“พลายประตูผา” กินได้ไม่ตื่นคนแม้อยู่ช่วงตกมัน

ทูตไทยในศรีลังกายืนยัน “พลายประตูผา” มีสภาพความเป็นอยู่ปกติ ขณะนี้อยู่ในช่วงตกมัน แต่ยังกินอาหารได้ แม้มีผู้คนมากมาย แต่ไม่ได้แสดงอาการดุดัน

หมอไทยเตรียมไปให้ความรู้รักษาช้างที่ศรีลังกา

“วราวุธ” เผย “กัญจนา” พร้อมทีมแพทย์จะไปศรีลังกาอีกครั้งต้นเดือนก.ย.นี้ ถ่ายทอดการดูแลรักษาพยาบาลช้าง ระบุ “พลายศักดิ์สุรินทร์” อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ทำคนไทยคลายใจหายห่วง หวั่นต้องส่งกลับ

สื่อต่างชาติรายงานข่าว “พลายศักดิ์สุรินทร์”กลับไทย

กรุงเทพฯ 2 ก.ค.- สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานข่าวพลายศักดิ์สุรินทร์เดินทางจากศรีลังกากลับถึงประเทศไทยแล้วในวันนี้ หลังจากเกิดข้อพิพาททางการทูตเรื่องช้างได้รับการดูแลไม่ดี เอเอฟพีรายงานว่า ช้างมธุราชา หรือที่มีชื่อเรียกที่บ้านเกิดในไทยว่า พลายศักดิ์สุรินทร์ มีอายุ 29 ปี ทางการไทยส่งไปอยู่ในศรีลังกาในฐานะทูตสันถวไมตรีตั้งแต่ปี 2544 และได้ขอนำช้างกลับคืนเมื่อปี 2565 หลังจากมีข้อกล่าวหาว่า ช้างถูกทรมานและถูกละเลยขณะเลี้ยงไว้ที่วัดแห่งหนึ่งในศรีลังกา พลายศักดิ์สุรินทร์น้ำหนักตัว 4,000 กิโลกรัม เดินทางถึงไทยเมื่อเวลา 14:00 น.เศษ วันนี้ตามเวลาไทย โดยอยู่ในกรงเหล็กที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษและขนส่งด้วยเครื่องบินขนส่งอิลยูชิน อิล-76 (Ilyushin Il-76) รายงานอ้างนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยว่า ช้างเดินทางถึงท่าอากาศยานเชียงใหม่ด้วยความเรียบร้อย ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง สภาพทั่วไปปกติดี เอเอฟพีอ้างเจ้าหน้าที่ไทยว่า การเดินทางด้วยเที่ยวบินพาณิชย์ครั้งนี้ใช้งบประมาณ 700,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 24.69 ล้านบาท) เอเอฟพีอ้างคำกล่าวของสัตวแพทย์ใหญ่ประจำสวนสัตว์ในกรุงโคลัมโบของศรีลังกา สถานที่พักชั่วคราวของพลายศักดิ์สุรินทร์ก่อนถูกส่งกลับไทยว่า ช้างมธุราชาอยู่ในสภาพที่เจ็บปวดและมีฝีหลายจุดในช่วงที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากวัดเมื่อปี 2565 ช้างจะรับการรักษาแบบวารีบำบัดในไทยเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่เท้าหน้าซ้าย กลุ่มสวัสดิภาพสัตว์ระบุว่า ช้างถูกบังคับให้ทำงานกับคนลากไม้ และไม่ได้รับการดูแลบาดแผล ด้านกลุ่มแรร์ (RARE : […]

พลายศักดิ์สุรินทร์ ถึงสนามบินเชียงใหม่แล้ว

เครื่องบินที่บรรทุก พลายศักดิ์สุรินทร์ ถึงสนามบินเชียงใหม่แล้ว เมื่อเวลา 14.03 น. “วราวุธ” เผยเบื้องต้น ช้างอยู่ในความสมบูรณ์ ไม่หงุดหงิด

พลายศักดิ์สุรินทร์ ขึ้นเครื่องบินออกจากศรีลังกาแล้ว

พลายศักดิ์สุรินทร์ มีอาการสงบ ไม่ต้องใช้ยาซึม ขึ้นเครื่องบินออกจากศรีลังกาแล้ว ถึงสนามบินเชียงใหม่ บ่ายวันนี้

รับ “พลายศักดิ์สุรินทร์” กลับมาตุภูมิ

เวลาที่คนไทยรอคอยใกล้มาถึง ขั้นตอนการนำ “พลายศักดิ์สุรินทร์” กลับบ้าน จะเริ่มขึ้นในอีก 3 ชั่วโมง ข้างหน้า โดยขบวนขนย้ายช้าง จะออกจากสวนสัตว์เดฮิวาลาตอนเที่ยงคืน เครื่องบินออกจากสนามบินบันดาราเนยาเก กรุงโคลัมโบช่วงเช้า ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง ถึงเชียงใหม่ ช้างไทยที่เป็นเหมือนผู้แทนประเทศ ทำหน้าที่ทูตสันถวไมตรีในประเทศศรีลังกา นานถึง 22 ปี จะได้กลับมามีชีวิตใหม่ในบ้านเกิด

ศรีลังกาหาทางแก้ปัญหาขยะพลาสติก

โคลัมโบ 27 มิ.ย.- ศรีลังกาเตรียมบังคับใช้กฎหมายห้ามการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในเร็ว ๆ นี้ หวังแก้ปัญหาขยะพลาสติกเกลื่อนเมืองที่ทำให้ช้างประมาณ 20 ตัว และสัตว์ป่าจำนวนมากตายในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ขยะพลาสติกนอกจากทำให้สัตว์ตาย ยังทำให้ท่อระบายน้ำอุดตันจนเกิดน้ำท่วมในเขตเมือง และทำให้โรคไข้เลือดออกระบาด เพราะเป็นแหล่งน้ำขังให้ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคใช้เป็นที่เพาะพันธุ์ เจ้าหน้าที่ศรีลังกาเผยว่า ต้องการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการใช้พลาสติกอย่างมีความรับผิดชอบ กฎหมายที่จะบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้จะห้ามจำหน่ายสิ่งของผลิตจากพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ช้อมส้อม แก้ว พวงมาลัย อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่า ปัญหาอยู่ที่การปฏิบัติจริง ทางการเคยมีกฎหมายในปี 2549 ห้ามการใช้ถุงพลาสติกแบบบางมากและพลาสติกห่ออาหาร แต่ผู้ผลิตก็เพิกเฉยอย่างเปิดเผย ทางการพยายามสร้างความตระหนักรู้ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ สิ่งสำคัญคือต้องสร้างความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม จึงจะเปลี่ยนแปลงการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ศรีลังกาเคยสั่งปิดที่ทิ้งขยะในกรุงโคลัมโบในปี 2560 เมื่อภูเขาขยะถล่ม คร่าชีวิตมากกว่า 30 คน และมีบ้านเรือนเสียหายหลายร้อยหลัง หลังจากนั้นไม่นานทางการสั่งห้ามใช้ถุงพลาสติกอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่มีการปฏิบัติตามอย่างจริงจัง ส่วนคำสั่งห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์เป็นซองเล็ก ๆ ผู้ผลิตก็เลี่ยงด้วยการผลิตซองใหญ่กว่าขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2564 ยังทำให้ศรีลังกาไม่มีงบประมาณในการเก็บขยะ ศูนย์เพื่อความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อมในศรีลังกาศึกษาในปี 2563 พบว่า ขยะในเขตเมืองเกือบร้อยละ 15 เป็นขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ชาวศรีลังกา […]

เตรียมพา “พลายศักดิ์สุรินทร์” เดินทางกลับไทย 1 ก.ค.นี้

ทางการไทยเตรียมพา “พลายศักดิ์สุรินทร์” ช้างไทยในศรีลังกา เดินทางกลับประเทศ หลังพบว่าช้างเชือกดังกล่าวถูกเลี้ยงดูอย่างปล่อยปละละเลยจนสุขภาพย่ำแย่

