเบรนต์ของอังกฤษกลับมาเคลื่อนไหวเป็นตัวเลข 3 หลัก เพราะตลาดคาดหมายว่ามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะทำให้ปริมาณน้ำมันตึงตัว แม้จะสามารถยุติสงครามได้ในอีกไม่นาน โดยเมื่อเวลา 10:00 น.วันนี้ตามเวลาในไทย น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสของสหรัฐปรับขึ้นร้อยละ 1.1 ไปเคลื่อนไหวที่บาร์เรลละ 97.52 ดอลลาร์สหรัฐ และน้ำมันดิบเบรนต์ปรับขึ้นร้อยละ 1.5 ไปเคลื่อนไหวที่บาร์เรลละ 101.52 ดอลลาร์สหรัฐ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสของสหรัฐและน้ำมันดิบเบรนต์ของอังกฤษลดลงต่ำกว่าบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันอังคาร เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ของจีนทำให้เกิดความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในจีนที่เป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก สวนทางกับเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ราคาน้ำมันดิบโลกทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี ขณะที่ความหวังเรื่องอิหร่านจะบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ เพื่อเปิดทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง และการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่มีความคืบหน้าอย่างช้า ๆ ช่วยกดราคาน้ำมันให้ลดลง.-สำนักข่าวไทย

รัสเซียคว่ำบาตรไบเดน-เจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐ

มอสโก 16 มี.ค. – รัสเซียประกาศให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอีกหลายราย ให้อยู่ในบัญชี ‘รายชื่อบุคคลต้องห้าม’ (stop list) ที่ส่งผลให้บุคคลเหล่านี้ไม่สามารถเดินทางเข้ารัสเซียได้ กระทรวงต่างประเทศของรัสเซียระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคารว่า รัสเซียได้ประกาศรายชื่อบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้ารัสเซีย 13 ราย เช่น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ พลเอกลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม นายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ หรือซีไอเอ นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ  นางเจน ซากี โฆษกหญิงประจำทำเนียบขาวของสหรัฐ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายอื่น ๆ นอกจากนี้ บัญชีดังกล่าวยังมีรายชื่อบุคคลที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาลสหรัฐรวมอยู่ด้วย เช่น นายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของประธานาธิบดีไบเดน และนางฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ กระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุว่า การใช้มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของสหรัฐในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนการของชาติตะวันตกเพื่อต่อต้านปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุว่า […]

สตรีเอเชียถูกชายอเมริกันเกลียดเอเชียต่อยกว่าร้อยครั้ง

นิวยอร์ก 15 มี.ค.- ตำรวจเมืองยองเกอร์ส รัฐนิวยอร์กของสหรัฐแถลงข่าวสตรีชาวเอเชียวัย 67 ปี ถูกชายอเมริกันที่เกลียดชังชาวเอเชียทำร้ายร่างกายอย่างโหดร้าย ด้วยการต่อยเข้าที่ศีรษะและใบหน้าไม่ต่ำกว่า 125 ครั้ง อีกทั้งยังกระทืบซ้ำอีกหลายครั้ง ตำรวจเผยรายละเอียดคดีว่า เหยื่อเดินผ่านคนร้ายซึ่งเป็นชายวัย 42 ปี ขณะกำลังกลับบ้านเมื่อเย็นวันศุกร์ และถูกเขาด่าทอด้วยถ้อยคำเหยียดผิว เธอไม่สนใจและเดินเข้าโถงทางเดินของอาคารที่พัก แต่ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูอีกชั้นของอาคาร คนร้ายได้ปราดเข้ามาจากด้านหลังแล้วต่อยที่ศีรษะทำให้เธอล้มลงกับพื้นทันที จากนั้นได้ทำร้ายร่างกายเธออย่างโหดร้าย ซึ่งมีภาพปรากฎให้เห็นในกล้องวงจรปิดของอาคาร เหยื่อมีบาดแผลฟกช้ำและแผลถลอกจำนวนมากตามศีรษะและใบหน้า กระดูกบริเวณใบหน้าแตก และเลือดออกในสมอง ถูกส่งตัวไปรักษาและขณะนี้อาการทรงตัว ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุเมื่อเวลา 18:11 น.วันเดียวกัน พบคนร้ายอยู่นอกอาคารที่พักจึงเข้าจับกุมโดยไม่มีการขัดขืน และส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำเทศมณฑลเวสต์เชสเตอร์ เว็บไซต์ศาลเมืองยองเกอร์สระบุว่า เขาถูกตั้งข้อหากระทำความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ 2 กระทงคือ พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกายระดับ 2 กับเหยื่ออายุ 65 ปีขึ้นไป แต่ละข้อหาถูกระบุว่าเป็นการก่ออาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง เมืองยองเกอร์สอยู่บริเวณชานนครนิวยอร์ก มีประชากรมากกว่า 211,000 คน นายกเทศมนตรีและตำรวจเมืองนี้เห็นตรงกันว่า ควรลงต้องโทษคนร้ายสถานหนักที่สุด เพื่อประกาศให้ชัดเจนว่าเมืองยองเกอร์สไม่ยอมรับการก่ออาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง ข้อมูลของ Stop AAPI Hate ที่เป็นกลุ่มติดตามรายงานการเหยียดผิวและเลือกปฏิบัติต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและคนจากหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกระบุว่า […]

สหรัฐเตือนจีนไม่ให้ช่วยรัสเซียทำสงครามในยูเครน

เคียฟ 15 มี.ค. – สหรัฐเตือนจีนไม่ให้ส่งความช่วยเหลือแก่รัสเซียท่ามกลางสถานการณ์ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน ขณะที่กองทัพรัสเซียเปิดเส้นทางให้พลเรือนกลุ่มแรกอพยพออกจากเมืองมารีอูปอลของยูเครนแล้ว เจ้าหน้าที่ของสหรัฐระบุว่า จีนได้ส่งสัญญาณว่าจะช่วยรัสเซียทำสงครามในยูเครนในระหว่างที่นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ พบปะกับนายหยาง เจียฉือ เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านต่างประเทศของจีน ที่กรุงโรมของอิตาลี โดยที่การประชุมดังกล่าวเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและใช้เวลานานถึง 7 ชั่วโมง ขณะที่นายเนด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เผยเมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า สหรัฐได้สื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับจีนว่า สหรัฐไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งและจะไม่ยอมให้ประเทศใดเข้าไปช่วยเหลือรัสเซียจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ด้านรัฐบาลรัสเซียได้กล่าวปฎิเสธข่าวเรื่องนี้ โดยระบุว่า รัสเซียมีทรัพยากรมากเพียงพอในการเดินหน้าให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ส่วนกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวว่า รายงานเรื่องจีนจะช่วยเหลือรัสเซียเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ในขณะเดียวกัน รัสเซียได้เปิดเส้นทางให้พลเรือนกลุ่มแรกอพยพออกจากเมืองมารีอูปอล ซึ่งถูกรัสเซียปิดล้อมและเป็นเมืองท่าสำคัญทางใต้ของยูเครน เมื่อวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเมืองมารีอูปอลเผยว่า มีรถยนต์ 160 คันเดินทางออกจากเมืองดังกล่าวในช่วง 2 ชั่วโมงแรกหลังรัสเซียเปิดเส้นทางอพยพ อย่างไรก็ดี ทางการท้องถิ่นของเมืองมารีอูปอลอ้างว่า มีผู้เสียชีวิตราว 2,500 คนหลังรัสเซียโจมตีและปิดล้อมเมืองมารีอูปอลอย่างหนักตลอดกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

