ชัวร์ก่อนแชร์: Sanewashing เมื่อสื่อพยายามใช้เหตุผลกับ โดนัลด์ ทรัมป์

19 พฤศจิกายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ในระหว่างการหาเสียงเพื่อชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คำว่า Sanewashing ถูกกล่าวถึงอย่างแพร่หลายในแวดวงสื่อสารมวลชนของสหรัฐฯ เมื่อสื่อหลายสำนักถูกวิจารณ์เรื่องการพาดหัวข่าวการหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ โดยทำให้ดูเป็นเหมือนเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ทั่วไป ทั้ง ๆ ที่เนื้อหาในการหาเสียงของ โดนัลด์ ทรัมป์ เต็มไปด้วยการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นจริง หรือสื่อความหมายไม่ตรงกับหัวข้อที่นำเสนอเลยก็ตาม จนคำว่า Sanewashing ถูกกล่าวถึงอย่างมากตลอดช่วงหลังของปี 2024 เป็นต้นมา

Sanewashing คือการลดทอนแง่มุมสุดโต่งของบุคคลหรือแนวคิดใด ๆ เพื่อให้ดูเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น


Poynter Institute องค์กรด้านสื่อมวลชนและการตรวจสอบข้อเท็จจริง นิยามความหมายของ Sanewashing ว่า เป็นการกระทำเพื่อปรับเปลี่ยนความเห็นที่รุนแรงและอุกอาจ ให้ดูเหมือนเป็นสิ่งปกติที่สังคมยอมรับได้

สถิติการโกหกของ โดนัลด์ ทรัมป์

ฝ่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงของหนังสือพิมพ์ Washington Post พบว่า ในช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข้อมูลทำให้เข้าใจผิดรวมกันกว่า 30,573 ครั้ง หรือเฉลี่ย 21 ครั้งต่อวัน


หนังสือพิมพ์ Toronto Star ของประเทศแคนาดา พบว่าระหว่างปี 2017-2019 โดนัลด์ ทรัมป์ เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริง 5,276 ครั้ง หรือหรือเฉลี่ย 6 ครั้งต่อวัน

นักวิเคราะห์ทางการเมืองและหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ปริมาณข้อมูลเท็จที่เผยแพร่โดย โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ จนความต่อเนื่องในการพูดเรื่องไม่จริงของ โดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นจุดขายบนเส้นทางธุรกิจและการเมืองของเขาไปในที่สุด

ข้อกล่าวหาสื่ออเมริกันทำ Sanewashing ให้ โดนัลด์ ทรัมป์

เมื่อเดือนกันยายน 2024 โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางไปแสดงวิสัยทัศน์แก่องค์กร Economic Club of New York หน่วยงานที่มีเป้าหมายส่งเสริมการศึกษางานด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองในนิวยอร์ก

ในช่วงหนึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับคำถามถึงการใช้นโยบายทางกฎหมายเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการดูแลเด็กเล็ก

แต่กลายเป็นว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการชี้แจงไปกับการพูดถึง กำแพงภาษี การขาดดุลการค้า และการฉ้อโกง ซึ่งไม่ตรงกับประเด็นที่ถูกถาม

แต่รายงานข่าวถึงเหตุการณ์ในวันนั้น สื่อหลายสำนักกลับพาดหัวข่าวให้เหมือนไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เช่น หนังสือพิมพ์ New York Times พาดหัวข่าวว่า Trump Calls for an Efficiency Commission, an Idea Pushed by Elon Musk และ สำนักข่าว AP ก็พาดหัวข่าวว่า Trump Suggests Tariffs Can Help Solve Rising Child Care Costs in a Major Economic Speech

สำนักข่าวต่าง ๆ ทั้ง MSNBC และ The Week วิจารณ์การพาดหัวข่าวเช่นนี้ โดยบอกว่าเป็นการ Sanewashing ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ อย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นความพยายามหาเหตุผลให้กับคำกล่าวอ้างที่ไม่มีเหตุผลใด ๆ

ไม่ต่างจากการให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2024 ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกถามถึงปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมาย อดีตประธานาธิบดีได้ตอบว่า คนที่ก่อคดีอาชญากรรมเป็นเพราะมีพันธุกรรมที่ไม่ดี

ซึ่งหนังสือพิมพ์ New York Times พาดหัวข่าวประกอบรายงานดังกล่าวว่า In remarks about migrants, Donald Trump invoked his long-held fascination with genes and genetics ซึ่งเป็นการพาดหัวข่าวที่ถูกวิจารณ์เรื่อง Sanewashing อย่างแพร่หลาย

แอนดรูว์ เรฟกิน อดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ New York Times วิจารณ์ว่าเป็นการพาดหัวข่าวที่เสียสติ (Headline Lunacy) ส่วน มาร์ค เจคอป อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Chicago Tribune เหน็บแนมว่า New York Times ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนความเห็นที่แสดงถึงการเหยียดเชื้อชาติ ให้กลายเป็นหัวข้อเกี่ยวกับพันธุกรรมของมนุษย์

เช่นเดียวเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศว่า หากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะแต่งตั้งให้ โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนเดี จูเนียร์ มาทำหน้าที่สอบสวนที่มาของโรคเรื้อรังและโรคในเด็กที่พบมากขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทั้ง โรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง โรคอ้วน ภาวะมีบุตรยาก และ โรคออทิสติก

