ชัวร์ก่อนแชร์: ยาต้านไวรัส AZT ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงตายมากกว่าเชื้อเอดส์ จริงหรือ?

08 ธันวาคม 2566
แปลและเรียบเรียงบทความโดย: อดิศร สุขสมอรรถ
ตรวจทานและพิสูจน์อักษร : คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล


ข้อมูลที่ถูกแชร์ :

มีคลิปวิดีโอและข้อมูลเท็จเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา โดยคลิปวิดีโอตัวแรกอ้างว่า แอนโทนี เฟาชี อดีตผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIAID) เคยเป็นผู้ให้การรับรองยาซิโดวูดีน (Zidovudine หรือ AZT) เพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์จากการติดเชื้อไวรัส HIV เมื่อทศวรรษ 1980’s แต่กลับพบว่ายา AZT ทำให้ผู้ป่วยเอดส์เกิดอาการข้างเคียงจนเสียชีวิตมากกว่าผู้ป่วยเอดส์ที่ไม่ใช้ยา ไม่ต่างจากปัจจุบันที่ แอนโทนี เฟาชี แนะนำให้ประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 แต่กลับมีผู้เสียชีวิตจากวัคซีนสูงกว่าผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโควิด-19


รวมถึงข้อความที่อ้างบทสัมภาษณ์ของ ฮาวีย์ เบียลีย์ อดีตนักชีววิทยาระดับโมเลกุลชาวอเมริกันซึ่งตีพิมพ์ในนิตยสาร Spin เมื่อปี 1989 ก็ยืนยันว่ายาซิโดวูดีนเพิ่มความเสี่ยงการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยเอดส์จริง

บทสรุป :

  1. ไม่มีหลักฐานว่า ยา AZT ทำให้ผู้รับยาเสียชีวิตมากกว่าผู้ป่วยเอดส์ที่ไม่ได้รับยา
  2. แม้ยา AZT จะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงได้มากและทำให้เกิดไวรัสดื้อยาได้ง่าย แต่ก็ช่วยให้วงการแพทย์พบว่าการรักษาผู้ป่วยเอดส์จำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสหลายสูตร
  3. แอนโทนี เฟาชี ไม่ใช่ผู้อนุมัติยาต้านไวรัสหรือวัคซีนโควิด-19 แต่เป็นหน้าที่ของ FDA

FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :


จากการตรวจสอบโดย Fact Checker ในต่างประเทศ ไม่พบว่าข้ออ้างทั้งสองเป็นความจริงแต่อย่างใด

คลิปวิดีโอตัวแรกที่กล่าวโจมตี แอนโทนี เฟาชี นำมาจากสารคดีอื้อฉาวเรื่อง Plandemic 3: The Great Awakening ไตรภาคของสารคดีที่เผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนและการแพร่ระบาดเชื้อของไวรัสโควิด-19

ส่วนข้อความที่ 2 ซึ่งอ้างความเห็นของ ฮาวีย์ เบียลีย์ นักชีววิทยาระดับโมเลกุลชาวอเมริกันผู้ล่วงลับก็ขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจาก ฮาวีย์ เบียลีย์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนแนวคิด AIDS Denialism ที่ไม่เชื่อว่าไวรัส HIV คือสาเหตุของการป่วยเป็นโรคเอดส์ ซึ่งปัจจุบันความเชื่อดังกล่าวจัดอยู่ในหมวดวิทยาศาสตร์ปลอมหรือ Pseudoscience นอกจากนี้คำกล่าวอ้างของ ฮาวีย์ เบียลีย์ ยังขาดหลักฐานและขัดแย้งกับข้อเท็จจริงทางการแพทย์เช่นเดียวกัน

ที่มาของยาต้านไวรัส AZT

ยาซิโดวูดีนหรือ AZT ถือเป็นยาต้านไวรัสชนิดแรกที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส HIV

แต่เดิมยา AZT ถูกพัฒนาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งในทศวรรษที่ 1960’s แต่การวิจัยต้องยุติลงหลังไม่พบประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง กระทั่งมีการนำยา AZT กลับมาวิจัยเพื่อใช้รักษาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV เป็นครั้งแรกในปี 1984

ในปี 1981 มีรายงานการพบผู้ป่วยเอดส์ครั้งแรกในลอส แอนเจลิสจำนวน 5 ราย

จนกระทั่งปี 1987 ในสหรัฐอเมริกามีจำนวนผู้ป่วยเอดส์เพิ่มเป็น 47,022 ราย และมีผู้ป่วยเอดส์เสียชีวิตจนถึงปี 1987 ถึง 40,849 ราย

แรงกดดันที่มีต่อรัฐบาลต่อความล้มเหลวในการรับมือการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ ทำให้องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) ตัดสินใจอนุมัติการใช้ยา AZT เพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์เป็นครั้งแรกในปี 1987

การอนุมัติของ FDA อ้างอิงจากการวิจัยทดลองยาปี 1986 ของ Burroughs Wellcome บริษัทผู้ผลิตยา AZT ซึ่งแบ่งกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ป่วยเอดส์จำนวน 300 ราย โดยครึ่งหนึ่งได้รับการรักษาด้วยยา AZT เป็นเวลา 6 เดือน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งได้รับยาหลอกเป็นน้ำตาลอัดเม็ด