จีนว่าสหรัฐบิดเบือนเรื่องรัสเซียขอให้จีนช่วยสงครามยูเครน

ปักกิ่ง 14 มี.ค. – กระทรวงต่างประเทศของจีนระบุว่า คำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐที่อ้างว่ารัสเซียขอให้จีนให้ความช่วยเหลือทางการทหารในการรบกับยูเครนเข้าข่ายบิดเบือนข้อมูล โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนเผยวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐกำลังเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับบทบาทของจีนในสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทั้งยังเน้นย้ำว่า จีนได้แสดงจุดยืนที่มีบทบาทสร้างสรรค์ในการเรียกร้องสันติภาพและขอให้ทั้งสองฝ่ายใช้การเจรจาเพื่อยุติสถานการณ์ขัดแย้ง ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ไม่เผยนามของสหรัฐได้ให้ข้อมูลกับสื่อของสหรัฐหลายแห่งว่า รัสเซียขอให้จีนช่วยเหลือเรื่องการบุกโจมตียูเครน และสหรัฐก็ได้เตือนว่า จีนจะต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง หากยื่นมือเข้าไปสนับสนุนการทำสงครามในยูเครนของรัสเซีย.-สำนักข่าวไทย

“ทรัมป์” แนะสหรัฐหยุดพึ่งพาน้ำมันรัสเซียถาวร

“ทรัมป์” แนะสหรัฐต้องช่วยหยุดรัสเซียไม่ให้บุกโจมตียูเครน ด้วยการเลิกพึ่งพาพลังงานและน้ำมันจากรัสเซียแบบถาวร

VOA ส่งตรงจากสหรัฐ : พิพิธภัณฑ์เยอรมนี-รัสเซีย แสดงจุดยืนอยู่ข้างยูเครน

ในช่วงเวลาที่กำลังเกิดสงครามที่รัสเซียบุกยูเครนอยู่ขณะนี้ มีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี ที่ถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัญลักษณ์การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่ายืนอยู่ข้างยูเครน และส่งสัญญาณให้ผู้คนได้หันมาสนใจประวัติศาสตร์มากขึ้น

สหรัฐยังไม่เห็นทหารเบลารุสในยูเครน

วอชิงตัน 12 มี.ค.- กระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยว่า ยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ว่ามีทหารเบลารุสเข้าไปในยูเครนเพื่อช่วยรัสเซียใช้ปฏิบัติการทางทหารกับยูเครน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยกับสื่อเมื่อวันศุกร์ว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นสิ่งบ่งชี้ว่าทหารหรือกองกำลังเบลารุสได้เคลื่อนเข้าไปในยูเครนที่อยู่ติดกันทางใต้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเบลารุสจะไม่ทำ เพราะประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกของเบลารุสเคยกล่าวว่า เบลารุสจะป้องกันหลังให้กองกำลังรัสเซียหากถูกโจมตี เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมสหรัฐเผยในวันเดียวกันว่า รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธจากเบลารุสเข้าไปในยูเครนไม่ต่ำกว่า 80 ลูก คิดเป็น 1 ใน 10 ของที่รัสเซียยิงถล่มยูเครนแล้วทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 800 ลูกตั้งแต่เริ่มการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ในจำนวนนี้เกือบครึ่งหนึ่งเป็นการยิงในดินแดนของยูเครน.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐกล่าวหารัสเซียละเมิดหลักการความปลอดภัยนิวเคลียร์

