นิวยอร์ก 15 มี.ค.- ตำรวจเมืองยองเกอร์ส รัฐนิวยอร์กของสหรัฐแถลงข่าวสตรีชาวเอเชียวัย 67 ปี ถูกชายอเมริกันที่เกลียดชังชาวเอเชียทำร้ายร่างกายอย่างโหดร้าย ด้วยการต่อยเข้าที่ศีรษะและใบหน้าไม่ต่ำกว่า 125 ครั้ง อีกทั้งยังกระทืบซ้ำอีกหลายครั้ง
ตำรวจเผยรายละเอียดคดีว่า เหยื่อเดินผ่านคนร้ายซึ่งเป็นชายวัย 42 ปี ขณะกำลังกลับบ้านเมื่อเย็นวันศุกร์ และถูกเขาด่าทอด้วยถ้อยคำเหยียดผิว เธอไม่สนใจและเดินเข้าโถงทางเดินของอาคารที่พัก แต่ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูอีกชั้นของอาคาร คนร้ายได้ปราดเข้ามาจากด้านหลังแล้วต่อยที่ศีรษะทำให้เธอล้มลงกับพื้นทันที จากนั้นได้ทำร้ายร่างกายเธออย่างโหดร้าย ซึ่งมีภาพปรากฎให้เห็นในกล้องวงจรปิดของอาคาร เหยื่อมีบาดแผลฟกช้ำและแผลถลอกจำนวนมากตามศีรษะและใบหน้า กระดูกบริเวณใบหน้าแตก และเลือดออกในสมอง ถูกส่งตัวไปรักษาและขณะนี้อาการทรงตัว ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุเมื่อเวลา 18:11 น.วันเดียวกัน พบคนร้ายอยู่นอกอาคารที่พักจึงเข้าจับกุมโดยไม่มีการขัดขืน และส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำเทศมณฑลเวสต์เชสเตอร์ เว็บไซต์ศาลเมืองยองเกอร์สระบุว่า เขาถูกตั้งข้อหากระทำความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ 2 กระทงคือ พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกายระดับ 2 กับเหยื่ออายุ 65 ปีขึ้นไป แต่ละข้อหาถูกระบุว่าเป็นการก่ออาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง
เมืองยองเกอร์สอยู่บริเวณชานนครนิวยอร์ก มีประชากรมากกว่า 211,000 คน นายกเทศมนตรีและตำรวจเมืองนี้เห็นตรงกันว่า ควรลงต้องโทษคนร้ายสถานหนักที่สุด เพื่อประกาศให้ชัดเจนว่าเมืองยองเกอร์สไม่ยอมรับการก่ออาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง ข้อมูลของ Stop AAPI Hate ที่เป็นกลุ่มติดตามรายงานการเหยียดผิวและเลือกปฏิบัติต่อชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียและคนจากหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2563 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ได้รับรายงานรวม 10,905 ครั้ง ทั้งนี้นับตั้งแต่เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระบาด มีคนในสหรัฐจำนวนมากตกเป็นเหยื่อความเกลียดชังชาวเอเชีย.-สำนักข่าวไทย