กรมชลประทาน

กรมชลประทาน ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เนื่องจากมีน้ำไหลเข้าอ่างปริมาณมาก ด้วยอิทธิพลของพายุ “โนรู” คาด 7 ต.ค. อาจเกินความจุ จึงต้องปรับเพิ่มการระบาย อาจส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักบริเวณท้ายเขื่อนสูงขึ้น 1.20-1.50 เมตร แจ้งเตือน 6 จังหวัดเฝ้าระวัง

กรมชลประทานเผย ซ่อมแซมพนังกั้นน้ำลำเสียวใหญ่บริเวณจุดบรรจบลำน้ำมูล ในพื้นที่อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษเสร็จแล้ว หลังระดมใช้หินใหญ่บรรจุกล่องตาข่ายและถุงบรรจุทรายขนาดใหญ่ถมปิดช่องขาดที่กว้างถึง 40 เมตรและลึก 7-8 เมตร โดยระหว่างดำเนินการฝนตกหนักต่อเนื่อง เป็นอุปสรรค แต่ซ่อมแซมสำเร็จในคืนที่ผ่านมา

กรมชลประทานจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เนื่องจากฝนตกหนักเหนือเขื่อนด้วยอิทธิพลของพายุดีเปรสชัน “โนรู” จะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้น 1.50-1.80 เมตร แจ้งเตือน 3 จังหวัด ย้ำน้ำไม่ทำให้ล้นตลิ่งแม่น้ำป่าสัก ส่วนที่เขื่อนพระรามหกยังระบายในอัตราไม่เกินเกณฑ์ควบคุมการที่ 550 ลบ.ม./วินาทีจึงไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเช่นกัน

กรมชลประทานปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เร็วกว่ากำหนด เดิมจะเพิ่มการระบายจาก 2,300 ลบ.ม./วินาที ในวันพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากน้ำเหนือไหลลงมามากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงปรับเพิ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นมา

กรุงเทพฯ 29 ก.ย. – กรมชลประทานส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย แจ้งเตือน 6 อำเภอให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ เนื่องจากอ่างเก็บน้ำแม่มอก จ. ลำปางซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รวมถึงอ่างขนาดกลางและขนาดเล็กอีก 5 แห่งเต็มความจุ ทำให้น้ำไหลผ่านทางระบายน้ำล้น ย้ำพื้นที่เศรษฐกิจเขตเมืองสุโขทัยยังปกติ ส่วนอ่างเก็บน้ำกิ่วลมและกิ่วคอหมาได้ปรับเพิ่มการระบายมาก่อนหน้านี้ เพื่อพร่องน้ำสำหรับรองรับฝนที่อาจตกเพิ่มช่วงพายุดีเปรสชัน “โนรู” เคลื่อนเข้ามา ทำให้น้ำล้นตลิ่งบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำวังทั้ง 2 ฝั่ง 

กรุงเทพฯ 28 ก.ย.– อธิบดีกรมชลประทานเผย เตรียมระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่ม เนื่องจากคาดการณ์ว่า จะมีฝนตกหนักทั้งลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “โนรู” โดยจะเพิ่มเป็นอัตรา 2,300-2,500 ลบ.ม./วินาทีระหว่างวันที่ 1-7 ต.ค. ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ท้ายเขื่อนสูงขึ้นอีก 30-60 เซนติเมตร

กรมชลประทานปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอีกครั้งเนื่องจากน้ำเหนือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องเพิ่มพื้นที่หน้าเขื่อนรองรับน้ำจากฝนที่จะตกเพิ่มด้วยอิทธิพลของพายุโซนร้อน “โนรู” โดยให้คงการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพื่อบรรเทาผลกระทบพื้นที่ท้ายลุ่มน้ำเจ้าพระยา