สธ.ย้ำลดเตือนภัยโควิดสอดคล้องสถานการณ์

สปคม. 9 ส.ค.- อธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำลดระดับเตือนภัยโควิด เหลือโรคติดต่อเฝ้าระวัง เริ่ม 1 ต.ค.นี้ สอดคล้องกับสถานการณ์ หลัง WHO เตรียมทบทวนระดับเตือนภัยโรคเช่นกัน


นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงลดระดับโควิด-19 จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง เริ่มวันที่ 1 ตุลาคมนี้ว่า การดำเนินการทุกอย่าง เพื่อปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของโรคในปัจจุบัน อีกทั้งต้นเดือนตุลาคมทางองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยคณะกรรมการภาวะฉุกเฉินจะมีการประชุมหารือเรื่องระดับเตือนภัยโควิด-19 เนื่องจากสถานการณ์โควิดเปลี่ยนไปมาก สำหรับการจัดระดับโรค กรมควบคุมโรคแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.โรคติดต่อทั่วไป เป็นโรคที่มีชื่อเอาไว้ หากรุนแรงขึ้น ก็อาจประกาศเป็นโรคระบาด 2.โรคติดต่ออันตราย คือ โรคที่ต้องเฝ้าระวังสูงสุด แพร่เร็ว ต้องให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อควบคุมกักตัว หากอยู่ในระยะสงสัย รวม 13-14 โรค และ 3 โรคติดต่อเฝ้าระวัง เป็นโรคที่ไม่รุนแรงมาก แพร่ระบาดไม่สูง มี 50 โรค

นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกปฏิบัติกับโควิดเหมือนโรคทั่วไป เช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ไม่มีการจำกัดการเดินทางใช้ชีวิตตามปกติ เมื่อโควิดเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังก็เทียบได้กับโรคไข้เลือด ที่ต้องมีการระวังติดต่อ และรายงานการติดเชื้อมายังระดับกรมควบคุมโรค จากนั้นรายงายให้กระทรวงสาธารณสุขทราบอีกทั้งการเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังยังต้องจับตาดู เพราะโรคนี้แม้ความรุนแรงเท่ากับอดีต แต่เชื่อสถานการณ์ความรุนแรงของโรคค่อย ๆ ปรับลดลง และการกลายพันธุ์ของโรคช้าลง จะเห็นว่าไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงจากอู่ฮั่น อัลฟา เบต้า โอไมครอน และสายพันธุ์ย่อยจาก BA.1. BA.2 และ BA.4, BA.5 อีกทั้งคนเราอยู่กับโรคนี้มา 3 ปีแล้วรู้ว่าจะต้องป้องกันตนเองอย่างไร


นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนการเปลี่ยนโควิดเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังนั้น ประชาชนยังปฏิบัติตัวเช่นเดิม ยังคงต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้นทุก 4 เดือน สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ ส่วนการรักษาและการแยกกักตัวสำหรับคนที่สัมผัสผู้ป่วยหรือเสี่ยงสูงนั้น ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ในคนป่วยแยกกักรักษาจากเดิม 14 วัน เหลือ 7+3 วัน ส่วนกักตัวในคนสัมผัสผู้ป่วยยกเลิกแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง