Bank Indonesia

หน่วยปราบทุจริตอินโดนีเซียบุกค้นแบงก์ชาติ

จาการ์ตา 17 ธ.ค.- สำนักงานปราบปรามการทุจริตของอินโดนีเซียเข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่ของธนาคารกลางอินโดนีเซียเมื่อวานนี้ เพื่อสอบสวนข้อครหาเรื่องบริหารจัดการมิชอบเกี่ยวกับโครงการรับผิดชอบต่อสังคมหรือซีเอสอาร์ (CSR) แหล่งข่าว 2 รายเผยว่า สำนักงานของนายแปร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการธนาคารอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกตรวจค้นด้วย ขณะที่โฆษกสำนักงานปราบปรามการทุจริตยืนยันว่า มีการตรวจค้นแต่ไม่ขอให้รายละเอียด ด้านธนาคารกลางอินโดนีเซียแถลงว่า เคารพการสอบสวนของสำนักงานปราบปรามการทุจริตและจะให้ความร่วมมือด้วยดี สื่ออินโดนีเซียรายงานว่า สำนักงานปราบปรามการทุจริตของอินโดนีเซียแถลงเมื่อเดือนกันยายนว่า กำลังสอบสวนโครงการซีเอสอาร์หลายโครงการที่ดำเนินการในปี 2566 โดยหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน รวมถึงธนาคารกลางว่า มีการนำเงินไปใช้โดยมิชอบเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือไม่ นายวาร์จิโย วัย 65 ปี ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียมาตั้งแต่ปี 2561 แถลงข่าวชี้แจงในเวลานั้นว่า ธนาคารกลางให้ความร่วมมือกับการสอบสวน ขอยืนยันว่าโครงการซีเอสอาร์ของธนาคารกลางมีการกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด และมีกระบวนการตัดสินใจที่ผ่านทุกขั้นตอน โดยมักมอบทุนให้แก่องค์กรด้านการศึกษา การเสริมสร้างพลังทางสังคม และการศาสนา มากกว่ามอบเป็นรายบุคคล ผู้ได้รับมอบทุนจะต้องผ่านการคัดเลือกหลังจากการทำสำรวจและเป็นไปตามชุดเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ส่วนขนาดของทุน จะกำหนดโดยคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลาง เอกสารที่ธนาคารกลางอินโดนีเซียแถลงต่อรัฐสภาระบุว่า ปี 2566 ได้จัดสรรงบประมาณ 1.6 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 3,420 ล้านบาท) ให้แก่โครงการซีเอสอาร์ โครงการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย เล็ก และกลาง และมาตรการรักษาเสถียรภาพด้านราคา แต่ไม่มีการแจกแจงรายละเอียด.-814.-สำนักข่าวไทย

Donald Trump and Kamala Harris shake hand in debate

แบงก์ชาติหลายประเทศกังวลผลกระทบหาก “ทรัมป์” ชนะเลือกตั้ง

วอชิงตัน 28 ต.ค. – ผู้ว่าการธนาคารกลางของหลายประเทศแสดงความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ รอยเตอร์รายงานว่า ในการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ (IMF) และธนาคารโลกระหว่างวันที่ 21-26 ตุลาคม 2567 ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. วาระการประชุมหลักของผู้ว่าการธนาคารกลางและรัฐมนตรีคลังประเทศต่าง ๆ เป็นเรื่องเศรษฐกิจขยายตัวต่ำ ภาระหนี้สินสูง และสงครามที่ทวีความรุนแรง อย่างไรก็ดี หัวข้อสนทนาอย่างไม่เป็นทางการของผู้เข้าร่วมประชุมเกือบทุกกลุ่ม คือ ผลสำรวจล่าสุดที่พบว่า ทรัมป์จากพรรครีพับลิกันเริ่มมีคะแนนตีตื้นนางคอมมาลา แฮร์ริสจากพรรคเดโมแครตที่มีคะแนนนิยมนำในช่วงต้น และหนึ่งในความกังวลของหลายคน คือ ทรัมป์อาจจะพลิกระบบการเงินโลกแบบหน้ามือเป็นหลังมือ ด้วยการขึ้นภาษีครั้งมโหฬาร ออกพันธบัตรกู้เงินหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และละทิ้งความพยายามแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อสนับสนุนการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล นายคาซุโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือบีโอเจ (BOJ) เผยว่า ทุกคนกังวลที่มีความไม่แน่นอนสูงมากว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ และประธานาธิบดีคนใหม่จะดำเนินนโยบายแบบใด ผู้ว่าการธนาคารกลางประเทศหนึ่งยอมรับโดยขอสงวนนามว่า เริ่มมีความรู้สึกว่าทรัมป์กำลังจะชนะ ขณะที่นายโฮแบร์โต กัมโปส แนโต ผู้ว่าการธนาคารกลางบราซิลชี้ว่า การเดิมพันว่าทรัมป์จะชนะได้ส่งผลต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของบราซิลแล้ว เนื่องจากบราซิลเป็นเศรษฐกิจที่อ่อนไหวต่อดอลลาร์สหรัฐ และว่านโยบายการคลังของทั้งทรัมป์และแฮร์ริสล้วนแต่จะเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ ด้านนายเมห์เมต ชิมเชค […]

เศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาส 2 ฟื้นตัวมากกว่าคาด

โตเกียว 15 ส.ค.- เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ขยายตัวถึงร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบเป็นรายปี ถือว่าขยายตัวมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากช่วงไตรมาสแรก เป็นผลมาจากการจับจ่ายของภาคเอกชนฟื้นตัว ข้อมูลของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี (GDP) ของไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายนขยายตัวร้อยละ 3.1 สูงกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.1 หลังจากเมื่อช่วงไตรมาสแรกหดตัวลงร้อยละ 2.3  การบริโภคของภาคเอกชนที่ครองสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของจีดีพีปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1 ซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ส่งผลให้จีดีพีไตรมาส 2 ฟื้นตัว ตัวเลขเหล่านี้สนับสนุนสิ่งที่ธนาคารกลางของญี่ปุ่น หรือบีโอเจ (BOJ) คาดการณ์ไว้ว่า การที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจะช่วยให้อัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าที่ร้อยละ 2 เปิดทางให้บีโอเจสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกในอนาคต หลังจากเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 0-0.1 เป็นร้อยละ 0.25.-816(814).-สำนักข่าวไทย

“แฮร์ริส” ยืนยันไม่แทรกแซงเฟดถ้าได้เป็น ปธน.สหรัฐ

แอริโซนา 11 ส.ค. – รองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส ของสหรัฐ ย้ำว่า จะไม่แทรกแซงการตัดสินใจของธนาคารกลางของสหรัฐ หรือเฟด (Fed) หากเธอชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี วันที่ 5 พฤศจิกายน นางแฮร์ริส ซึ่งได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมตามเวลาท้องถิ่น เผยกับสื่อระหว่างหาเสียงที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาเมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เฟดเป็นสถาบันอิสระ และในฐานะประธานาธิบดีเธอจะไม่มีทางแทรกแซงการตัดสินใจของเฟดอย่างแน่นอน จุดยืนของนางแฮร์ริสแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ย้ำระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อที่บ้านพักมาร์อะลาโกของเขาในรัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า ประธานาธิบดีสหรัฐควรมีสิทธิมีเสียงในการตัดสินใจของเฟด ประธานเฟดคนปัจจุบัน คือ นายเจอโรม พาวเวล วัย 71 ปี ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมัยแรกเมื่อปลายปี 2560 โดยทรัมป์ที่เป็นประธานาธิบดีในขณะนั้น และได้รับแต่งตั้งอีกสมัยเมื่อต้นปี 2565 โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน และมีกำหนดครบวาระดำรงตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2569.-814.-สำนักข่าวไทย

ประธานศาลและผู้ว่าฯ ธนาคารกลางบังกลาเทศลาออก

ประธานศาลฎีกาและผู้ว่าการธนาคารกลางของบังกลาเทศลาออกจากตำแหน่ง ในขณะที่การประท้วงของนักศึกษาที่บีบบังคับให้นางเชค ฮาซีนา ลาออกจากตำแหน่งและหนีไปต่างประเทศ ขยายเป้าหมายกว้างมากยิ่งขึ้นไปยังเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งในระหว่างที่เธอบริหารประเทศ

ผู้ประท้วงบังกลาเทศบีบคณะผู้บริหารแบงก์ชาติลาออก

ธากา 7 ส.ค.- แหล่งข่าวในธนาคารกลางของบังกลาเทศเผยว่า รองผู้ว่าการธนาคารกลาง 4 คน ถูกบีบบังคับให้ลาออกในวันนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง 300-400 คนประท้วงสิ่งที่พวกเขาระบุว่า เป็นการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง แหล่งข่าวเผยว่า ผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้ผู้ว่าธนาคารกลางลาออกด้วย แต่ผู้ว่าฯ ไม่ได้อยู่ในธนาคารกลางในช่วงที่ผู้ประท้วงมาชุมนุมที่สำนักงานใหญ่ในกรุงธากา โดยในระหว่างนี้รองผู้ว่าการคนหนึ่งจะทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งรองผู้ว่าการคนใหม่ทั้ง 4 คน นอกจากนี้หัวหน้าสำนักงานข่าวกรองทางการเงินและที่ปรึกษานโยบายของธนาคารกลางได้ลาออกด้วยเช่นกัน โดยมีบุคลากรของกองทัพบกรับรองความปลอดภัยและนำพวกเขาออกจากธนาคารกลาง การประท้วงที่ธนาคารกลางบังกลาเทศมีขึ้น 2 วันหลังจากนางเชค ฮาซีนา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหนีออกนอกประเทศเมื่อวันจันทร์ ในช่วงที่มีการประท้วงนองเลือดมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม มีผู้เสียชีวิตรวมกันเกือบ 300 คน.-814.-สำนักข่าวไทย

