บริษัท

โตเกียว 12 ส.ค.- 4 บริษัทในญี่ปุ่นจะร่วมกันพัฒนาระบบชำระเงินที่ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมที่ธนาคารและซื้อสินค้าตามร้านค้าโดยใช้เพียงใบหน้าแสดงตัว กลุ่มการธนาคารเรโซนาโฮลดิงส์ บริษัทพานาโซนิกซิสเต็มโซลูชันส์เจแปนในเครือพานาโซนิก บริษัทบัตรเครดิตเจซีบี และบริษัทไดนิปปอนพรินติง จะร่วมกันพัฒนาระบบที่เชื่อว่าจะสามารถนำไปใช้งานได้ในอย่างกว้างขวาง รวมไปถึงการจองโรงแรมและเช่ารถ พานาโซนิกมีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีจดจำใบหน้า ขณะที่ไดนิปปอนพรินติงเชี่ยวชาญเรื่องการแสดงตัวตนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ส่วนเจซีบีให้บริการเรื่องการชำระเงิน กลุ่มการธนาคารเรโซนาโฮลดิงส์จะนำระบบนี้มาทดลองใช้ที่สำนักงานใหญ่ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า เพื่อทดสอบว่าจะสามารถให้ลูกค้าที่ลงทะเบียนภาพถ่ายใบหน้าล่วงหน้าฝาก ถอนและโอนเงิน รวมถึงซื้อกองทุนที่สาขาของธนาคารได้ โดยไม่ต้องมีสมุดบัญชีหรือบัตรกดเงินสดได้ในปีการเงินหน้าที่จะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนหรือไม่ จากนั้นจะขยายการใช้บริการชำระเงินด้วยใบหน้าให้แก่ธนาคารท้องถิ่นและบริษัทอื่น ๆ ที่ไม่สามารถพัฒนาระบบแบบนี้ได้เอง ส่วนเรื่องที่ผู้ใช้บริการลังเลที่จะให้บันทึกภาพถ่ายใบหน้า เพราะกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวนั้น ทั้ง 4 บริษัทให้ความมั่นใจว่า ข้อมูลภาพถ่ายใบหน้าจะถูกเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้จากภายนอก โดยมีเรโซนาโฮลดิงส์เป็นผู้บริหารจัดการระบบ.-สำนักข่าวไทย

โตเกียว 9 พ.ค.- สำนักข่าวเกียวโดนิวส์ของญี่ปุ่นเผยรายงานการสอบสวนว่า บริษัทญี่ปุ่นอย่างน้อย 10 แห่งมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจโดยตรงกับบริษัทของรัฐบาลทหารเมียนมา หรือเข้าร่วมในโครงการที่เป็นแหล่งรายได้ให้รัฐบาลทหารเมียนมา ทั้งนี้หลังจากเมียนมาเปลี่ยนถ่ายการปกครองให้รัฐบาลพลเรือนในปี 2554 มีบริษัทญี่ปุ่นเข้าไปลงทุนราว 400 แห่ง โดยต้องเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทท้องถิ่นตามมาตรการจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศ บริษัทท้องถิ่นหลายแห่งเป็นบริษัทของกองทัพเมียนมา เกียวโดนิวส์เผยแพร่เรื่องนี้ เนื่องจากมีกระแสวิตกว่า เงินทุนและข้อตกลงทางธุรกิจของภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่นอาจถูกรัฐบาลทหารเมียนมานำไปใช้ละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่สหรัฐ ยุโรป และผู้ถือหุ้นเรียกร้องให้บริษัทญี่ปุ่นตัดความสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารเมียนมา เกียวโดนิวส์ยกตัวอย่างคิรินโอลดิงส์ ผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ว่า ลงทุนร่วมกับบริษัทเมียนมา 2 แห่งของเมียนมาอิโคโนมิกโฮลดิงส์ที่ถูกสหประชาชาติระบุว่าเป็นของนายทหารเมียนมา ขณะที่กลุ่มบริษัทที่ประกอบด้วยบรรษัทการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างประเทศเพื่อการพัฒนาการขนส่งและเขตเมืองแห่งญี่ปุ่น (JOIN) ฟูจิตะ และโตเกียวทาเทโมโนะจ่ายค่าเช่าที่ให้กระทรวงกลาโหมเมียนมาปีละกว่า 200 ล้านเยน (กว่า 57 ล้านบาท) ในโครงการพัฒนาพื้นที่ในนครย่างกุ้ง อีกทั้งโครงการนี้ยังได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) ธนาคารมิซูโฮ และธนาคารซูมิโตโมมิตซุยแบงกิงคอร์ปอเรชัน รายงานของเกียวโดนิวส์ยังพูดถึงบริษัทก่อสร้าง บริษัทเครื่องจักรผลิตอาหาร บริษัทอัญมณีญี่ปุ่นว่าพัวพันกับบริษัทของรัฐบาลทหารเมียนมาด้วย.-สำนักข่าวไทย

สตอกโฮล์ม 7 ธ.ค.- หน่วยงานวิชาการด้านความขัดแย้งและอาวุธเผยว่า ปีที่แล้วยอดขายอาวุธของ 4 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของจีนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้นเกือบร้อยละ 5 สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม หรือ ซิปรี (SIPRI) ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองชั้นนำด้านอาวุธ และความขัดแย้งที่มีฐานอยู่ในสวีเดน เปิดเผยว่า จากการจัดอันดับประจำปีบริษัทผลิตอาวุธใหญ่ที่สุด 25 แห่งของโลก ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลของบริษัทจีนเข้ามาด้วยเป็นครั้งแรกพบว่า ยอดขายอาวุธของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 4 แห่งของจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 ในปี 2562 มีมูลค่ารวม 56,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.71ล้านล้านบาท ซิปรีเปิดเผยว่า 4 บริษัทผลิตอาวุธท่ใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งได้แก่ บรรษัทอุตสาหกรรมการบินแห่งประเทศจีน (AVIC) บรรษัทกลุ่มเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์จีน (CETC) บรรษัทกลุ่มอุตสาหกรรมภาคเหนือจีน (NORINCO) และบรรษัทกลุ่มอุตสาหกรรมภาคใต้จีน (CSGC) มีรายชื่ออยู่ใน 25 อันดับบริษัทผลิตอาวุธที่ใหญ่ที่สุดของโลกประจำปี ในลำดับที่ 6 ลำดับที่ 8 ลำดับที่ 9 และลำดับที่ 24 ตามลำดับ ชาติตะวันตกมองว่า […]