ชัวร์ก่อนแชร์: “บอสอเดล” จากอดีตดารา-สู่มารดาแชร์ลูกโซ่

03 พฤศจิกายน 2567
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


คดีแชร์ลูกโซ่ที่ดำเนินการโดย อเดล สปิตเซเดอร์ อดีตนักแสดงละครเวทีชาวเยอรมัน ผู้สร้างฐานะจากการหลอกลวงการลงทุน ได้รับการจารึกให้เป็นการก่อคดีแชร์ลูกโซ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน เหตุหลอกลวงด้านการลงทุนที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 4 ปีในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ส่งผลให้มีเหยื่อหลงเชื่อกว่า 32,000 ราย รวมค่าเสียหายในอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินปัจจุบันประมาณ 18,000 ล้านบาท

อเดล สปิตเซเดอร์ เป็นที่รู้จักในประเทศเยอรมนีในฐานะนักแสดงละครเวที เมื่อความนิยมเสื่อมลงแต่ยังคงใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ทำให้เธอมีปัญหาหนี้สิน และใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยเงินช่วยเหลือจากมารดาที่ 50 กูลเดนต่อเดือน


จุดกำเนิดแชร์ลูกโซ่ในแคว้นบาวาเรีย

กระทั่งในช่วงปี 1869 ณ เมืองมิวนิก แคว้นบาวาเรีย เมืองทางตอนใต้ของเยอรมนีในปัจจุบัน อเดล สปิตเซเดอร์ได้พบกับภรรยาของช่างทาสีบ้านผู้ยากไร้ อเดลเล่าว่าเธอรู้จักกับคนที่สามารถให้ผลตอบแทน 10% ต่อเดือนจากเงินลงทุน ภรรยาช่างทาสีจึงมอบเงินแก่อเดลจำนวน 100 กูลเดน ซึ่งอเดลก็คืนเงินให้เธอจำนวน 20 กูลเดนในฐานะดอกเบี้ยจากการลงทุน 2 เดือน และสัญญาว่าในเดือนที่ 3 ภรรยาช่างทาสีจะได้เงินคืนอีก 110 กูลเดน

เมื่อเห็นว่าแผนการดังกล่าวได้ผล อเดล สปิตเซเดอร์ จึงนำข้อความไปโฆษณายัง Münchner Neueste Nachrichten หนังสือพิมพ์แถวหน้าของเมืองมิวนิก เพื่อยืมเงินจากผู้ลงทุนรายละ 150 กูลเดน และสัญญาจะให้ผลตอบแทน 10% ภายในเวลา 2 เดือน


ข้อเสนอของ อเดล สปิตเซเดอร์ เป็นที่โจษจันในกลุ่มคนชนชั้นกรรมาชีพในนครมิวนิก ซึ่งกำลังมองหาแหล่งลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมโดยชาวยิว จนมีคนแห่กันนำเงินเก็บมาร่วมลงทุนกับเธอ บางรายยอมขายฟาร์มของตนเองเพื่อหวังฝากอนาคตไว้กับเงินปันผลที่จะได้จากการลงทุนครั้งนี้

ก่อตั้งธนาคารจอมปลอม

ในปีเดียวกันนั้น อเดล สปิตเซเดอร์ ได้ก่อตั้งธนาคารที่มีชื่อว่า Spitzedersche Privatbank โดยใช้ห้องในโรงแรมที่เธออาศัยเป็นสำนักงาน ภายหลังเธอต้องเช่าห้องเพิ่มเมื่อจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 40 คนอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ดี ทีมงานของ อเดล สปิตเซเดอร์ เต็มไปด้วยบุคคลที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการทำบัญชี เงินที่ได้จากนักลงทุนถูกเก็บอย่างลวก ๆ ในกระสอบหรือตู้เก็บของ รายชื่อผู้ลงทุนมีการบันทึกเพียงชื่อและจำนวนเงินลงทุนเท่านั้น และเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นแรงงานที่ไม่รู้หนังสือ จึงลงชื่อด้วยการทำเครื่องหมายกากบาทแทนลายเซ็น

ข้อเสนอของ อเดล สปิตเซเดอร์ ส่งผลต่อธุรกิจธนาคารรายอื่น ๆ ในเมืองมิวนิก เมื่อผู้คนแห่กันถอนเงินจากธนาคารอื่น ๆ เพื่อนำเงินมาลงทุนกับธนาคารของเธอจำนวนมาก