วอชิงตัน 12 มี.ค.- สหรัฐกล่าวหารัสเซียว่าละเมิดหลักการด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ในยูเครน และเรียกร้องให้กองกำลังรัสเซียหยุดยิงใส่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ แต่เสริมว่าจนถึงขณะนี้ยังตรวจไม่พบว่ามีรังสีรั่วไหล นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีพลังงานของสหรัฐทวีตผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันศุกร์ว่า เครื่องตรวจวัดรังสีในยูเครนส่วนใหญ่ยังคงทำงานตามปกติ แต่สหรัฐกังวลเรื่องไม่มีข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป เพราะทบวงการพลังงานประมาณูระหว่างประเทศหรือไอเออีเอ (IAEA) ชี้ว่า การที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 2 แห่งอยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียทำให้อยู่ในสถานะเสี่ยงต่อความปลอดภัย แม้ดำเนินงานโดยเจ้าหน้าที่ยูเครนก็ตาม สหรัฐยังคงกังวลเรื่องรัสเซียกระทำการอย่างไร้ความยั้งคิดและละเมิดหลักการด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ เพราะจากการเฝ้าติดตามรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโรงงานวิจัยในเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนพบว่า แม้มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในระยะสั้นอยู่ในระดับต่ำ แต่รัสเซียยังคงระดมยิงใส่ที่ตั้งทางนิวเคลียร์ สหรัฐขอเรียกร้องให้รัสเซียหยุดทันที นางแกรนโฮล์มทวีตด้วยว่า ไม่สามารถยืนยันรายงานข่าวที่ว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลมีไฟฟ้าใช้ตามปกติแล้วตามที่กระทรวงพลังงานรัสเซียแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า คณะผู้เชี่ยวชาญของเบลารุสได้ต่อไฟฟ้าให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้แล้ว ซึ่งเคยเกิดอุบัตินิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดในโลกเมื่อปี 2529.-สำนักข่าวไทย

เผยสหรัฐและพันธมิตรจะถอดสถานะพิเศษรัสเซียในการค้าโลก

วอชิงตัน 11 มี.ค. – สหรัฐ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือจี 7 และสหภาพยุโรป หรืออียู จะเดินหน้าระงับสถานะชาติที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่ง (Most-Favored Nation) หรือ เอ็มเอฟเอ็น ของรัสเซียในองค์การการค้าโลกในวันนี้ เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียนำกองกำลังทหารบุกโจมตียูเครน สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เผยนามหลายรายที่ระบุตรงกันว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ จะประกาศแผนดังกล่าวที่ทำเนียบขาวในเวลา 10.15 น. ของวันนี้ หรือตรงกับเวลา 22.15 น. ตามเวลาประเทศไทย ขณะที่ทำเนียบขาวสหรัฐเผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะประกาศมาตรการลงโทษรัสเซียที่นำกำลังทหารบุกโจมตียูเครนอย่างไม่เป็นธรรม แต่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งนี้ หากรัสเซียถูกถอดสถานะเอ็มเอฟเอ็นก็จะเปิดทางให้สหรัฐและชาติพันธมิตรสามารถขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจของรัสเซียที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง แหล่งข่าวยังระบุว่า สหรัฐกำลังเดินหน้าถอดสถานะความสัมพันธ์ทางการค้าทั่วไปถาวร (Permanent Normal Trade Relations) หรือ พีเอ็นทีอาร์ ของรัสเซียที่จำเป็นต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภาสหรัฐ แต่บรรดาสมาชิกรัฐสภาสหรัฐ พรรครัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน ต่างส่งสัญญาณสนับสนุนแนวทางดังกล่าวแล้ว ขณะนี้ เศรษฐกิจของรัสเซียกำลังได้รับผลกระทบรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังถูกนานาประเทศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อธนาคารและกลุ่มมหาเศรษฐีของรัสเซีย รวมถึงการควบคุมการส่งออกด้านเทคโนโลยี ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่า […]

สหรัฐว่าเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป

เจ้าหน้าที่สหรัฐและเกาหลีใต้กล่าวว่า เกาหลีเหนือได้ทดสอบสิ่งที่เชื่อว่าจะเป็นระบบขีปนาวุธข้ามทวีป หรือ ไอซีบีเอ็ม ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อไม่นานมานี้ โดยเป็นการทดสอบปล่อยขีปนาวุธแบบลับ ๆ 2 ครั้ง และมีแนวโน้มว่าจะเป็นการเปิดทางให้มีการกลับไปทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลอีกครั้ง

1 160 161 162 163 164 597
...