แต่การทดลองยาต้องจบลงในเวลาเพียง 16 สัปดาห์ หลังพบว่ากลุ่มที่ได้รับยา AZT เสียชีวิตเพียงรายเดียว ส่วนกลุ่มที่รับยาหลอกเสียชีวิตไปถึง 19 ราย

Burroughs Wellcome จึงตัดสินใจยุติการทดลองยา เพราะเชื่อว่าประโยชน์ของยาเป็นที่ประจักษ์ และการทดลองยาต่อไปจะเป็นอันตรายต่อกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับยาหลอก เพราะพวกเขาควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

ปัญหาของยา AZT

อย่างไรก็ดี ระยะเวลาที่ใช้ไปเพียง 2 ปีกับ 1 เดือน นับตั้งแต่การเริ่มทดลองยาจนถึงการผ่านการรับรอง ส่งผลให้ FDA ถูกวิจารณ์เรื่องการอนุมัติยารวดเร็วเกินไป ต่างจากปกติที่ต้องใช้เวลาตรวจสอบประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาเป็นเวลา 8-10 ปี

หลังจากจำหน่ายไปแล้ว ยา AZT ยังถูกโจมตีในหลายประเด็น ทั้งกระบวนการทดลองของยาที่ขาดความรัดกุม เมื่อกลุ่มตัวอย่างบางรายยอมรับว่าสามารถแยกรสชาติได้อย่างชัดเจนว่าได้รับยา AZT หรือน้ำตาลอัดเม็ดที่ใช้เป็นยาหลอก

รวมถึงกระแสวิจารณ์เรื่องราคายา AZT ที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินในการรักษาถึงปีละ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการตัดโอกาสการเข้าถึงยาของผู้ป่วยทั่วไป

นอกจากนี้ ผู้ป่วยเอดส์ที่ใช้ยา AZT จำนวนไม่น้อยยังพบปัญหาจากอาการข้างเคียงหลายชนิด ทั้งอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ไม่อยากอาหาร นอนไม่หลับ จนถึงภาวะโลหิตจางและผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกัน

การคิดค้นยาต้านไวรัสแบบค็อกเทล

ปัญหาใหญ่ของผู้ป่วยเอดส์ที่ใช้ยา AZT คืออาการดื้อยาเนื่องจากการกลายพันธุ์ไวรัส

ข้อมูลในปี 1989 พบการดื้อยาในผู้ป่วยที่ใช้ยารักษาไปแล้วเกิน 6 เดือน ซึ่งบางรายสามารถเกิดอาการไวรัสดื้อยาหลังจากใช้ยาไปเพียงไม่กี่วัน

ปัญหาของการใช้ยา AZT ทำให้วงการแพทย์ตระหนักว่า การรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส HIV ด้วยยาเพียงชนิดเดียวเป็นการรักษาที่ไม่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การวิจัยปี 1996 ที่พบว่า การใช้ยาต้านไวรัส 3 ชนิดขึ้นไปหรือการรักษาด้วยรีโทรไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง (Highly Active Antiretroviral Therapy หรือ HAART) จะช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้ดีขึ้นและลดโอกาสการดื้อยาของไวรัสได้มากขึ้น

วิธีการในยุคแรก คือการใช้ยา AZT ร่วมกับยายับยั้งการสร้างโปรตีนของไวรัส (Protease inhibitors) ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถลดการแบ่งตัวของไวรัสจนอยู่ในปริมาณที่แทบจะตรวจไม่พบ

ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกาพบว่า การรักษาแบบ HAART ช่วยให้การเสียชีวิตของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส HIV ในสหรัฐอเมริกาช่วงกลางทศวรรษ 1990’s ลดลงอย่างมาก

การคิดค้นยาทดแทน

ปัจจุบันมีการคิดค้นยาต้านไวรัสชนิดใหม่ ๆ มีก่อให้เกิดอาการข้างเคียงน้อยกว่ายา AZT ถึง 30 ชนิด ทำให้ความจำเป็นในการใช้ยา AZT กับผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ลดลงอย่างมาก

อย่างไรก็ดี ยา AZT ยังมีความจำเป็นกับผู้ติดเชื้อไวรัส HIV บางกลุ่ม เช่น สตรีมีครรภ์ที่จำเป็นต้องใช้ยา AZT เพื่อลดโอกาสการส่งต่อเชื้อไวรัสไปยังทารกในครรภ์

ไม่มีหลักฐานว่ายา AZT ทำให้ผู้ป่วยตายมากกว่ากลุ่มที่ไม่ใช้ยา

แม้ยา AZT จะเต็มไปด้วยปัญหาเรื่องอาการข้างเคียงและการทำให้ไวรัสดื้อยา แต่ไม่มีงานวิจัยใดที่พบว่าการใช้ยา AZT ทำให้ผู้ติดเชื้อไวรัส HIV เสียชีวิตในอัตราที่สูงกว่าผู้ติดเชื้อที่ไม่ใช้ยา หรือไม่มีรายงานพบผู้ป่วยเอดส์เสียชีวิตจากการใช้ยา AZT เช่นกัน

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ในยุค 1980’s ยา AZT มีประโยชน์ต่อผู้ป่วยเอดส์อย่างมาก ตัวยาเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับผู้คนนับล้าน และยังเป็นยาตั้งต้นที่ช่วยให้วงการแพทย์พัฒนาการรักษาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

แอนโทนี เฟาชี ไม่ใช่ผู้อนุมัติยา AZT

แม้ แอนโทนี เฟาชี จะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NIAID) ตั้งแต่ปี 1984 และเป็นผู้ริเริ่มโครงการวิจัยเกี่ยวกับ HIV/AIDS ตั้งแต่ปี 1986 ทั้งยังสนับสนุนการใช้ยา AZT เพื่อรักษาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV มาตั้งแต่ต้น

แต่ แอนโทนี เฟาชี ไม่ใช่ผู้อนุมัติการใช้ยา AZT ตามที่กล่าวอ้าง เพราะบทบาทดังกล่าวเป็นขององค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ ข้อมูลที่ แอนโทนี เฟาชี ใช้สนับสนุนการใช้ยา AZT รักษาผู้ติดเชื้อไวรัส HIV ก็ตรงกับข้อมูลที่วงการแพทย์รับรองในเวลานั้นเช่นเดียวกัน

ข้อมูลอ้างอิง :

https://healthfeedback.org/claimreview/claims-that-people-were-being-killed-by-zidovudine-azt-instead-of-aids-are-unsubstantiated/
https://www.politifact.com/factchecks/2023/jun/09/instagram-posts/no-evidence-of-azidothymidine-or-azt-killing-hundr/
https://apnews.com/article/fact-check-aids-hiv-fauci-covid-pandemic-833586389602

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]

โควิด-19 ระบาดปักธงชัย ตายแล้ว 2

นครราชสีมา 2 มิ.ย.- เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดที่ อ.ปักธงชัย จ.นคราชสีมา รุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รัฐบาลเตือนระวังสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 แพร่กระจายไว ที่ อ.ปักธงชัย พบผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบนี้แล้ว 2 ราย ผู้ป่วยรายแรกเป็นชายเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนรายที่ 2 เสียชีวิตช่วงค่ำวานนี้ เป็นชายอายุ 72 ปี ที่โรงพยาบาลปักธงชัย ไปประกอบพิธีทางศาสนา โควิด-19 แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ต้องรู้จักวิธีการป้องกันตัวเองและดูแลบุคคลในครอบครัวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แจ้งว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกประกาศเตือนหลังพบพฤติกรรมของเชื้อ SARS-CoV-2 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 3 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ แปซิฟิกตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ NB.1.8.1 ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และเชื้อโควิด-19 […]

ปศุสัตว์สระแก้วร่วมสอบสวนโรค “แอนแทรกซ์” หลังพบผู้ป่วยยืนยันรายแรกของจังหวัด

สระแก้ว 2 มิ.ย.​ – สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้ว เตรียมลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เร่งสอบสวนโรคแอนแทรกซ์ หลังได้รับแจ้งพบผู้ป่วยรายแรกของจังหวัด​ เบื้องต้นยังไม่พบสัตว์ป่วยตายผิดปกติในพื้นที่ แต่วางมาตรการควบคุมเข้มงวดป้องกันและควบคุม​โรคในสัตว์ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้วว่า วันนี้ (2 มิถุนายน 2568) ได้บูรณาการร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสระแก้วและสำนักงานปศุสัตว์เขต 2 ลงพื้นที่สอบสวนโรค หลังพบชายอายุ 53 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในอำเภอเมืองสระแก้ว เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ด้วยอาการตุ่มแผลตามร่างกาย และได้รับการวินิจฉัยยืนยันว่าติดเชื้อ Bacillus anthracis สาเหตุของโรคแอนแทรกซ์ จากข้อมูลเบื้องต้น ผู้ป่วยมีพฤติกรรมชอบบริโภคเนื้อดิบเป็นประจำ เช่น ลาบ ก้อย ซอยจุ๊ ซึ่งเป็นเนื้อที่ซื้อจากชาวบ้านในพื้นที่เพื่อแบ่งกันรับประทานร่วมกับเพื่อนบ้าน และมีพฤติกรรมดื่มสุราเป็นประจำ โดยไม่มีประวัติเลี้ยงสัตว์เคี้ยวเอื้อง ไม่มีประวัติสัมผัสสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ และไม่ได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค แม้ในพื้นที่จะยังไม่พบรายงานสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ แต่เพื่อความไม่ประมาท สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดสระแก้วได้วางมาตรการควบคุมเข้มงวด โดยร่วมสอบสวนโรคในพื้นที่เสี่ยง เก็บตัวอย่างสัตว์และสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเรื่องอันตรายของการบริโภคเนื้อดิบ ขณะเดียวกัน ได้ประสานด่านกักกันสัตว์จังหวัดสระแก้วเตรียมน้ำยาฆ่าเชื้อและรถพ่นน้ำยาทำลายเชื้อโรค […]