ชัวร์ก่อนแชร์: วัคซีน Sinovac มีประสิทธิผลแค่ 3% จริงหรือ?

20 กรกฎาคม 2564
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย: Estadão Verifica (บราซิล)
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: พีรพล อนุตรโสตถิ์, อดิศร สุขสมอรรถ


ประเภทข่าวปลอม: ทำให้เข้าใจผิด

บทสรุป:


ประสิทธิผล 3% วัดจากการฉีดวัคซีน Sinovac เข็มแรก เมื่อฉีดครบ 2 เข็มประสิทธิผลจะเพิ่มเป็น 56.6%

ข้อมูลที่ถูกแชร์:

มีข้อมูลบิดเบือนเผยแพร่ผ่านทาง WhatsApp ในประเทศบราซิล โดยผู้โพสต์อ้างผลวิจัยว่า วัคซีนโควิด 19 มีประสิทธิผลในการป้องกันโรคในผู้สูงอายุเพียงแค่ 3% และจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 โดสแล้ว ควรรับวัคซีนโดสที่ 3 เพิ่มเติ่ม โดยเฉพาะวัคซีนที่มาจากบริษัทอื่นๆ


FACT CHECK: ตรวจสอบข้อเท็จจริง:

ที่มาของข้ออ้างที่ระบุว่าวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท Sinovac มีประสิทธิผลเพียง 3% นำมาจากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย Universidad de Chile แต่ตัวเลขดังกล่าวเป็นการวัดประสิทธิผลจากการฉีดวัคซีนโดสแรกเท่านั้น ส่วนประสิทธิผลหลังจากฉีดวัคซีนครบ 2 โดสไปแล้ว 2 สัปดาห์อยู่ที่ 56.6%

นอกจากนี้ หากช่วงเวลาในการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 นานกว่า 21 วัน ประสิทธิผลจะเพิ่มขึ้นเป็น 62%

ความกังวลต่อประสิทธิผลของวัคซีน Sinovac มาจากการแพร่ระบาดในประเทศชิลี แม้ชิลีจะเป็นชาติที่ฉีดวัคซีน Sinovac ให้กับประชาชนอย่างแพร่หลาย แต่อัตราการติดเชื้อโควิด 19 ในประเทศก็ไม่มีทีท่าจะลดลง

เฟอร์นานโด ไรนาช นักชีววิทยาและคอลัมนิสต์ประจำเว็บไซต์ Estadão Verifica กล่าวว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ชิลีมีผู้ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนจำนวนมาก มาจากความมั่นใจเกินไปของประชาชนที่คิดว่าการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสไม่ทำให้ติดเชื้อโควิด 19 แน่นอน จนละเลยมาตรการป้องกันทางสาธารณสุขที่เคยทำมา อีกปัจจัยคือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิผลของวัคซีนลดลง

เอ็ดมิลสัน มิกาวสกี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อ มหาวิทยาลัย Federal University of Rio de Janeiro ยอมรับว่ามีชาวชิลีที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วหลายคนเลือกออกจากบ้านบ่อยขึ้น และป้องกันตัวลดลง แม้แต่คนที่มีอาการป่วยก็ยังไม่เชื่อว่าตัวเองติดเชื้อโควิด 19 เนื่องจากคิดว่าตัวเองมีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนเพียงพอแล้ว

มิเกล โอ’ไรอัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อ มหาวิทยาลัย Universidad de Chile และสมาชิกสภาวัคซีนของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประเทศชิลี ยืนยันถึงความสำเร็จของการฉีดวัคซีนในประเทศชิลี โดยยกตัวอย่างการลดลงของจำนวนผู้ป่วยโควิด 19 อายุ 70 ปีหรือมากกว่า ที่ต้องรักษาตัวในห้อง ICU ปัจจุบันยังพบว่าผู้ป่วยอายุระหว่าง 50 ถึง 60 ปี ก็เข้ารักษาตัวจากโควิด 19 ในโรงพยาบาลลดลงด้วยเช่นกัน

ส่วนข้ออ้างที่ว่า ผู้สูงอายุที่ได้รับวัคซีน Sinovac จำเป็นต้องได้รับวัคซีนโดสที่ 3 เนื่องจากประสิทธิผลไม่เพียงพอ เป็นการอ้างอิงผลวิจัยของ Vebra Covid-19 กลุ่มของนักวิจัยบราซิลและนักวิจัยต่างประเทศ ซึ่งผลสรุปเบื้องต้นพบว่าวัคซีน Sinovac มีประสิทธิผลลดลงตามอายุที่มากขึ้น โดยผู้ที่มีอายุระหว่าง 70 ถึง 74 ปี ประสิทธิผลจะอยู่ที่ 61.8%, ผู้ที่มีอายุระหว่าง 75 ถึง 79 ปี ประสิทธิผลจะอยู่ที่ 48.9% และผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป ประสิทธิผลจะอยู่ที่ 28%

อย่างไรก็ดี ดิมาส โควาส ประธานสถาบัน Butantan Institute ผู้ผลิตวัคซีน Sinovac ในประเทศบราซิล ยืนยันว่าผู้รับวัคซีน Sinovac ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนโดสที่ 3 เพราะผลการศึกษาหลายชิ้นยืนยันว่า วัคซีน 2 โดสของ Sinovac ช่วยลดอาการป่วย, การรักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากโควิด 19 อย่างได้ผล

การทดสอบเบื้องต้นในเมืองแซร์ราน่า เมืองในรัฐเซา เปาโล ประเทศบราซิลพบว่า วัคซีน Sinovac ลดการป่วยจากโควิด 19 ได้ 80%, ลดการเข้าโรงพยาบาลได้ 86% และลดการเสียชีวิตได้ถึง 95% ขณะที่ 15 เมืองรอบๆ ที่ประชาชนยังไม่ได้ฉีดวัคซีนยังคงมีอัตราการติดเชื้อที่สูงเช่นเดิม

ส่วนการศึกษาเบื้องต้นโดยหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐเซียร่า พบว่าวัคซีนโควิด 19 ช่วยลดการเสียชีวิตและการเข้าโรงพยาบาลของผู้ที่มีอายุ 90 ปีขึ้นไปได้เกือบ 100% ผลสำรวจยังพบว่าวัคซีน Sinovac และ AstraZeneca มีระดับความปลอดภัยต่อผู้ที่มีอายุระหว่าง 75 ถึง 79 ปีเกือบ 90%, ผู้ที่มีอายุระหว่าง 80 ถึง 89 ปีมีความปลอดภัยถึง 95% และเกือบ 100% สำหรับผู้ที่มีอายุ 90 ปีขึ้นไป

ส่วนการเรียกร้องให้มีการนำวัคซีนชนิดอื่นมาฉีดเป็นวัคซีนโดสที่ 3 สำหรับผู้รับวัคซีน Sinovac ไปแล้ว ก็เป็นการเรียกร้องที่ไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ เพราะแม้จะมีการทดสอบความปลอดภัยและประสิทธิผลของการใช้วัคซีน Pfizer กับผู้รับวัคซีน AstraZeneca ในเข็มแรก แต่ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยและประสิทธิผลของการใช้วัคซีนยี่ห้ออื่นกับผู้รับวัคซีน Sinovac แต่อย่างใด

ข้อมูลอ้างอิง:

https://politica.estadao.com.br/blogs/estadao-verifica/texto-distorce-dados-de-pesquisas-para-questionar-eficacia-da-coronavac/

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: https://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น