อย่างไรก็ดี ในรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ New York Times กลับเลือกที่จะไม่เอ่ยถึงโรคออทิสติก

พาร์คเกอร์ มอลลี นักเขียนจากนิตยสารการเมือง The New Republic โต้แย้งว่า การเชื่อมโยงโรคออทิสติกกับโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนเดี จูเนียร์ เป็นสิ่งที่ควรย้ำเตือนให้ผู้อ่านระมัดระวังในการรับสาร เนื่องจาก โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนเดี จูเนียร์ เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เผยแพร่ข่าวปลอมว่า โรคออทิสติกมีความสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน

พาร์คเกอร์ มอลลี มองว่า การตัดเนื้อหาเกี่ยวกับโรคออทิสติกออกไปจากรายงานข่าว เป็นเหมือนการทำให้นโยบายของผู้ที่สนับสนุนทฤษฎีสมคบคิด ฟังดูเหมือนนโยบายทางการเมืองทั่วไป

ปัจจัยที่ทำให้สื่อหันมา Sanewashing ให้ โดนัลด์ ทรัมป์

ไมเคิล โทมาสกี นักเขียนจากนิตยสารการเมือง The New Republic ให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุว่า การที่สื่อหันมารายงานข่าวในเชิง Sanewashing ให้กับ โดนัลด์ ทรัมป์ จำนวนมาก ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการร่วมมือระหว่างบริษัทผู้ผลิตสื่อและอดีตผู้นำสหรัฐฯ แต่ปัจจัยน่าจะมาจากผู้สื่อข่าวการเมืองทุกวันนี้ อาจไม่คุ้นเคยกับสไตล์การหาเสียงด้วยเนื้อหาที่เต็มไปด้วยข้อโต้แย้งแบบ โดนัลด์ ทรัมป์ มาก่อน และเป็นความท้าทายของสื่อที่จะนำเสนอเนื้อหาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้อย่างครบถ้วน ภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลาของการออกอากาศ และข้อจำกัดด้านพื้นที่ในการพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์

หนังสือพิมพ์ New York Times วิเคราะห์ว่า ความไม่สอดคล้องในคำพูดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ค่อยถูกหยิบมาเป็นประเด็น เพราะผู้คนเริ่มเคยชินกับสไตล์การหาเสียงดังกล่าวไปแล้ว

ไบรอัน คลาส์ นักรัฐศาสตร์ ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าว AP ว่า การที่สื่อมวลชนเริ่มคุ้นชินในคำพูดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับนักการเมืองทั่วไป คือสิ่งที่เรียกว่า ความธรรมดาของความบ้า (Banality of Crazy)

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2024 หนังสือพิมพ์ New York Times เผยแพร่ผลสำรวจการแสดงความเห็นในที่สาธารณะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่ปี 2015 ถึงปัจจุบัน

การวิเคราะห์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์พบว่า เมื่อเทียบกับ 9 ปีที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ ในปัจจุบันใช้เวลาในการพูดสุนทรพจน์นานขึ้น นำเสนอเนื้อหาสุดขั้วมากขึ้น มีเนื้อหาในแง่ลบถี่ขึ้น และใช้คำสบถบ่อยขึ้น และมีทักษะด้านการอธิบายเนื้อหาที่ซับซ้อนในระดับเด็กนักเรียนชั้นเกรด 4 ต่างจากสุนทรพจน์ในยุคแรกที่มีความชัดเจน เข้าใจง่าย และมีอารมณ์ขันกว่านี้

วิธีป้องกันการ Sanewashing ให้กับนักการเมือง

นิตยสาร Editor & Publisher แนะนำวิธีป้องกันการ Sanewashing ให้กับนักการเมือง ด้วยวิธีที่เรียกว่า Truth Sandwich Technique ซึ่งเป็นการนำคำอธิบายที่ถูกต้อง มานำเสนอพร้อมกับความเห็นของนักการเมืองที่น่าสงสัย

หนึ่งในวิธีป้องกันการ Sanewashing ให้กับนักการเมืองของ Poynter Institute องค์กรด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริง คือการนำสุนทรพจน์ของนักการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายมาเปรียบเทียบให้ผู้อ่านได้เห็นไปพร้อม ๆ กัน

นิตยสารการเมือง The New Republic ย้ำว่า หน้าที่ของการป้องกันการ Sanewashing ให้กับนักการเมือง ไม่มีตกอยู่กับสื่อมวลชนเท่านั้น ผู้อ่านก็สามารถป้องกันการ Sanewashing นักการเมืองในสื่อต่าง ๆ ได้ ด้วยการค้นหาแหล่งที่มาของข้อมูลที่ถูกต้อง และสนับสนุนสำนักข่าวที่ให้ความสำคัญต่อความถูกต้องของรายงานข่าวมากกว่ายอดการรับชม หรือสื่อที่เน้นให้เกิดความสมดุลของรายงานข่าวมากกว่านำเสนอข้อเท็จจริง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://en.wikipedia.org/wiki/False_or_misleading_statements_by_Donald_Trump
https://en.wikipedia.org/wiki/Sanewashing

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย