Trump and Harris in first debate

โลกโซเชียลเดือดช่วง “ทรัมป์-แฮร์ริส” ดีเบต

นิวยอร์ก 11 ก.ย.- ในขณะที่ชาวอเมริกันหลายล้านคนชมการถ่ายทอดสดการโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบต ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปีนี้ คนในโลกโซเชียลก็นำสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการดีเบตมาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์เริ่มสงครามออนไลน์ทันทีที่การดีเบตเปิดฉากขึ้นในเวลา 21.00 น.วันที่ 10 กันยายนตามเขตเวลาตะวันออก (ET) ซึ่งช่วงเวลานี้ช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตจับภาพที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนปีนี้ เดินไปจับมือกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันพร้อมกับแนะนำตัว มาทำเป็นโพสต์ที่สร้างกระแสส่งต่ออย่างกว้างขวาง เช่น โพสต์ว่า “แฮร์ริสพูดว่า คุณควรจับมือฉันสิ บ้าจริง!” ผู้สนับสนุนบางคนโพสต์ภาพแฮร์ริสทำหน้าขำขัน หรือบางครั้งสงสัย ในขณะที่ทรัมป์กำลังพูดถึงเนื้อหาผิด ๆ ที่เคยอ้างมาแล้วเรื่องผู้อพยพชาวเฮติในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐโอไฮโอ รับประทานเนื้อสุนัขและแมว ด้านกลุ่มสนับสนุนทรัมป์โพสต์เรื่องที่ทรัมป์กล่าวว่า แผนเศรษฐกิจของแฮร์ริสเป็นเรื่องง่าย ๆ และลอกเลียนมาจากนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นนโยบายสั้น ๆ ที่คล้ายกับหนังสือชุดชื่อ Run, Spot, run ที่สหรัฐใช้สอนเด็กเล็กหัดอ่านหนังสือเมื่อหลายทศวรรษก่อน.-814.-สำนักข่าวไทย

Donald Trump and Kamala Harris shake hand

ดีเบตทรัมป์-แฮร์ริสเริ่มแล้ว จับมือกันครั้งแรก

ฟิลาเดลเฟีย 11 ก.ย.  – นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและผู้ชิงตำแหน่งจากพรรครีพับลิกันและรองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ขึ้นเวทีเพื่อประชันวิสัยทัศน์ หรือดีเบตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของสองคู่ในฐานะผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ การดีเบตที่สถานีโทรทัศน์เอบีซี นิวส์ เจ้าภาพที่รับหน้าที่ถ่ายทอดสดครั้งนี้ จัดขึ้นที่เมืองฟิลาเดลเฟีย โดยนายทรัมป์และนางแฮร์ริสก้าวขึ้นเวทีและได้จับมือกันเป็นครั้งแรก ซึ่งประเด็นแรกที่ดีเบตกันเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ นายทรัมป์เน้นในเรื่องของภาษีในขณะที่นางแฮร์ริสกล่าวถึงธุรกิจขนาดเล็ก ส่วนประเด็นที่สองเป็นเรื่องของกฎหมายทำแท้ง ในช่วงแรกของการดีเบต ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันว่า กล่าวเท็จ รายงานระบุว่า นายทรัมป์ต้องการใข้เวทีดีเบตในครั้งนี้ สร้างคะแนนนิยมให้ก้าวขึ้นนำนางแฮร์ริสและเรียกร้องความสนใจจากประชาชนและผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้.-813.-สำนักข่าวไทย

จับตาทรัมป์-แฮร์ริส เผชิญหน้าบนเวทีดีเบตเช้านี้

นายโดนัลด์ ทรัมป์และนางคอมมาลา แฮร์ริส สองผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมเผชิญหน้าเป็นครั้งแรกในการประชันวิสัยทัศน์ หรือดีเบต เช้าวันนี้

“ทรัมป์-แฮร์ริส” เตรียมดีเบตครั้งแรก

นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส ซึ่งเป็น 2 คู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เตรียมเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก ในการโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์ หรือดีเบต ค่ำวันที่ 10 กันยายนนี้ ตามเวลาสหรัฐ

“ทรัมป์” และ “แฮร์ริส” จะดีเบตกันทางโทรทัศน์เอบีซี

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐและรองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส ที่คาดว่าจะได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต

“ทรัมป์” ตกลงรับข้อเสนอฟอกซ์นิวส์ดีเบตกับ “แฮร์ริส”

ายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนของพรรครีพับลิกันในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่า เขาตกลงรับข้อเสนอจากฟอกซ์ นิวส์ ในการจัดการแสดงวิสัยทัศน์โต้วาที หรือ ดีเบต กับรองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริส

“เฉลิม” ขอเพื่อไทยขับพ้นพรรค ท้า “ทักษิณ” ดีเบต

“เฉลิม” ขอเพื่อไทยขับพ้นพรรค การเมืองจะได้สนุก ท้า “ทักษิณ” ดีเบต ลั่นไม่ได้แตกหัก แต่ต่างฝ่ายต่างไม่มีบุญคุณต่อกัน

เผยสาเหตุที่ทำให้ “ไบเดน” ตัดสินใจถอนตัวกะทันหัน

วอชิงตัน 22 ก.ค.- แหล่งข่าวเผยสาเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ตัดสินใจถอนตัวจากการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 อย่างกะทันหัน หลังจากถูกสมาชิกพรรคเดโมแครตกดดันมาหลายสัปดาห์ แหล่งข่าวเผยว่า หนึ่งวันก่อนหน้านั้นไบเดนยังบอกกับคนสนิทหลายคนว่า จะเดินหน้าหาเสียงเพื่อเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เป็นการส่งสัญญาณให้เดินหน้าทุกอย่างอย่างเต็มกำลัง แต่หลังจากที่ได้วิเคราะห์ข้อมูลการหยั่งเสียงเมื่อคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ไบเดนได้เปลี่ยนใจ และโทรศัพท์ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสในทำเนียบขาวและทีมหาเสียงเลือกตั้งก่อนเวลา 13:45 น.วันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนประกาศการตัดสินใจต่อสาธารณะเมื่อเวลา 13:46 น. ผ่านการเผยแพร่จดหมายถึงชาวอเมริกันทั้งประเทศ แหล่งข่าวเผยว่า คนสนิทระดับสูงได้นำผลการหยั่งเสียงภายในและข่าวที่น่าตกใจมาแจ้งให้ไบเดนทราบเมื่อคืนวันเสาร์ ระหว่างที่เขากักตัวที่บ้านพักในรัฐเดลาแวร์ ตั้งแต่ตรวจพบว่าติดโควิดเมื่อวันพุธว่า ไบเดนไม่เพียงมีคะแนนตามหลังทรัมป์ในรัฐสมรภูมิหรือสวิงสเตทสำคัญ 6 รัฐที่อาจจะชี้ชะตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ยังเสี่ยงพ่ายแพ้ในรัฐเวอร์จิเนียและรัฐมินนิโซตาที่พรรคเดโมแครตไม่คิดจะทุ่มทรัพยากรหาเสียงด้วย จากนั้นไบเดนเรียกประชุมทีมงานทางโทรศัพท์ และอ่านจดหมายแจ้งถอนตัวให้ฟัง โดยระบุว่า เขาได้ขบคิดเรื่องนี้อย่างหนักตลอด 48 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น แหล่งข่าวเผยด้วยว่า ไบเดนได้คุยกับรองประธานาธิบดีคอมมาลา แฮร์ริสหลายครั้งตลอดทั้งวันอาทิตย์ ก่อนประกาศตัดสินใจถอนตัวจากการเลือกตั้ง ไบเดนวัย 81 ปี เผชิญแรงกดดันมาตั้งแต่แสดงให้เห็นถึงความชราภาพในการโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบตกับทรัมป์ครั้งแรกเมื่อค่ำวันที่ 27 มิถุนายนตามเวลาสหรัฐ.-814.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” ต้อนรับผู้นำนาโต

