สหภาพยุโรป

บรัสเซลส์ 29 ม.ค.- เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปหรืออียู (EU) เผยว่า แอสตราเซนเนกา บริษัทยาอังกฤษได้เสนอจัดสรรวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ให้อียูอีก 8 ล้านโดสในไตรมาสนี้ แต่เป็นจำนวนที่อียูมองว่ายังไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ที่ขอสงวนนามเผยว่า ภายใต้สัญญาที่ลงนามเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน แอสตราเซนเนกาควรต้องจัดสรรวัคซีนให้อียูอย่างน้อย 80 ล้านโดสในไตรมาสเดือนมกราคม-มีนาคม หรือสูงสุด 120 ล้านโดสขึ้นกับการตีความสัญญา แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วแอสตราเซนเนกาประกาศอย่างไม่มีใครคาดคิดว่า จะลดจำนวนวัคซีนที่จัดสรรให้แก่อียู เนื่องจากมีปัญหาการผลิตที่โรงงานในเบลเยียม อียูประเมินว่า จะถูกลดจำนวนวัคซีนลงถึงร้อยละ 60 เหลือ 31 ล้านโดสในไตรมาสแรกของปีนี้ เจ้าหน้าที่อียูที่เจรจากับแอสตราเซนเนกาโดยตรงเผยว่า บริษัทได้เสนอในภายหลังว่าจะส่งวัคซีนเพิ่มให้อีก 8 ล้านโดส เป็น 39 ล้านโดสในไตรมาสนี้ แต่อียูมองว่ายังไม่เพียงพอ แหล่งข่าวอีกคนเผยว่า บริษัทเสนอจัดสรรให้ในไตรมาสนี้ 40 ล้านโดสจาก 120 ล้านโดสตามสัญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของแอสตราเซนเนกาให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันอังคารว่า ไม่มีข้อกำหนดตามกฎหมายที่จะต้องส่งมอบวัคซีนให้อียูตามตารางเวลาที่กำหนด เพราะรับปากว่าจะพยายามจัดสรรให้อย่างดีที่สุดเท่านั้น แหล่งข่าวคนแรกเผยว่า เขาย้ำจุดยืนเดิมในการหารือกับเจ้าหน้าที่อียูในวันถัดมา และไม่เสนอจัดสรรเพิ่มจาก 39 ล้านโดสที่รับปากไว้เมื่อต้นสัปดาห์แต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

บูดาเปสต์ 29 ม.ค. – ฮังการีอาจลงนามข้อตกลงซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จากซิโนฟาร์ม บริษัทผู้ผลิตวัคซีนของจีนภายในวันเสาร์นี้ และอาจเป็นประเทศแรกในสหภาพยุโรปหรืออียูที่ยอมรับวัคซีนของจีน นายกรัฐมนตรีวิกตอร์ ออร์บาน ของฮังการีเผยกับสถานีวิทยุของรัฐว่า รัฐบาลอาจลงนามในข้อตกลงซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากซิโนฟาร์มในเร็ว ๆ นี้เพราะเป็นวัคซีนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด หากทางการได้รับวัคซีนดังกล่าวจะสามารถนำไปฉีดให้แก่ชาวฮังการีราว 1.7 ล้านคนได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ รัฐบาลกำลังติดตามผลการฉีดให้ประชาชนจำนวนมากในเซอร์เบียอยู่ อย่างไรก็ดี หน่วยงานกำกับดูแลยาของฮังการียังไม่ได้อนุมัติใช้วัคซีนของซิโนฟาร์ม แต่ถ้าผ่านการอนุมัติ ฮังการีจะกลายเป็นประเทศแรกในกลุ่มอียูที่ยอมรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของจีน นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนฮังการียังเป็นประเทศแรกในกลุ่มอียูที่สั่งซื้อวัคซีนสปุตนิก-วีของรัสเซียอีกด้วย ส่วนเซอร์เบียเป็นประเทศแรกในทวีปยุโรปที่เริ่มฉีดวัคซีนของซิโนฟาร์มให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้างหลังได้รับวัคซีน 1 ล้านโดสจากจีนในเดือนนี้ รัฐบาลของนายออร์บานถูกกดดันให้กลับมาเปิดเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด หลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในปีที่แล้วที่ทำให้เศรษฐกิจของฮังการีเข้าสู่ภาวะถดถอยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตการเงินโลก เมื่อวานนี้รัฐบาลได้ประกาศคำสั่งเร่งขั้นตอนการอนุมัติวัคซีนว่า จะให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินกับวัคซีนขนานใดก็ตามที่มีประวัติฉีดให้แก่ประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 1 ล้านคน ขณะนี้ ฮังการีมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 364,000 คน และผู้เสียชีวิตราว 12,300 คน. -สำนักข่าวไทย

ลอนดอน 28 ม.ค.- อังกฤษยืนยันวันนี้ว่า อังกฤษต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ตามที่สั่งและชำระเงินไ ปแล้ว หลังจากสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) ขอให้แอสตราเซนเนกาโยกวัคซีนจำนวนหนึ่งในส่วนของอังกฤษมาให้สมาชิกอียู นายไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษเผยกับสถานีวิทยุบรรษัทกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) ว่า อังกฤษต้องการความมั่นใจว่าวัคซีนที่ได้ซื้อและชำระเงินไปแล้วเพื่อนำมาให้ฉีดให้แก่คนในสหราชอาณาจักรจะส่งมอบมาตามที่ตกลงไว้ สิ่งสำคัญอันดับแรกของอังกฤษคือ การสร้างความมั่นใจว่าคนในประเทศที่เป็นกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเป้าหมายจะได้รับการฉีดวัคซีน ต่อข้อถามว่ารัฐบาลอังกฤษจะห้ามแอสตราเซนเนกาโยกวัคซีนจำนวนหนึ่งในส่วนของอังกฤษไปให้อียูหรือไม่ รัฐมนตรีอังกฤษยืนยันว่า อังกฤษจะต้องได้รับวัคซีนที่สั่งตามกำหนด จะไม่มีสิ่งใดทำให้สะดุดได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ควรทำคือการหารือกับมิตรในยุโรปว่าจะช่วยเหลือกันได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษกล่าวเมื่อวันก่อนว่า จะน่าเสียใจอย่างยิ่งหากอังกฤษยังร่วมในโครงการวัคซีนของอียูโดยไม่ดำเนินโครงการของตัวเอง ขณะที่แอสตราเซนเนกาซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเคมบริดจ์ของอังกฤษเสนอจัดสรรวัคซีนบางส่วนให้อียู หลังจากอียูขอให้โยกวัคซีนบางส่วนมาจากอังกฤษ.-สำนักข่าวไทย

แอสตราเซเนกาอาจส่งวัคซีนโควิดให้สหภาพยุโรปได้น้อยกว่าที่ตกลงไว้ เนื่องจากมีปัญหาในระบบห่วงโซ่อุปทาน และต้องรอองค์การยาของสหภาพยุโรป (EMA) รับรอง

สหภาพยุโรปย้ำ วัคซีนแอสตราเซนเนกาไม่น่าจะรับรองในเดือนหน้า ขณะที่ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุวัคซีนคือแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์