ไม่รู้แหล่งรายได้-ไม่ประกันเงินต้น

จุดสังเกตในข้อเสนอของ อเดล สปิตเซเดอร์ คือเธอไม่เคยบอกว่าจะนำเงินไปลงทุนอย่างไร และไม่เคยสัญญาเรื่องการรับประกันเงินต้นอีกด้วย แต่ลูกค้าที่นำเงินมาลงทุนต่างยินดีกับผลตอบแทนที่เธอสัญญาจะมอบให้โดยไม่ตั้งคำถามใด ๆ

ซึ่งวิธีการจ่ายผลตอบแทนของ อเดล สปิตเซเดอร์ คือการนำเงินลงทุนจากลูกค้ารายใหม่ ไปจ่ายเป็นผลตอบแทนที่สัญญาไว้กับลูกรายเก่า ซึ่งเข้าข่ายการทำธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่อย่างชัดเจน

เหตุผลที่ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ไม่ถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ เนื่องจากในยุคนั้นยังไม่มีกฎหมายด้านการธนาคารและกฎระเบียบด้านการเงินออกมาบังคับใช้ และเธอยังคงให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนตามที่สัญญาไว้เสมอ นอกจากนี้ แคว้นบาวาเรียในยุคนั้นยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจหลายชนิดสามารถดำเนินการโดยปราศจากการตรวจสอบด้านความโปร่งใสอีกด้วย

ขยายกิจการธุรกิจแชร์ลูกโซ่

จนกระทั่งในปี 1871 ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของ อเดล สปิตเซเดอร์ เติบโตอย่างต่อเนื่อง เธอจึงนำเงินลงทุนของลูกค้าจำนวน 54,000 กูลเดน ไปซื้อบ้านใหม่เพื่อจะใช้เป็นสำนักงานของเธอ โดยขณะนั้นมีพนักงานเพิ่มขึ้นกว่า 80 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนายหน้าที่ได้ส่วนแบ่งจากการหาลูกค้าใหม่รายละ 5-7 %

อเดล สปิตเซเดอร์ ต่อยอดธุรกิจด้วยการปล่อยเงินกู้และลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ จนมีรายได้ถึง 50,000 ถึง 60,000 กูลเดนต่อวัน ความมั่งคั่งทำให้เธอครอบครองทรัพย์สินมูลค่านับล้านกูลเดนและเป็นเจ้าของงานศิลปะราคาหลายล้านกูลเดน รวมถึงเป็นเจ้าของบ้านในมิวนิกถึง 17 หลัง จนสื่อในยุคนั้นยกให้เธอเป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นบาวาเรีย

สร้างภาพให้คนหลงศรัทธา

อเดล สปิตเซเดอร์ ใช้กลยุทธ์ซื้อใจเหยื่อแชร์ลูกโซ่ด้วยการเปิดให้มีการฝากเงินต่อเมื่อธุรกรรมการถอนเงินสิ้นสุดลง ซึ่งส่วนใหญ่จะเลยช่วงเที่ยงวันไปแล้ว ส่งผลให้แถวของผู้คนที่นำเงินมาฝากกับเธอยาวเหยียดไปนอกสำนักงาน สร้างความรู้สึกแก่ผู้พบเห็นว่าการร่วมลงทุนกับเธอเป็นโอกาสที่พิเศษแค่ไหน

อเดล สปิตเซเดอร์ ยังสร้างภาพให้ตนเองเป็นผู้เคร่งศาสนา ด้วยการคล้องไม้กางเขนให้เห็นอย่างเด่นชัด และร่วมกิจกรรมทางศาสนากับชุมชนอย่างต่อเนื่อง

เธอนำเงินที่ได้จากนักลงทุนไปเปิดโรงทานถึง 12 แห่งในเมืองมิวนิก พร้อมจำหน่ายอาหารและเบียร์ในราคาย่อมเยาว์ จนเธอได้รับการยกย่องจากชาวบ้านว่าเป็น “เทพธิดาแห่งผู้ยากไร้”

การสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา ทำให้เธอได้รับการหนุนหลังจากโบสถ์คาทอลิก ที่ช่วยดึงดูดนักลงทุนมากขึ้น และเป็นโล่ป้องกันเสียงวิจารณ์การดำเนินธุรกิจที่คลุมเครือของเธออีกทางหนึ่ง

การสอบสวนของสื่อมวลชน

Münchner Neueste Nachrichten หนังสือพิมพ์แนวคิดเสรีนิยมของเมืองมิวนิก เริ่มตีพิมพ์บทความตั้งคำถามความโปร่งใสในธุรกิจของ อเดล สปิตเซเดอร์ ตั้งแต่ปี 1870

อเดล สปิตเซเดอร์ ตอบโต้ด้วยการซื้อพื้นที่โฆษณาในหนังสือพิมพ์หัวหลัก ๆ ของเมืองเพื่อโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าว

ในขณะเดียวกัน นอกจาก Münchner Neueste Nachrichten จะปฏิเสธการให้พื้นที่โฆษณาแก่ อเดล สปิตเซเดอร์ แล้ว ยังบอกปัดการติดสินบนจากเธอเพื่อให้ยุติการวิพากษ์วิจารณ์อีกด้วย

อเดล สปิตเซเดอร์ จึงหันไปขอความร่วมมือจาก Volksbote หนังสือพิมพ์แนวคิดอนุรักษ์นิยมซึ่งมีชื่อเสียงพอ ๆ กับ Münchner Neueste Nachrichten แต่กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน และเป็นลูกหนี้ของ อเดล สปิตเซเดอร์ ในขณะนั้น

นับแต่นั้น Volksbote จึงถูกใช้เป็นช่องทางโต้แย้งคำกล่าวอ้างที่มาจาก Münchner Neueste Nachrichten ไปโดยปริยาย

รวมถึงแรงสนับสนุนจากสื่อในแวดวงศาสนา ที่ออกมาโต้แย้งคำวิจารณ์ต่อ อเดล สปิตเซเดอร์ ว่าเป็นเพียงแผนการของกลุ่มทุนชาวยิว ที่พยายามด้อยค่าความสำเร็จของผู้หญิงทำมาหากินและเป็นผู้เคร่งครัดในศาสนา

ในปี 1871 อเดล สปิตเซเดอร์ ได้ควบกิจการหนังสือพิมพ์หลายเจ้าที่ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตรงเวลา และยังเปิดหนังสือพิมพ์ของเธอเองในชื่อ Münchener Tageblatt

การมีสื่อในมือทำให้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังไปถึงนอกเมืองมิวนิก และเริ่มมีลูกค้าจากต่างเมืองนำเงินมาลงทุนกับเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ

การล่มสลายของอาณาจักรแชร์ลูกโซ่

Münchner Neueste Nachrichten ซึ่งรายงานความผิดปกติของธุรกิจแชร์ลูกโซ่อย่างต่อเนื่อง ได้ตีพิมพ์บทความในช่วงปลายปี 1872 ซึ่งเนื้อหาเป็นการแนะนำเจ้าหน้าที่ให้เห็นช่องทางการตรวจสอบและเอาผิดธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของ อเดล สปิตเซเดอร์

การตีพิมพ์ครั้งนั้น ส่งผลให้ผู้คนเริ่มถอนเงินจากธนาคารในสัดส่วนที่มากกว่าการลงทุน ด้าน อเดล สปิตเซเดอร์ จึงรับมือด้วยการอนุญาตให้ถอนเงินแค่ช่วง 6-7 โมงเช้า และห้ามถอนเงินทุกวันพุธและวันเสาร์

ทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ลูกค้าจำนวน 40 รายไปขอคำร้องต่อศาลแขวงให้ทำการตรวจสอบการทำบัญชีของธนาคารของอเดล นอกจากนี้ ธนาคารคู่แข่งได้นำลูกค้าจำนวน 60 ราย รวมตัวไปถอนเงินที่ Spitzedersche Privatbank ในวันเดียวกัน ก่อนจะพบว่าธนาคารของ อเดล สปิตเซเดอร์ ไม่มีเงินเหลือเพียงพอให้ลูกค้าถอน นำไปสู่คำสั่งปิดธนาคารในเวลาต่อมา

อายัดทรัพย์และจำคุก

มีการประเมินว่า ในช่วงที่ธนาคาร Spitzedersche Privatbank ดำเนินการ มีลูกค้ากว่า 32,000 รายถูกหลอกให้ลงทุน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 38 ล้านกูลเดน หรือคิดเป็นเงิน 500 ล้านยูโร หรือ 18,000 ล้านบาทในค่าเงินปัจจุบัน

เมื่อนำทรัพย์สินที่อายัดจาก อเดล สปิตเซเดอร์ มาคำนวณ พบว่ามีมูลค่าเพียง 15% ของเงินที่เสียหายจากการลงทุน ส่งผลให้มีผู้ถูกหลอกนำเงินไปลงทุนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้น

อเดล สปิตเซเดอร์ ถูกตั้งข้อหาล้มเหลวในการดูแลบัญชีลูกค้าธนาคาร ยักยอกเงินลูกค้า และใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินควร และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 10 เดือนในข้อหาล้มละลายจากการทุจริต เมื่อเดือนกรกฎาคม 1873

สาเหตุที่เธอไม่ถูกดำเนินคดีฐานฉ้อโกง เนื่องจากธุรกิจแชร์ลูกโซ่ของเธอไม่ตรงกับคำจำกัดความเรื่องการฉ้อโกงในขณะนั้น และการที่เธอไม่เคยรับประกันเงินต้นแก่ลูกค้า ยังถูกใช้เป็นเหตุบรรเทาโทษแก่เธออีกด้วย

ฉากสุดท้ายของเจ้าแม่แชร์ลูกโซ่

อเดล สปิตเซเดอร์ ได้รับอิสรภาพในเดือนกันยายน 1876 และกลายเป็นผู้ป่วยอัมพาตครึ่งซีก และไม่สามารถขึ้นลงบันไดด้วยตัวเองได้นับแต่นั้น

ผู้คนที่เคยได้รับผลประโยชน์จากเธอต่างพากันทอดทิ้งเธอ หนังสือพิมพ์ที่เคยปกป้องเธอ หันมาหากำไรจากการเผยแพร่รายงานเปิดโปงธุรกิจของเธอ

ความพยายามคืนวงการละครเวทีประสบความล้มเหลว ผู้คนในเมืองฮัมบูร์กไม่ต้อนรับเธอ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองเบอร์ลินก็ห้ามเธอขึ้นแสดงและขับเธอออกจากเมือง แม้แต่ความพยายามเดินทางไปออสเตรียก็ประสบความล้มเหลว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งห้ามไม่ให้เธอติดต่อกับผู้กำกับการแสดง

สุดท้าย เธอตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ แล้วกลับไปทำธุรกิจล่อลวงนักลงทุน นำไปสู่การถูกจับกุมอีกหลายครั้ง

ในช่วงท้าย เธอต้องใช้ชีวิตจากเงินที่หยิบยืมจากเพื่อนที่หลงเหลือ และเงิน 50 กูลเดนที่มารดาของเธอยังส่งมาให้ใช้ทุกเดือน ก่อนที่เจ้าแม่แชร์ลูกโซ่แห่งเมืองมิวนิก จะจบชีวิตด้วยโรคหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันในวัย 63 ปี ในปี 1895 ร่างของเธอถูกฝังในสุสานของครอบครัวที่เมืองมิวนิก โดยภายหลังสมาชิกในครอบครัวได้ทำการเปลี่ยนชื่อบนป้ายจารึกหลุมฝังศพของเธอเป็น อเดล ชมิด ในเวลาต่อมา

มรดกแชร์ลูกโซ่ข้ามพรมแดน

ในวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของ แฮนนาห์ แคทเธอรีน เดวีย์ส ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ยุคใหม่ มหาวิทยาลัยซูริก สวิตเซอร์แลนด์ กล่าวถึงคดีแชร์ลูกโซ่ในปี 1874 ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งคาดว่าเป็นการเลียนแบบธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่ อเดล สปิตเซเดอร์ เคยทำไว้มาดัดแปลงนั่นเอง

รูปแบบการทำกำไรจากการนำเงินลงทุนของลูกค้ารายใหม่ ไปจ่ายเป็นผลตอบแทนที่สัญญาไว้กับลูกค้ารายเก่า ได้รับการเรียกขานจาก Harper’s Weekly นิตยสารรายสัปดาห์ในศตวรรษที่ 19 ว่าเป็นการฉ้อโกงที่รู้จักในชื่อ Spitzeder Swindle ซึ่งได้รับการยืนยันว่า เป็นการทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ครั้งแรกที่มีการจดบันทึกในประวัติศาสตร์นั่นเอง

ข้อมูลอ้างอิง :

https://en.wikipedia.org/wiki/Adele_Spitzeder
https://en.wikipedia.org/wiki/Ponzi_scheme

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยยังคงมีฝน ภาคใต้หนักสุด

กทม. 14 ก.ย.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง เตือนภาคใต้เตรียมรับมือฝนถล่ม ทะเลคลื่นสูง 1-2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยา เผยภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่เนื่องจากมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุม ส่วนประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง – สำนักข่าวไทย

วันเกิดอนุทิน

แกนนำรัฐบาลร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี “อนุทิน” ชื่นมื่น

พรรคภูมิใจไทย 13 ก.ย.- แกนนำรัฐบาล ร่วมเบิร์ธเดย์ 59 ปี “อนุทิน” ชื่นมื่น สส.อวยพร หลังเลือกตั้งขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีก 4 ปี พรรคภูมิใจไทยจัดงานวันเกิดครบรอบ 59 ปี ให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยมีพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม, นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ บุตรชายนายสันติ, พิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงบุคคลในครอบครัว เช่น ธนนนท์ นิรามิษ ภริยา, เศรณี และนัยน์ภัค ชาญวีรกูล บุตรชายและบุตรสาวของนายอนุทิน, ไตรศุลี ไตรสรณกุล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ร่วมร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์และเป่าเค้ก […]

Nepal President and Interim Prime Minister

เนปาลยุบสภา หลังได้นายกฯ เฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรก

กาฐมาณฑุ 13 ก.ย.- ทำเนียบประธานาธิบดีเนปาลออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันศุกร์ว่า ประธานาธิบดีได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎร และกำหนดให้จัดการเลือกตั้งในวันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม 2569 หลังจากที่ได้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศ ประธานาธิบดีรามจันทระ เปาเฑลของเนปาลสั่งยุบสภาและให้จัดการเลือกตั้งใหม่ดังกล่าว โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงเพิ่งแต่งตั้งนางสุชีลา การ์กี วัย 73 ปี อดีตประธานศาลฎีกา เป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลที่เป็นผู้หญิงคนแรกของประเทศ หลังจากที่ได้เจรจาหารือกันอย่างเข้มข้นเป็นเวลา 2 วัน กับผู้บัญชาการทหารบกและแกนนำผู้ประท้วงกลุ่มเจเนอเรชันซีหรือเจนซี (Gen Z) เพื่อเดินหน้าประเทศที่เกิดการลุกฮือครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายปี มีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 51 คน ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,300 คน มีการเผาอาคารรัฐสภา ที่ทำการรัฐบาล และบ้านพักนักการเมือง ทำให้นายกรัฐมนตรีเค.พี. ชาร์มา โอลี ต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน ด้านนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียที่มีพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับเนปาล โพสต์เอ็กซ์ (X) แสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อนางการ์กีที่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลเฉพาะกาลเนปาล และว่าอินเดียมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมต่อสันติภาพ ความก้าวหน้า และความรุ่งเรืองของพี่น้องชาวเนปาล การประท้วงในเนปาลปะทุขึ้นในกรุงกาฐมาณฑุแล้วลุกลามไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็วเมื่อวันที่ 8 กันยายน ชนวนเหตุเกิดจากการที่รัฐบาลสั่งห้ามการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งไปโหมกระพือกระแสความไม่พอใจเรื่องความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมในประเทศที่ตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยในปี 2551 […]

“อนุทิน” เข้าพรรคฯ นำคุย ว่าที่ รมต. หารือกรอบนโยบาย

พรรคภูมิใจไทย 13 ก.ย.-“อนุทิน” เข้าพรรคภูมิใจไทย วันเกิด นำคุย ว่าที่ รมต. หารือกรอบนโยบาย ก่อนแถลงต่อสภาฯ ขณะที่ภาคเอกชน-นักการเมือง-ข้าราชการ ส่งดอกไม้อวยพรวันเกิด ครบ 59 ปี บรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทย เวลา 14.15 น. นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ส่งแจกันดอกไม้สีฟ้า-ขาว มาร่วมอวยพรวันคล้ายวันเกิด ครบ 59 ปี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ขณะที่ตั้งแต่ช่วงบ่ายยังมีบรรดานักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน ส่งดอกไม้อวยพรวันเกิดและแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก อาทิ นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในสมัยรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พลเอกเทพพงษ์ ทิพยจันทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม นายกร ทัพพะรังสี อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย นอกจากนี้ยังมีแจกันดอกไม้ที่ส่งมาอวยพรนายอนุทิน ทั้งส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฯ […]