คุณภาพอากาศ

ฮานอย 3 ม.ค.- กรุงฮานอยของเวียดนามถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันพิษในวันนี้ คุณภาพอากาศแตะระดับอันตรายเพราะมลภาวะที่เพิ่มขึ้น ชาวเมืองที่เป็นผู้สูงวัยเผยว่า กลุ่มผู้สูงวัยจะมีความรู้สึกไวเป็นพิเศษต่อคุณภาพอากาศที่แย่ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เพราะจะหายใจได้ลำบากขึ้น ดัชนีคุณภาพอากาศหรือเอคิวไอ (AQI) ของไอคิวแอร์ (IQAir) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านคุณภาพอากาศของสวิตเซอร์แลนด์ที่ติดตามคุณภาพอากาศตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก จัดอันดับให้คุณภาพอากาศในกรุงฮานอยวันนี้อยู่ในระดับ “อันตราย” โดยบางช่วงมีค่าเอคิวไอสูงถึง 305 หมอกควันพิษที่หนาทึบเกิดจากการจราจรหนาแน่น การเผาขยะ และการปล่อยควันจากโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้กรุงฮานอยที่อยู่ทางตอนเหนือของเวียดนามมีทัศนวิสัยในช่วงเช้าแย่ลงอย่างมากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นเวียดนามรายงานว่า รองนายกรัฐมนตรีเจิ่น ฮองฮาเรียกร้องระหว่างการประชุมกับกระทรวงคมนาคมเมื่อวานนี้ ให้เร่งการเปลี่ยนไปใช้ยานยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี (EV) ให้เร็วขึ้นเพื่อลดมลภาวะ ปัจจุบันกรุงฮานอยตั้งเป้าจะให้รถโดยสารอย่างน้อยครึ่งหนึ่งและรถแท็กซี่ทั้งหมดเป็นอีวีภายในปี 2573.-814.-สำนักข่าวไทย

นิวเดลี 15 พ.ย.- สถานการณ์หมอกควันในอินเดียยังคงอยู่ในภาวะวิกฤติ ทำให้หลายเมืองรวมถึงกรุงนิวเดลี มีค่าดัชนีคุณภาพอากาศเลวร้ายถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หมอกควันหนาทำให้ทัศนวิสัยย่ำแย่ สถานที่สำคัญในเมืองหลวงถูกบดบังจนมองเห็นไม่ชัด และบรรยากาศขมุกขมัวแทบทั้งวัน โดยเกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติ คือ สภาพอากาศปิดในช่วงฤดูหนาว ผสมกับปัจจัยจากน้ำมือมนุษย์ที่ก่อมลพิษมากขึ้น ดัชนีคุณภาพอากาศไอคิวแอร์ (IQAir) ในกรุงนิวเดลีเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ตามเวลามาตรฐานสากลอยู่ที่ 749 จัดอยู่ในระดับ “อันตราย” (hazardous) สีน้ำตาลแดง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากทั้งหมด 6 ระดับ เมื่อวานนี้ทางการอินเดียได้สั่งห้ามการก่อสร้างที่ไม่จำเป็นในกรุงนิวเดลี และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเผาถ่านหินเพื่อให้ความร้อน นอกจากนี้ยังได้ฉีดพ่นน้ำเพื่อลดฝุ่นละอองบนท้องถนน และใช้เครื่องกวาดฝุ่นอัตโนมัติ มีผลตั้งแต่เช้าวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เกิดสภาวะอุณหภูมิผกผัน เมื่อชั้นอากาศร้อนที่ครอบอยู่เหนือชั้นอากาศเย็นจะปิดกั้น ไม่ให้อากาศเหนือผืนดินสามารถลอยตัวขึ้นสูงและกระจายออกไปในชั้นบรรยากาศ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงทั้งภูมิภาคเอเชียใต้ รวมถึงปากีสถานที่ประสบกับมลพิษทางอากาศรุนแรงต่อเนื่องมาหลายวันเช่นกัน.-812(814).-สำนักข่าวไทย  

เซาเปาลู 13 ก.ย.- สถานการณ์ไฟป่าในภูมิภาคอเมริกาใต้ปีนี้ถือว่าเป็นครั้งรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้คุณภาพอากาศในเมืองใหญ่ย่ำแย่ที่สุดในโลก ไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ป่าฝนแอมะซอนในบราซิลไปจนถึงพื้นที่ชุ่มน้ำใหญ่ที่สุดในโลกและพื้นที่ป่าแห้งแล้งในโบลิเวียได้ทำลายสถิติจำนวนไฟป่ามากที่สุดของภูมิภาคไปแล้ว  จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของสถาบันวิจัยด้านอวกาศแห่งชาติของบราซิลพบว่า นับจนถึงวันที่ 11 กันยายนที่ผ่ามา มีไฟป่าเกิดขึ้นในอเมริกาใต้แล้วมากถึง 346,112 จุด  ทำลายสถิติเดิมเมื่อปี 2550 ที่มีไฟป่าเกิดขึ้นทั้งหมด 345,322 จุด นับตั้งแต่เริ่มการบันทึกข้อมูลในปี 2531 นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ไฟป่าส่วนใหญ่มีต้นเพลิงมาจากการกระทำของคน ขณะที่สภาพอากาศร้อนและแห้งแล้งซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก มีส่วนเร่งให้ไฟป่าไหม้ลามรวดเร็วยิ่งขึ้น อเมริกาใต้เกิดคลื่นความร้อนหลายระลอกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และแม้ว่าขณะนี้ยังอยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่อุณหภูมิในนครเซาเปาลู ยังสูงกว่า 32 องศาเซลเซียสมาตั้งแต่วันเสาร์ ข้อมูลของสถาบันวิจัยด้านอวกาศแห่งชาติของบราซิลระบุว่า ประเทศที่เผชิญไฟป่ามากสุดในเดือนนี้ ได้แก่บราซิลและโบลิเวีย ตามด้วยเปรู อาร์เจนตินาและปารากวัย  ข้อมูลจากเว็บไซต์ IQAir.com ระบุว่า นครเซาเปาลูซึ่งมีประชากรมากที่สุดของซีกโลกตะวันตกและซีกโลกใต้ ต้องเผชิญกับคุณภาพย่ำแย่ที่สุดในโลกเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งแย่กว่าที่จีนและอินเดีย ขณะที่กรุงลาปาซของโบลิเวียก็ถูกปกคลุมไปด้วยควันไฟจากไฟป่าคุณภาพอากาศย่ำแย่แทบไม่ต่างกัน.-816(814).-สำนักข่าวไทย