ย้อนรอยเส้นทางความรุนแรงของฟุตบอลอินโดนีเซีย

จาการ์ตา 2 ต.ค.- ภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสนามฟุตบอลจังหวัดชวาตะวันออกของอินโดนีเซียเมื่อคืนวันเสาร์ที่มีผู้เสียชีวิตแล้ว 129 คน สะท้อนถึงความรุนแรงและความล้มเหลวที่ผ่านมาในการบริหารจัดการกีฬาฟุตบอลของอินโดนีเซีย รอยเตอร์ย้อนรอยเส้นทางกีฬาฟุตบอลของอินโดนีเซียว่า ฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมที่สุดของประเทศนี้ที่มีประชากรมากเกือบ 275 ล้านคน แต่ไม่สามารถนำศักยภาพมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และไม่เคยได้เข้ารอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ยกเว้นปี 2481 ที่เข้ารอบในฐานะที่เป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์ในชื่อ หมู่เกาะอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ กีฬาฟุตบอลของอินโดนีเซียมีปัญหารุมเร้าทั้งในสนามและนอกสนาม รัฐบาลเคยเข้าไปแทรกแซงจนถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า (FIFA) ลงโทษด้วยการสั่งห้ามทีมชาติอินโดนีเซียเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติทุกรายการในปี 2558 ก่อนที่ฟีฟ่าจะยกเลิกโทษแบนในอีกหนึ่งปีถัดมา หลังจากอินโดนีเซียดำเนินการปฏิรูปหลายอย่าง รอยเตอร์ระบุว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันฟุตบอลในอินโดนีเซียยังคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เมื่อแฟนฟุตบอลของทีมที่เป็นคู่แข่งมาเจอกันและจบลงด้วยเหตุนองเลือด พร้อมกับอ้างรายงานของบรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงออสเตรเลียหรือเอบีซี (ABC) ว่า ช่วงปี 2537-2557 อินโดนีเซียมีแฟนฟุตบอลเสียชีวิตเพราะความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลทั้งหมด 74 คน อินโดนีเซียเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ในเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งถูกเลื่อนมา 2 ปีเพราะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 และได้สมัครขอเป็นเจ้าภาพฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 แข่งกับกาตาร์และเกาหลีใต้ เนื่องจากจีนขอถอนตัวจากการเป็นเจ้าภาพ คาดว่าคณะกรรมการบริหารของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชียหรือเอเอฟซี (AFC) จะประกาศชื่อประเทศที่จะได้เป็นเจ้าภาพในวันที่ 17 ตุลาคมนี้.-สำนักข่าวไทย

ทูตพิเศษยูเอ็นเยือนเมียนมาเป็นครั้งแรก

สหประชาชาติ 16 ส.ค.- นางโนลีน เฮย์เซอร์ ทูตพิเศษของสหประชาชาติหรือยูเอ็นเรื่องเมียนมาเดินทางเยือนเมียนมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน โฆษกยูเอ็นแถลงว่า นางเฮย์เซอร์จะมุ่งแก้ไขสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงและความกังวลเร่งด่วนในเมียนมา รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ที่อยู่ในอำนาจของเธอ หลังจากที่ได้หารืออย่างถี่ถ้วนกับแกนนำจากทุกพรรคการเมือง ภาคประชาสังคม และชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่า เธอจะเข้าพบผู้นำกองทัพเมียนมาหรือพบนางออง ซาน ซู จี ผู้นำรัฐบาลพลเรือนที่ถูกยึดอำนาจตามที่ยูเอ็นเรียกร้องมานานหรือไม่ ทูตพิเศษยูเอ็นเรื่องเมียนมาไปเยือนเมียนมาหลังจากคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นหรือยูเอ็นเอสซี (UNSC) เรียกร้องครั้งล่าสุดให้เมียนมายุติความรุนแรงในทุกรูปแบบและเปิดทางให้แก่การจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือน นายปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาในฐานะทูตพิเศษของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนเรื่องเมียนมาเตือนว่า การที่เมียนมาประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวทางการเมือง 4 คน เป็นอุปสรรคต่อความพยายามของประเทศเพื่อนบ้านเมียนมาที่จะช่วยฟื้นฟูสันติภาพและความเป็นปรกติในเมียนมา หากมีการประหารชีวิตเกิดขึ้นอีก อาเซียนจำเป็นต้องทบทวนว่าจะดำเนินการกับเมียนมาอย่างไรต่อไป.-สำนักข่าวไทย

จิตแพทย์ชี้ลูกฆ่าแม่มาจากพื้นฐานความรุนแรงในครอบครัว

จากเหตุสลด ลูกสาววัย 15 ปี วางแผนให้แฟนหนุ่มฆ่าแม่ตัวเอง เพราะถูกขัดขวางความรัก จิตแพทย์ชี้มูลเหตุเกิดจากพื้นฐานความรุนแรงในครอบครัวบ่มเพาะ จึงใช้ความรุนแรงตอบโต้

พม.จัดกิจกรรม “พลเมืองดี ไม่ bully ทุกรูปแบบ” รณรงค์ยุติความรุนแรง

พม. จับมือ ตร. และภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรม “พลเมืองดี ไม่ bully ทุกรูปแบบ” พร้อมเปิดตัวเพลง “ปล่อยผ่าน (Move on Bully)” รณรงค์ยุติความรุนแรง

เร่งสร้างความเชื่อมั่น หลังชุมชนไทยพุทธตกเป็นเป้าก่อเหตุไม่สงบ

เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีตัวเลขผู้เสียชีวิตและสถิติความรุนแรงลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในชุมชนชาวไทยพุทธ ยังคงตกเป็นเป้าหมายหวังสร้างสถานการณ์ ให้เกิดความหวาดระแวงอย่างต่อเนื่อง

ชาวโรฮิงญาฟ้องเฟซบุ๊กข้อหาสร้างความรุนแรงในเมียนมา

แคลิฟอร์เนีย 7 ธ.ค. – ชาวโรฮิงญาที่อพยพจากเมียนมายื่นฟ้องเมตา แพลตฟอร์ม อิงค์ บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก และเรียกค่าเสียหาย 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (5 ล้านล้านบาท) โดยกล่าวหาว่า เมตาไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อควบคุมการใช้ประทุษวาจาที่มุ่งโจมตีชาวโรฮิงญาและทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น อีเดลสัน พีซี และฟีลด์ส พีแอลแอลซี บริษัทกฎหมายของสหรัฐ ได้ยื่นฟ้องต่อรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ โดยอ้างว่า เมตาล้มเหลวในการควบคุมเนื้อหาและการออกแบบแพลตฟอร์มที่ทำให้เกิดความรุนแรงในโลกเสมือนจริงที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนชาวโรฮิงญา ขณะที่ทนายความชาวอังกฤษหลายรายก็ได้ส่งจดหมายแจ้งเตือนไปยังสำนักงานของเฟซบุ๊กในกรุงลอนดอนเช่นกัน ด้านเมตายังไม่ได้ตอบข้อถามของสำนักข่าวรอยเตอร์ในเรื่องนี้   อย่างไรก็ดี เมตาเคยระบุก่อนหน้านี้ว่า บริษัทได้ดำเนินการช้าเกินไปในการป้องกันการให้ข้อมูลเท็จและการสร้างความเกลียดชังในเมียนมา แต่หลังจากนั้นได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อควบคุมการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิดในภูมิภาคดังกล่าวแล้ว ซึ่งรวมถึงการสั่งปิดบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของรัฐบาลทหารเมียนมาหลังเกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์. -สำนักข่าวไทย

ผู้ต้องสงสัยขับรถชนขบวนพาเหรดเพิ่งประกันตัวจากคดีอื่น

เจ้าหน้าที่เมืองวอคิชา รัฐวิสคอนซินของสหรัฐเผยว่า ชายต้องสงสัยขับรถพุ่งชนขบวนพาเหรดคริสต์มาสเมื่อเย็นวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน เพิ่งได้รับการประกันตัวจากคดีก่อความรุนแรงภายในบ้าน และต้องสงสัยก่อเหตุวิวาทในวันเดียวกับที่ขับรถพุ่งชนประชาชน

อดีต ตร.ผิวดำชนะเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนิวยอร์ก

นิวยอร์ก 3 พ.ย.- อดีตตำรวจผิวดำชนะเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กของสหรัฐ ด้วยการชูนโยบายจะทำให้ประชาชนปลอดภัยและให้ชนชั้นแรงงานมีสิทธิมีเสียงมากขึ้น โดยใช้ประสบการณ์ในฐานะอดีตร้อยตำรวจเอกและคนผิวดำที่เคยถูกตำรวจใช้ความรุนแรงขณะเป็นวัยรุ่น นายเอริก อดัมส์ ชาวนครนิวยอร์กโดยกำเนิดจากพรรคเดโมแครต วัย 61 ปี ชนะนายเคอร์ทิส สลิวา จากพรรครีพับลิกัน วัย 67 ปี ในการเลือกตั้งเมื่อวันอังคารตามเวลาสหรัฐ และจะรับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ต่อจากนายบิล เดอ บลาซิโอ จากพรรคเดโมแครตที่จะครบวาระ 8 ปี และจะเป็นนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กผิวดำคนที่ 2 ต่อจากนายเดวิด ดินกินส์ที่เป็นคนแรกในปี 2533-2536 เป็นที่คาดการณ์อยู่แล้วว่า นายอดัมส์จะชนะเลือกตั้งเพราะนครนิวยอร์กเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต ภารกิจที่รอเขาอยู่คือ การฟื้นฟูเมืองใหญ่ที่สุดของสหรัฐจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมทางรายได้ ราคาที่อยู่อาศัยแพง และโรงเรียนของรัฐกำลังลำบาก นายอดัมส์ประกาศตัวว่า เป็นชาวนิวยอร์กชนชั้นแรงงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถูกฝ่ายเสรีนิยมในพรรคเดโมแครตละเลย เขาย้ำว่า เศรษฐกิจนครนิวยอร์กไม่มีทางฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ตราบใดที่ไม่มีการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม และไม่เห็นด้วยกับที่นักเคลื่อนไหวฝ่ายซัายเรียกร้องให้ยุบสำนักงานตำรวจ เขาเสนอให้รักษาสมดุลระหว่างนโยบายตรวจตราอย่างเข้มงวดกวดขันกับการปฏิรูประบบตำรวจ นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์การถูกตำรวจทุบตีขณะเป็นวัยรุ่น และร่วมก่อตั้งกลุ่มตำรวจผิวดำ 100 นายที่แสดงจุดยืนคัดค้านการใช้ความรุนแรงของตำรวจ.-สำนักข่าวไทย

จิตแพทย์ชี้ “โจ๊กเกอร์” ไล่แทงคนที่ญี่ปุ่น เป็นความรุนแรงบนท้องถนน

ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต ระบุ “โจ๊กเกอร์” ที่ออกมาไล่แทงคนและจุดไฟเผารถไฟใต้ดินที่ญี่ปุ่น ถือเป็นความรุนแรงบนท้องถนน ผู้ปกครองควรพูดคุยกับบุตรหลาน กรณีดูสื่อที่ใช้ความรุนแรง และควรตกลงเป็นกติกาว่าห่วงเรื่องความรุนแรง

ความรุนแรงต่อเด็กในการชุมนุม

หลังการเสียชีวิตของเยาวชนอายุ 15 ปี ที่เป็นเหยื่อกระสุนปืนปริศนาในการชุมนุมทางการเมือง ทำให้เกิดคำถามถึงมาตรการป้องกันเด็กและเยาวชนจากความรุนแรงมากขึ้น

1 2 3 4 5 9
...