ศรีลังกาเกิดข่าวลวงสะพัดเกี่ยวกับต้นพระศรีมหาโพธิ์

อนุราธปุระ 2 มิ.ย.- ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิในศรีลังกาเกิดข่าวลวงสะพัดหลายครั้ง รวมถึงข่าวลวงเรื่องต้นไม้ได้รับความเสียหายจากคลื่นสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ 5 จี (5G) ต้นพระศรีมหาโพธิ์ปลูกอยู่ในเมืองอนุราธปุระ ที่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรสิงหล เป็นต้นไม้อายุ 2,300 ปี เชื่อกันว่า โตมาจากหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์ในอินเดียที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งขณะตรัสรู้เมื่อกว่า 2,500 ปีก่อน ถือเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิและสัญลักษณ์ของศรีลังกาที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชน จากทั้งหมด 22 ล้านคน ข่าวลวงแรกที่อ้างว่า ต้นไม้กำลังตกอยู่ในอันตรายปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ท้องถิ่น โดยอ้างว่าคลื่นความถี่ 5 จีจากสถานีฐานหลายแห่งที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ทำให้ใบของต้นพระศรีมหาโพธิ์เปลี่ยนเป็นสีดำ และกำลังเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะยืนต้นตาย ข่าวลวงนี้แพร่กระจายไปทั่วสื่อสังคมออนไลน์ในศรีลังกาอย่างเฟซบุ๊กและวอตส์แอปป์ มีพิธีกรคนหนึ่งนำข่าวลวงนี้ไปเผยแพร่ต่อในช่องยูทูป นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า เจ้าอาวาสของวัดที่ดูแลต้นไม้ต้นนี้รับเงินจากบริษัทโทรคมนาคมให้ตั้งสถานีฐานใกล้วัด เจ้าอาวาสวัย 68 ปี จึงได้ร้องเรียนต่อประธานาธิบดีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งได้สั่งการให้ตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญขึ้นตรวจสอบโดยทันที ผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการกำกับดูแลโทรคมนาคมเผยว่า มีสถานีฐานเก่า 4 แห่งตั้งอยู่ภายในรัศมี 500 เมตรจากต้นไม้ แต่ไม่พบคลื่นความถี่ 5 จีตามที่มีกระแสข่าวลือ อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวยังมีปริมาณรังสีต่ำกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ด้วย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ยืนยันว่า ไม่มีอันตรายจากคลื่นความถี่ 2จี, 3จี และ 4จีที่มีอยู่ในปัจจุบัน […]

กองทัพเรือศรีลังกาพบศพลูกเรือประมงจีน 14 ราย

กองทัพเรือศรีลังกากล่าววันนี้ว่า พบศพลูกเรือ 14 ราย อยู่ภายในเรือประมงจีนที่อับปางในมหาสมุทรอินเดียเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพร้อมด้วยลูกเรือ 39 ราย

ผู้นำศรีลังกาเตือนประเทศเตรียมตัวรับความลำบาก

โคลัมโบ 22 มี.ค.- ประธานาธิบดีศรีลังกาเตือนว่า ศรีลังกาจะต้องพบกับความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจมากขึ้นอีกจากการดำเนินมาตรการรัดเข็มขัดอย่างเคร่งครัดเพื่อกอบกู้ฐานะการคลัง หลังจากบรรลุข้อตกลงรับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (IMF) ประธานาธิบดีรานิล วิกรมสิงเห แถลงต่อรัฐสภาในวันนี้ว่า ข้อตกลงกับไอเอ็มเอฟเป็นจุดเริ่มต้นการฟื้นฟูประเทศที่เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเมื่อปี 2565 อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้เป็นเพียงก้าวแรกของการปฏิรูปโครงสร้างที่จะเป็นการเดินทางที่ยาวนานและยากลำบากมากยิ่งขึ้น ศรีลังกาจะต้องก้าวข้ามด้วยความรอบคอบและกล้าหาญ โดยมีเป้าหมายเดียวคือการกอบกู้เศรษฐกิจประเทศ ประธานาธิบดีวิกรมสิงเหกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการหลังจากนี้คือ การขึ้นภาษี เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของไอเอ็มเอฟที่กำหนดให้ต้องลดภาระการชำระหนี้ต่างประเทศลงให้ได้ครึ่งหนึ่งจากปี 2565 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึงร้อยละ 9 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี (GDP) และจะรับภาระหนี้ต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจสำคัญเพื่อให้เป็นที่สนใจของนักลงทุน ตามที่ไอเอ็มเอฟต้องการให้ศรีลังกาจำหน่ายรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน รวมถึงศรีลังกาแอร์ไลน์ที่เป็นสายการบินแห่งชาติ และออกกฎหมายปราบปรามการทุจริตอย่างเข้มงวด ด้านสหภาพแรงงานในศรีลังกาคัดค้านการใช้มาตรการรัดเข็มขัดด้วยการนัดหยุดงานในภาคสาธารณสุขและการขนส่งเมื่อสัปดาห์ก่อน และเตือนว่าจะมีการเคลื่อนไหวต่อไปอีก.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 5 29
...