กรุงเทพฯ 30 ส.ค. – อธิบดีกรมชลประทาน เผยจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา แต่จะหน่วงและชะลอการเพิ่มไว้จนกว่าข้าวนาปีของเกษตรกรทุ่งป่าโมกและผักไห่เก็บเกี่ยวหมดเพื่อลดผลกระทบ คาดแล้วเสร็จภายในอีก 1 สัปดาห์ ขณะที่ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เนื่องจากน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำลดลงแล้ว นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า มีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เนื่องจากน้ำเหลือไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น โดยเช้านี้ปริมาณน้ำไหลผ่าน จ.นครสวรรค์ 1,762 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ ซึ่งอยู่ที่ 1,678 ลบ.ม./วินาที อีกทั้งกองอำนวยการน้ำแห่งชาติคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ อาจมีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้ต้องเพิ่มการระบายน้ำ วันนี้กรมชลประทานระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 1700 ลบ.ม/วินาที โดยจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจนถึง 1,800 ลบ.ม/วินาที แต่การปรับเพิ่มจะทยอยปรับ โดยจะใช้เขื่อนเจ้าพระยาหน่วงน้ำไว้ให้ได้มากและนานที่สุด เพื่อให้พื้นที่ลุ่มต่ำทุ่งป่าโมก จ.อ่างทอง และทุ่งผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เก็บเกี่ยวข้าวให้หมดก่อน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในสัปดาห์แรกของเดือน ก.ย.นี้ ปัจจุบันกรมชลประทานเพิ่มการรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกเหนือเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อแบ่งการระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา แต่ต้องรับในเกณฑ์ที่ไม่กระทบต่อพื้นที่เกษตรในทุ่งทั้ง 2 ฝั่งด้วย ส่วนน้ำที่ระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยาสู่พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างได้กำชับให้บริหารจัดการตลอดเส้นทางน้ำแต่ละพื้นที่แบบเชื่อมโยงกัน จนกระทั่งออกไปสู่ทะเลเพื่อป้องกันไม่ให้กระทบต่อประชาชน ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี […]