เนปิดอว์ 30 มิ.ย.- ธนาคารกลางแห่งเมียนมา ปฏิเสธรายงานของสหประชาชาติหรือยูเอ็น เรื่องรัฐบาลทหารเมียนมายังคงเข้าถึงเงินและอาวุธจากบางประเทศ สำหรับทำสงครามกับกลุ่มต่อต้านการรัฐประหาร
หนังสือพิมพ์ของรัฐบาลเมียนมา ฉบับวันเสาร์ เผยแพร่แถลงการณ์ของธนาคารกลางแห่งเมียนมาว่า ธนาคารกลางแห่งเมียนมาขอแสดงการคัดค้านอย่างยิ่งต่อรายงานของผู้รายงานพิเศษยูเอ็น ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่ผลประโยชน์ของพลเรือนเมียนมา และความสัมพันธ์ของเมียนมากับประเทศอื่น แถลงการณ์ระบุว่า ธนาคารเมียนมาและธนาคารต่างประเทศที่ทำธุรกรรมกับเมียนมา ล้วนแต่ผ่านมาตรการตรวจสอบอย่างครอบคลุมในเรื่องความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการทำธุรกรรมทั้งหมด ธุรกรรมทางการเงินในเมียนมาเป็นไปเพื่อการนำเข้าสินค้าจำเป็นและความจำเป็นพื้นฐานของพลเรือนเมียนมาเท่านั้น เช่น ยา เวชภัณฑ์ สินค้าเกษตร ปศุสัตว์ ปุ๋ย น้ำมันปรุงอาหาร น้ำมันเชื้อเพลิง
นายทอม แอนดรูวส์ ผู้รายงานพิเศษยูเอ็นด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของเมียนมา เผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนว่า การที่นานาชาติพยายามโดดเดี่ยวรัฐบาลเมียนมา ดูเหมือนจะสามารถลดทอนความสามารถในการจัดซื้ออาวุธใหม่จากต่างประเทศ แต่รัฐบาลทหารเมียนมายังคงนำเข้าอาวุธ เทคโนโลยีที่ใช้ได้ทั้งทางทหารและพลเรือน อุปกรณ์การผลิต และวัสดุอื่น ๆ โดยได้รับความช่วยเหลือในการจัดซื้อจากธนาคารต่างประเทศ รวมถึงไทย
รายงานระบุด้วยว่า หน่วยงานในความควบคุมของกระทรวงกลาโหมเมียนมาจัดซื้อจัดจ้างทางทหารจากสิงคโปร์ลดลง จากมากกว่า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 4,048 ล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2565 เหลือ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐเศษ (ราว 368 ล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2566 แต่จัดซื้อจัดจ้างจากบริษัทที่จดทะเบียนในไทยเพิ่มขึ้น 2 เท่า จาก 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,208 ล้านบาท) เป็น 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,416 ล้านบาท).-814.-สำนักข่าวไทย