วอชิงตัน 10 ก.ค.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐให้การต้อนรับผู้นำชาติสมาชิกนาโต ที่มาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่กรุงวอชิงตันในวันนี้ ท่ามกลางการจับตาอย่างใกล้ชิดของพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศว่า ไบเดนจะพิสูจน์ได้หรือไม่ว่ายังคงเป็นผู้นำสหรัฐอยู่ หัวข้อสำคัญของการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต คือ การให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครน ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวระหว่างต้อนรับผู้นำนาโตว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียไม่ได้ต้องการสิ่งใดมากไปกว่าการกดขี่ยูเครนแล้วลบยูเครนออกจากแผนที่ แต่ยูเครนจะสามารถหยุดยั้งปูตินได้ พร้อมกับประกาศว่า สหรัฐและพันธมิตรจะจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้ยูเครนอีก 5 ระบบ ไบเดนปิดท้ายการกล่าวต้อนรับผู้นำนาโต ด้วยการมอบเหรียญแห่งอิสรภาพของประธานาธิบดี ซึ่งเป็นเหรียญเกียรติยศสูงสุดของสหรัฐ เพื่อเป็นเกียรติแก่นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2557 และจะส่งมอบตำแหน่งให้แก่นายมาร์ค รุตเตอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์เป็นเลขาธิการนาโคนใหม่ในวันที่ 1  ตุลาคมนี้ ในการประชุมครั้งนี้ ไบเดนถูกจับตามองว่า เขาจะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เนื่องจากหลายฝ่ายกังวลเรื่องสุขภาพของเขาที่มีอายุถึง 81 ปีแล้ว หลังจากการโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบตรอบแรกกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ไบเดนเผยให้เห็นถึงจุดด้อยเรื่องสุขภาพและความสูงวัยออกมาอย่างชัดเจน จนทำให้หลายคนในพรรคเดโมแครตเรียกร้องให้ถอนตัวเพราะเกรงว่าจะพ่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปลายปีนี้.-816(814).-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบขาวยืนยัน “ไบเดน” ไม่ได้รักษาพาร์กินสัน

วอชิงตัน 9 ก.ค.- ทำเนียบขาวยืนยันว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ได้อยู่ระหว่างรับการรักษาโรคพาร์กินสัน ตามที่มีรายงานข่าวว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคนี้เข้าทำเนียบขาวหลายครั้ง แครีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า ประธานาธิบดีไบเดนไม่ได้รับการรักษาโรคพาร์กินสัน หรืออยู่ระหว่างรับการรักษา แต่ไม่ขอยืนยันหรือให้รายละเอียดต่อรายงานข่าวเรื่อง นพ. เควิน แคนนาร์ด นักประสาทวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการเคลื่อนไหวผิดปกติของศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอเตอร์รีดเข้าทำเนียบขาวอย่างน้อย 8 ครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ถึงมีนาคม 2567 โดยกล่าวว่า ต้องการเคารพความเป็นส่วนตัวของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่เมื่อถูกสื่อมวลชนซักถามซ้ำ ๆ เธอตอบว่า ไบเดนพบนักประสาทวิทยาคนหนึ่งทั้งหมด 3 ครั้ง โดยเกี่ยวข้องกับการตรวจสุขภาพประจำปี ส่วนเรื่องที่ นพ. แคนนาร์ดเข้าทำเนียบขาวอาจเข้ามารักษาบุคลากรทางทหารที่ทำงานในทำเนียบขาว ซึ่งมีอยู่หลายพันนาย กระแสข่าวเรื่องไบเดนอาจป่วยด้วยโรคที่ไม่เปิดเผยกลายเป็นประเด็นตั้งแต่เขาแสดงท่าทางตะกุกตะกัก ดูอ่อนแอ และพูดแล้วลืมเป็นครั้งคราวระหว่างการโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบตกับโดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน กระแสนี้ถูกตอกย้ำเมื่อหนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์รายงานเป็นแห่งแรกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ตามด้วยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม อ้างบันทึกการเข้าทำเนียบขาวว่า นพ. แคนนาร์ดเข้าทำเนียบขาวอย่างน้อย 8 ครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม 2566 […]

เผยครอบครัว “ไบเดน” ขอให้สู้ต่อ

แคมป์เดวิด 1 ก.ค.- โพลิติโก (Politico) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวการเมืองในสหรัฐเผยว่า ครอบครัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกล่าวโทษคณะที่ปรึกษาของเขา และขอให้ไบเดนยืนหยัดชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐต่อไป โพลิติโกรายงานอ้างแหล่งข่าว 3 คนว่า ในการประชุมเป็นการส่วนตัวที่แคมป์เดวิด ซึ่งเป็นที่พักส่วนตัวของประธานาธิบดีช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาชิกในครอบครัวของไบเดนได้วิพากษ์วิจารณ์คณะที่ปรึกษาหาเสียงของเขาว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไบเดนล้มเหลวในการโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบตเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน และขอให้ไบเดนไล่ออกหรือลดตำแหน่งคนกลุ่มนี้ เรื่องที่สมาชิกครอบครัวไบเดนวิจารณ์คือ ไบเดนไม่ได้รับการตระเตรียมให้เดินหน้าโจมตีคู่แข่งให้หนักกว่านี้ ไบเดนมัวแต่แก้ต่างการบริหารงานที่ผ่านมามากกว่าแสดงวิสัยทัศน์สำหรับการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 และไบเดนทำงานหนักเกินไป ไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ผู้ที่ถูกกล่าวโทษได้แก่ นางแอนิตา ดันน์ ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีด้านการสื่อสาร นายโรเบิร์ต เบาเออร์ สามีของเธอที่สวมบทโดนัลด์ ทรัมป์ให้ไบเดนซ้อมดีเบต และนายโรนัลด์ เคลน อดีตหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของไบเดนที่เตรียมประเด็นดีเบตให้ไบเดน แหล่งข่าวเผยด้วยว่า สมาชิกครอบครัวไบเดนต้องการให้เขาหาเสียงเลือกตั้งต่อไป มากกว่าถอนตัวเพราะดีเบตได้ไม่ดี ผู้ที่สนับสนุนเสียงดังที่สุดคือนางจิล ไบเดน ภริยาคนปัจจุบัน และนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายคนที่ 2 จากภรรยาคนแรก.-814.-สำนักข่าวไทย

CNN ถูกวิจารณ์เรื่องรูปแบบการจัดดีเบต

นิวยอร์ก 29 มิ.ย.- สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น (CNN) ถูกวิจารณ์เรื่องรูปแบบการจัดโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบตระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ยอดผู้ชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์น้อยกว่าเมื่อ 4 ปีก่อนอย่างมาก ซีเอ็นเอ็นกำหนดกติกาที่ทั้งไบเดนและทรัมป์ยอมรับ คือให้เวลา 2 นาทีในการตอบแต่ละคำถาม และให้เวลา 1 นาทีในการโต้แย้ง ปิดไมโครโฟนฝ่ายหนึ่งในระหว่างที่อีกฝ่ายพูด ปิดไมโครโฟนเมื่อพูดเกินเวลา และไม่มีผู้ชมในห้องส่ง ซีเอ็นเอ็นถูกนักวิจารณ์สื่อบางคนตำหนิเรื่องที่ผู้ดำเนินรายการ 2 คน คือเจค แท็ปเอร์ และดานา แบชไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของเนื้อหาที่ผู้ดีเบตพูดในเวลานั้น เปิดทางให้ผู้ดีเบตกล่าวอ้างอย่างผิด ๆ บนเวที โฆษกของซีเอ็นเอ็นออกถ้อยแถลงชี้แจงว่า ผู้ดำเนินรายการมีหน้าที่ถามคำถามที่สำคัญสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกัน และอำนวยความสะดวกในการดีเบตให้ผู้ดีเบตได้แสดงวิสัยทัศน์และโต้แย้ง อย่างไรก็ดี แฟรงค์ เซสโน อาจารย์มหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตันและอดีตผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็นมองว่า การที่ไม่มีผู้ชมในห้องส่ง ทำให้ผู้ชมได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของผู้ดีเบต และเห็นว่าซีเอ็นเอ็นทำถูกต้องแล้วที่นำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเนื้อหาของผู้ดีเบตมาเผยแพร่ในเว็บไซต์หลังจบการดีเบต เพราะเนื้อหามีมากมายเกินกว่าจะตรวจสอบได้ทันในระหว่างดีเบต ด้านนีลเส็นที่เป็นบริษัทวิจัยข้อมูลเผยว่า ดีเบตนัดแรกเมื่อค่ำวันที่ 27 พฤศจิกายนมีผู้ชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ราว 51 ล้านคนเศษ ลดลงถึงร้อยละ 30 จาก 73 ล้านคนในดีเบตนัดแรกเมื่อปี 2563 และเป็น […]

1 2 3 4 10
...