ชัวร์ก่อนแชร์: สถานีชาร์จรถ EV ปั่นไฟด้วยน้ำมันดีเซล จริงหรือ?

05 เมษายน 2566
แปลและเรียบเรียงบทความ : อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีข้อมูลสร้างความเข้าใจผิดเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ โดยมีการแชร์ภาพสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ EV ที่ผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลทั้งในประเทศออสเตรเลียและเวลส์ จนถูกนำไปอ้างอย่างผิด ๆ ว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอาจไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือช่วยประหยัดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างที่เข้าใจ


บทสรุป :

  1. สถานีชาร์จรถไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลในออสเตรเลีย สร้างขึ้นในสถานที่ซึ่งระบบไฟฟ้าส่วนกลางเข้าไม่ถึง
  2. ปัจจุบันหันมาใช้น้ำมันไบโอดีเซลซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  3. สถานีชาร์จรถไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลในเวลส์ สร้างขึ้นจ่ายไฟสำหรับงานก่อสร้างสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเท่านั้น
  4. และยังใช้เชื้อเพลิงที่เรียกว่า HVO ซึ่งปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าน้ำมันดีเซลถึง 90%

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :

อย่างไรก็ดี เครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลที่พบในสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งนี้ เป็นเครื่องปั่นไฟสำหรับการใช้งานเฉพาะทาง ไม่ได้หมายความว่าสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปจะผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟจากน้ำมันอย่างที่ผู้โพสต์ต้องการทำให้เข้าใจผิด


สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ากลางชนบทในออสเตรเลีย

ภาพแรกที่ถูกแชร์คือ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลหรือที่เรียกว่า ChargePod ผลงานของ จอน เอ็ดเวิร์ดส์ อดีตวิศวกรที่ลงทุนสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟน้ำมันดีเซล

เหตุผลที่ จอน เอ็ดเวิร์ดส์ สร้าง ChargePod เนื่องจากภูมิภาคตะวันตกของออสเตรเลียที่เขาอาศัยอยู่ เป็นพื้นที่ทุรกันดารที่ล้อมรอบด้วยทะเลทราย จึงเป็นเรื่องยากที่ชาวเมืองจะหันมาใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่โครงการสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง เขาจึงนำเงินทุนส่วนตัวกว่า 4 แสนดอลลาร์ออสเตรเลีย (9.4 ล้านบาท) มาสร้าง ChargePod บนพื้นที่ส่วนตัวของเขาเมื่อปี 2018

จอน เอ็ดเวิร์ดส์ ได้ชักชวนให้สมาชิกชมรมเจ้าของรถยนต์ Tesla ของภูมิภาคตะวันตกของออสเตรเลีย (Tesla Owner’s Club of Western Australia : TOCWA) มาร่วมทดสอบการทำงานของ ChargePod ซึ่งได้ผลตอบรับที่น่าพอใจมาก โดยรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จไฟจาก ChargePod มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 17.8 กิโลเมตรต่อลิตร

แต่เมื่อข่าวสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลถูกนำไปเผยแพร่อย่างผิด ๆ ก็นำมาซึ่งกระแสโจมตีในแง่ลบ ที่มองว่าการใช้รถยนต์ EV ยังต้องพึ่งพาพลังงานที่้ใช้แล้วหมดไป อย่างเชื้อเพลิงฟอสซิล ส่งผลให้ จอน เอ็ดเวิร์ดส์ หันมาผลิต Biofil สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้าด้วยเครื่องปั่นไฟจากน้ำมันไบโอดีเซล ที่เชื้อเพลิงนำมาจากน้ำมันพืชที่เหลือใช้จากการทำอาหารโดยเฉพาะ ถือเป็นการได้มาซึ่งไฟฟ้าที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

เครื่องปั่นไฟในไซต์ก่อสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในเวลส์

ภาพที่สองที่ถูกแชร์ นำมาจากพื้นที่ก่อสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าบริเวณจุดพักรถบนทางด่วนในแถบตะวันตกของเมืองคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์

โฆษกของ Moto บริษัทผู้ให้บริการจุดพักรถบนทางด่วนในแถบตะวันตกของเมืองคาร์ดิฟฟ์ ชี้แจงว่าสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่ในภาพที่ถูกแชร์ยังไม่เปิดใช้งาน ส่วนเครื่องปั่นไฟที่เห็น ถูกใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับงานก่อสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยใช้เชื้อเพลิงที่เรียกว่า HVO หรือ Hydrotreated Vegetable Oil ซึ่งได้เชื้อเพลิงจากการนำน้ำมันพืชที่เหลือใช้มาผสมไฮโดรเจน ถือเป็นการผลิตไฟฟ้าจากทรัพยากรหมุนเวียนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมีการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลถึง 90%

โฆษกของ Moto ย้ำว่าสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแห่งนี้จะให้บริการหัวจ่ายไฟฟ้าแบบ Ultra Rapid chargers ที่ให้กระแสไฟฟ้าสูงมากกว่า 100 kwh ดำเนินการโดย GRIDSERVE บริษัทผู้นำด้านการก่อสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน 100%

ขยายระบบไฟฟ้า ลดการใช้งานสถานีชาร์จที่ปั่นไฟด้วยน้ำมัน

ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาลสหราชอาณาจักรพบว่า ในปี 2023 สหราชอาณาจักรมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 49,220 แห่ง โดยมีจุดฟาสต์ชาร์จจำนวน 8,908 แห่ง

แม้สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะเชื่อมต่อกับโครงข่ายไฟฟ้าส่วนกลาง แต่ข้อจำกัดในการส่งไฟฟ้าไปยังที่ห่างไกล จึงยังมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องปั่นไฟจากน้ำมันดีเซลในสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าบางแห่ง

โฆษกของกระทรวงคมนาคมสหราชอาณาจักรยืนยันว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นต่อแผนการขยายจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจากโครงข่ายไฟฟ้าส่วนกลางให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้นในอนาคต

ข้อมูลอ้างอิง :

https://www.snopes.com/fact-check/diesel-car-charging-station/
https://thedriven.io/2021/01/15/how-biodiesel-ev-chargers-could-connect-remote-locations/
https://fullfact.org/online/diesel-generators-electric-car-chargers/

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย