ชัวร์ก่อนแชร์: ยาต้านไวรัส AZT ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงตายมากกว่าเชื้อเอดส์ จริงหรือ?

08 ธันวาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีคลิปวิดีโอและข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดยคลิปวิดีโอตัวแรกอ้างว่า แอนโทนี เฟาชี อดีตผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIAID) เคยเป็นผู้ให้การรับรองยาซิโดวูดีน (Zidovudine หรือ AZT) เพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์จากการติดเชื้อไวรัส HIV เมื่อทศวรรษ 1980’s แต่กลับพบว่ายา AZT ทำให้ผู้ป่วยเอดส์เกิดอาการข้างเคียงจนเสียชีวิตมากกว่าผู้ป่วยเอดส์ที่ไม่ใช้ยา ไม่ต่างจากปัจจุบันที่ แอนโทนี เฟาชี แนะนำให้ประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่กลับมีผู้เสียชีวิตจากวัคซีนสูงกว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโควิด-19


รวมถึงข้อความที่อ้างบทสัมภาษณ์ของ ฮาวีย์ เบียลีย์ อดีตนักชีววิทยาระดับโมเลกุลชาวอเมริกันซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร Spin เมื่อปี 1989 ก็ยืนยันว่ายาซิโดวูดีนเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยเอดส์จริง

บทสรุป :

  1. ไม่มีหลักฐานว่า ยา AZT ทำให้ผู้รับยาเสียชีวิตมากกว่าผู้ป่วยเอดส์ที่ไม่ได้รับยา
  2. แม้ยา AZT จะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงได้มากและทำให้เกิดไวรัสดื้อยาได้ง่าย แต่ก็ช่วยให้วงการแพทย์พบว่าการรักษาผู้ป่วยเอดส์จำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสหลายสูตร
  3. แอนโทนี เฟาชี ไม่ใช่ผู้อนุมัติยาต้านไวรัสหรือวัคซีนโควิด-19 แต่เป็นหน้าที่ของ FDA

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :


จากการตรวจสอบโดย Fact Checker ในต่างประเทศ ไม่พบว่าข้ออ้างทั้งสองเป็นความจริงแต่อย่างใด

คลิปวิดีโอตัวแรกที่กล่าวโจมตี แอนโทนี เฟาชี นำมาจากสารคดีอื้อฉาวเรื่อง Plandemic 3: The Great Awakening ไตรภาคของสารคดีที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนและการแพร่ระบาดเชื้อของไวรัสโควิด-19

ส่วนข้อความที่ 2 ซึ่งอ้างความเห็นของ ฮาวีย์ เบียลีย์ นักชีววิทยาระดับโมเลกุลชาวอเมริกันผู้ล่วงลับก็ขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจาก ฮาวีย์ เบียลีย์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนแนวคิด AIDS Denialism ที่ไม่เชื่อว่าไวรัส HIV คือสาเหตุของการป่วยเป็นโรคเอดส์ ซึ่งปัจจุบันความเชื่อดังกล่าวจัดอยู่ในหมวดวิทยาศาสตร์ปลอมหรือ Pseudoscience นอกจากนี้คำกล่าวอ้างของ ฮาวีย์ เบียลีย์ ยังขาดหลักฐานและขัดแย้งกับข้อเท็จจริงทางการแพทย์เช่นเดียวกัน

ที่มาของยาต้านไวรัส AZT

ยาซิโดวูดีนหรือ AZT ถือเป็นยาต้านไวรัสชนิดแรกที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส HIV

แต่เดิมยา AZT ถูกพัฒนาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งในทศวรรษที่ 1960’s แต่การวิจัยต้องยุติลงหลังไม่พบประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง กระทั่งมีการนำยา AZT กลับมาวิจัยเพื่อใช้รักษาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV เป็นครั้งแรกในปี 1984

ในปี 1981 มีรายงานการพบผู้ป่วยเอดส์ครั้งแรกในลอส แอนเจลิสจำนวน 5 ราย

จนกระทั่งปี 1987 ในสหรัฐอเมริกามีจำนวนผู้ป่วยเอดส์เพิ่มเป็น 47,022 ราย และมีผู้ป่วยเอดส์เสียชีวิตจนถึงปี 1987 ถึง 40,849 ราย

แรงกดดันที่มีต่อรัฐบาลต่อความล้มเหลวในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ทำให้องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ตัดสินใจอนุมัติการใช้ยา AZT เพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์เป็นครั้งแรกในปี 1987

การอนุมัติของ FDA อ้างอิงจากการวิจัยทดลองยาปี 1986 ของ Burroughs Wellcome บริษัทผู้ผลิตยา AZT ซึ่งแบ่งกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ป่วยเอดส์จำนวน 300 ราย โดยครึ่งหนึ่งได้รับการรักษาด้วยยา AZT เป็นเวลา 6 เดือน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งได้รับยาหลอกเป็นน้ำตาลอัดเม็ด

แต่การทดลองยาต้องจบลงในเวลาเพียง 16 สัปดาห์ หลังพบว่ากลุ่มที่ได้รับยา AZT เสียชีวิตเพียงรายเดียว ส่วนกลุ่มที่รับยาหลอกเสียชีวิตไปถึง 19 ราย

Burroughs Wellcome จึงตัดสินใจยุติการทดลองยา เพราะเชื่อว่าประโยชน์ของยาเป็นที่ประจักษ์ และการทดลองยาต่อไปจะเป็นอันตรายต่อกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับยาหลอก เพราะพวกเขาควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

ปัญหาของยา AZT

อย่างไรก็ดี ระยะเวลาที่ใช้ไปเพียง 2 ปีกับ 1 เดือน นับตั้งแต่การเริ่มทดลองยาจนถึงการผ่านการรับรอง ส่งผลให้ FDA ถูกวิจารณ์เรื่องการอนุมัติยารวดเร็วเกินไป ต่างจากปกติที่ต้องใช้เวลาตรวจสอบประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาเป็นเวลา 8-10 ปี

หลังจากจำหน่ายไปแล้ว ยา AZT ยังถูกโจมตีในหลายประเด็น ทั้งกระบวนการทดลองของยาที่ขาดความรัดกุม เมื่อกลุ่มตัวอย่างบางรายยอมรับว่าสามารถแยกรสชาติได้อย่างชัดเจนว่าได้รับยา AZT หรือน้ำตาลอัดเม็ดที่ใช้เป็นยาหลอก

รวมถึงกระแสวิจารณ์เรื่องราคายา AZT ที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินในการรักษาถึงปีละ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการตัดโอกาสการเข้าถึงยาของผู้ป่วยทั่วไป

นอกจากนี้ ผู้ป่วยเอดส์ที่ใช้ยา AZT จำนวนไม่น้อยยังพบปัญหาจากอาการข้างเคียงหลายชนิด ทั้งอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ไม่อยากอาหาร นอนไม่หลับ จนถึงภาวะโลหิตจางและผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน

การคิดค้นยาต้านไวรัสแบบค็อกเทล

ปัญหาใหญ่ของผู้ป่วยเอดส์ที่ใช้ยา AZT คืออาการดื้อยาเนื่องจากการกลายพันธุ์ไวรัส

ข้อมูลในปี 1989 พบการดื้อยาในผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาไปแล้วเกิน 6 เดือน ซึ่งบางรายสามารถเกิดอาการไวรัสดื้อยาหลังจากใช้ยาไปเพียงไม่กี่วัน

ปัญหาของการใช้ยา AZT ทำให้วงการแพทย์ตระหนักว่า การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส HIV ด้วยยาเพียงชนิดเดียวเป็นการรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การวิจัยปี 1996 ที่พบว่า การใช้ยาต้านไวรัส 3 ชนิดขึ้นไปหรือการรักษาด้วยรีโทรไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง (Highly Active Antiretroviral Therapy หรือ HAART) จะช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้ดีขึ้นและลดโอกาสการดื้อยาของไวรัสได้มากขึ้น

วิธีการในยุคแรก คือการใช้ยา AZT ร่วมกับยายับยั้งการสร้างโปรตีนของไวรัส (Protease inhibitors) ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถลดการแบ่งตัวของไวรัสจนอยู่ในปริมาณที่แทบจะตรวจไม่พบ

ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกาพบว่า การรักษาแบบ HAART ช่วยให้การเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส HIV ในสหรัฐอเมริกาช่วงกลางทศวรรษ 1990’s ลดลงอย่างมาก

การคิดค้นยาทดแทน

ปัจจุบันมีการคิดค้นยาต้านไวรัสชนิดใหม่ ๆ มีก่อให้เกิดอาการข้างเคียงน้อยกว่ายา AZT ถึง 30 ชนิด ทำให้ความจำเป็นในการใช้ยา AZT กับผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ดี ยา AZT ยังมีความจำเป็นกับผู้ติดเชื้อไวรัส HIV บางกลุ่ม เช่น สตรีมีครรภ์ที่จำเป็นต้องใช้ยา AZT เพื่อลดโอกาสการส่งต่อเชื้อไวรัสไปยังทารกในครรภ์

ไม่มีหลักฐานว่ายา AZT ทำให้ผู้ป่วยตายมากกว่ากลุ่มที่ไม่ใช้ยา

แม้ยา AZT จะเต็มไปด้วยปัญหาเรื่องอาการข้างเคียงและการทำให้ไวรัสดื้อยา แต่ไม่มีงานวิจัยใดที่พบว่าการใช้ยา AZT ทำให้ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV เสียชีวิตในอัตราที่สูงกว่าผู้ติดเชื้อที่ไม่ใช้ยา หรือไม่มีรายงานพบผู้ป่วยเอดส์เสียชีวิตจากการใช้ยา AZT เช่นกัน

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ในยุค 1980’s ยา AZT มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเอดส์อย่างมาก ตัวยาเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้คนนับล้าน และยังเป็นยาตั้งต้นที่ช่วยให้วงการแพทย์พัฒนาการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

แอนโทนี เฟาชี ไม่ใช่ผู้อนุมัติยา AZT

แม้ แอนโทนี เฟาชี จะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIAID) ตั้งแต่ปี 1984 และเป็นผู้ริเริ่มโครงการวิจัยเกี่ยวกับ HIV/AIDS ตั้งแต่ปี 1986 ทั้งยังสนับสนุนการใช้ยา AZT เพื่อรักษาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV มาตั้งแต่ต้น

แต่ แอนโทนี เฟาชี ไม่ใช่ผู้อนุมัติการใช้ยา AZT ตามที่กล่าวอ้าง เพราะบทบาทดังกล่าวเป็นขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ข้อมูลที่ แอนโทนี เฟาชี ใช้สนับสนุนการใช้ยา AZT รักษาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ก็ตรงกับข้อมูลที่วงการแพทย์รับรองในเวลานั้นเช่นเดียวกัน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://healthfeedback.org/claimreview/claims-that-people-were-being-killed-by-zidovudine-azt-instead-of-aids-are-unsubstantiated/
https://www.politifact.com/factchecks/2023/jun/09/instagram-posts/no-evidence-of-azidothymidine-or-azt-killing-hundr/
https://apnews.com/article/fact-check-aids-hiv-fauci-covid-pandemic-833586389602

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]