เมียนมาโต้รายงานยูเอ็นเรื่องได้เงินและอาวุธจากต่างชาติ

ธนาคารกลางแห่งเมียนมา ปฏิเสธรายงานของสหประชาชาติหรือยูเอ็น เรื่องรัฐบาลทหารเมียนมายังคงเข้าถึงเงินและอาวุธจากบางประเทศ สำหรับทำสงครามกับกลุ่มต่อต้านการรัฐประหาร

ยูเครนใช้มาตรการเปิดเสรีสกุลเงินช่วงสงครามครั้งใหญ่ที่สุด

ธนาคารกลางยูเครนประกาศใช้มาตรการเปิดเสรีสกุลเงินในช่วงสงครามครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อวันศุกร์ เพื่อผ่อนคลายมาตรการจำกัดให้แก่ภาคธุรกิจ

จีนสำรองทองคำเพิ่มขึ้น 17 เดือนติดต่อกัน

ปักกิ่ง 9 เม.ย.- ธนาคารกลางจีนเผยแพร่ข้อมูลเมื่อวานนี้ว่า จีนมีทองคำสำรองเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกันในเดือนมีนาคม 2567 สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี (CCTV) ของทางการจีนรายงานว่า ธนาคารประชาชนจีนซึ่งเป็นธนาคารกลางแจ้งว่า ได้ซื้อทองคำเพื่อสำรองอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกันในเดือนมีนาคม ส่งผลให้ปริมาณทองคำแท่งที่ธนาคารกลางสำรองอยู่มีทั้งหมด 72.74 ล้านออนซ์นับจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 160,000 ออนซ์จากสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ สถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังดำเนินอยู่ในหลายจุด และการที่ธนาคารกลางหลายประเทศเพิ่มการสำรองทองคำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำเดินหน้าปรับเพิ่มขึ้นไม่หยุด โดยทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เมื่อวันจันทร์ที่ออนซ์ละ 2,353 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 86,205 บาท) ขณะที่ราคาทองคำในจีนซื้อขายที่กรัมละเกือบ 700 หยวน (เกือบ 3,545 บาท) เพิ่มขึ้น 20 หยวน (ราว 101 บาท) จากราคาเมื่อวันที่ 3 เมษายน.-814.-สำนักข่าวไทย

ค่าเงินเยนอ่อนตัวต่ำที่สุดในรอบ 34 ปี

ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนตัวลงไปอยู่ที่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 34 ปีในวันพุธ ที่ 151.97 เยนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะดีดตัวขึ้นเล็กน้อยหลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการเงินประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับการที่ค่าเงินเยนอ่อนตัวอย่างรวดเร็วและระบุว่า พร้อมที่จะเข้าแทรกแซงเพื่อพยุงค่าเงินเอาไว้

ธนาคารกลางญี่ปุ่นยุติดอกเบี้ยติดลบ

โตเกียว 19 มี.ค.- ธนาคารกลางของญี่ปุ่นหรือบีโอเจ (BOJ) ประกาศยุติการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายติดลบที่ใช้มานาน 8 ปี และมาตรการอื่น ๆ ในวันนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนนโยบายครั้งประวัติศาสตร์ หลังจากมุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการทางการเงินขนานใหญ่มาหลายสิบปี บีโอเจประกาศในวันนี้โดยเป็นไปตามที่ตลาดคาดหมายว่า ได้ตัดสินใจยุตินโยบายที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2559 เรื่องเรียกเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.1 กับเงินสำรองส่วนเกินบางส่วนที่สถาบันการเงินฝากไว้กับบีโอเจ และได้กำหนดให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมข้ามคืนระหว่างธนาคารเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่ โดยให้เคลื่อนไหวในกรอบร้อยละ 0-0.1 เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ชี้ก่อนหน้านี้ว่า จะถือว่าเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 17 ปี ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างมากในเชิงสัญลักษณ์ แม้ว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจน้อยมากก็ตาม บีโอเจยังได้ตัดสินใจยุตินโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (yield curve control) ที่ใช้ควบคุมอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้อยู่ในกรอบร้อยละ 0 มาตั้งแต่ปี 2559 แต่จะเดินหน้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลในจำนวนเท่ากับที่ผ่านมา และซื้อเพิ่มในกรณีที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันได้ตัดสินใจยุติการซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น กองทุนเปิดที่ซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์หรืออีทีเอฟ (ETF) กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หรือกองรีท (REITs).-814.-สำนักข่าวไทย  

1 2 3 9
...