“ช้างศึก” เตรียมเจออินโดฯ ศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ

สิงคโปร์ 27 ธ.ค. – “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ทะลุผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ หลังเสมอกับเวียดนาม ในนัดที่สอง 0-0 สกอร์รวม 2 นัด ชนะ 2-0 ผ่านเข้าไปแย่งถ้วยกับอินโดนีเซีย

ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ไทยได้เปรียบตุนไว้ 2 ประตู จากชัยชนะนัดแรก 2-0 เกมนี้ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย โดยกุนซือมาโน โพลกิ้ง ปรับไลน์อัพ 11 คนแรก 2 คนส่ง ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ลงมาแทน ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร และสุภโชค สารชาติ ที่คาดว่าน่าจะไม่สมบูรณ์ เพราะไม่มีชื่อในตัวสำรองด้วย

เริ่มเกมในช่วง 10 นาทีแรก เป็นฝั่งดาวทองที่เพรสหนัก เอาบอลมาครอง แล้วใช้การบอมบ์สลับการออกปีกเข้าโจมตี มีโอกาสลุ้นยิงหลายครั้ง แต่ยังไม่ผ่านมือ ฉัตรชัย บุตรพรม แต่ผ่านครึ่งชั่วโมง ทีมชาติไทยต้องเปลี่ยนผู้รักษาประตู เมื่อ ฉัตรชัย บุตรพรม ออกมาสกัดบอลนอกเขตโทษแล้วเจ็บ เล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ลงมาเฝ้าเสาแทน

จังหวะจะแจ้งที่สุดของไทยในครึ่งแรกมาในช่วงทดเจ็บ 6 นาที นาทีสุดท้าย ธีราทร บุญมาทัน เติมมาตะบันด้วยซ้ายในกรอบยัดเสาแรก ติดเซฟ ตราน เหงียน มันห์ ปัดออกหลังไปได้ จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0 ในรูปเกมที่เวียดนามหาโอกาสยิงได้ 7 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง ไทยครองบอลมากกว่า 59-41% โอกาสยิง 3 ครั้่ง เข้ากรอบ 1 ครั้ง

ครึ่งหลัง มาโน โพลกิ้ง แก้เกมเปลี่ยน 2 คน ส่ง เอเลียส ดอเลาะ และธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ลงมาแทน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ พร้อมปรับมาใช้ 3-5-2 เซ็นเตอร์แบ็ก 3 คน แล้วให้วิงแบ็ก 2 ข้างเติมเกมรุกมากขึ้น

เกมสู้กันสูสีช่วงต้นครึ่งหลัง นาทีที่ 58 ธีราทร บุญมาทัน ไปทำฟาวล์ เหงียน กวง ไฮ เจอใบเหลืองไป ทำให้ถ้าไทยผ่านเข้าชิงชนะเลิศจะทำให้เจ้าอุ้มติดโทษแบนชวดลงเล่นในนัดแรก

ช่วงท้าย เกมรุกของดาวทองเริ่มจะตื้อๆ ไม่สามารถบุกได้เหมือนครึ่งแรก สุดท้ายเกมจบ 90 นาที เสมอเวียดนาม 0-0 ไทยชนะด้วยสกอร์รวม 2-0 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับอินโดนีเซีย ที่รออยู่แล้ว

หลังเกม กุนซือมาโน โพลกิ้ง กล่าวว่า ดีใจและภูมิใจมากกับนักเตะในทีมทุกคน เราช่วยกันเล่นเกมรับ ทำงานเป็นทีม รับแรงกดดันจากเวียดนามได้ดี โดยเฉพาะในครึ่งหลัง ขอชื่นชมทุกคน เราดีใจมากที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ แต่ข่าวร้ายคือ เราต้องเสียฉัตรชัย ที่มีอาการบาดเจ็บ และดูท่าว่าน่าจะหนัก เราจะพยายามทำให้ดีที่สุดในรอบชิงชนะเลิศ เพื่อให้ได้แชมป์ และเพื่อฉัตรชัยที่รับบาดเจ็บหนักในเกมนี้

ขณะที่ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล กล่าวถึงเกมนัดชิงที่จะพบกับอินโดนีเซีย ว่า อินโดฯ เป็นทีมที่มีเกมรุกที่ดี แต่ทีมไทยก็มีเกมรับที่ดี มั่นใจว่าไทยรับมือได้ เพราะตอนนี้ขวัญกำลังใจในทีมเวลานี้ดีมาก

ทั้งนี้ ทีมชาติไทย อดีตแชมป์ 5 สมัย ผ่านเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 9 ส่วนอินโดนีเซีย เข้าชิงเป็นครั้งที่ 6 โดย 5 ครั้งก่อนหน้านี้ไม่เคยคว้าแชมป์ได้เลย และเป็นการชิงกับทีมชาติไทย 3 ครั้ง ในปี 2000, 2002 และ 2016

สำหรับรอบชิงชนะเลิศนัดแรก แข่งขันวันที่ 29 ธันวาคม 2564 และนัด 2 วันที่ 1 มกราคม 2565 โดยทั้ง 2 นัด แข่งที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เวลาไทย 19.30 น. -สำนักข่าวไทย