สบส.ร่วมกับ DSI กวาดล้างขบวนการรับจ้างอุ้มบุญข้ามชาติ

สธ. 31 พ.ค. – สบส.ลงนามความร่วมมือ DSI กวาดล้างขบวนการรับจ้างอุ้มบุญข้ามชาติ เบื้องต้นรับคดีอุ้มบุญ 2 เคส เป็นคดีพิเศษแล้ว เตรียมจับกุมเร็วๆ นี้ พร้อมเผยช่วงโควิดมีหญิงตั้งครรภ์อุ้มบุญตกค้างในไทย 19 คน โดยตอนนี้เด็กอายุ 1-2 ขวบ อยู่ในความดูแลของ พม.


นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ลงนามความร่วมมือกับ นพ.ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ เพื่อขับเคลื่อนคดีเกี่ยวกับการอุ้มบุญ สามารถป้องปราม ระงับยับยั้งเหตุที่อาจเกิดขึ้นไว้ได้ทัน เนื่องจากที่ผ่านมาคดีเกี่ยวกับอุ้มบุญ มีความเชื่อมโยงและเข้าข่ายคดีพิเศษ ด้วย 3 ลักษณะ คือ อาจมีการเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, มีความยุ่งยากในการรวบรวมพยานหลักฐาน และอาจต้องใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ และกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศ ซึ่งการดำเนินการคดีนี้ ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการทำการอุ้มบุญ ตั้งแต่ฝังตัวอ่อน ฝากไข่ไว้ และในอนาคตเตรียมปรับแก้กฎหมายให้ทันสมัย โดยไม่จำเป็นอีกต่อไปว่าพ่อแม่ที่ทำการอุ้มบุญหนึ่งในนั้นต้องเป็นชาวไทย อาจเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด เพื่อให้เรื่องนี้ถูกกฎหมายป้องกันการลักลอบ เพราะภาวะมีบุตรยาก จัดเป็นโรคอย่างหนึ่ง อีกทั้งแพทย์ไทยมีความเก่งและเชี่ยวชาญ ทำให้มีความสนใจในการทำอุ้มบุญมาก ส่วนในอนาคตจะมีการพิจารณาเรื่องการอุ้มบุญในสาวโสด หรือคนเพศเดียวกัน ยังไม่ได้มีการพิจารณาถึงขั้นนั้น

นพ.ไตรยฤทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงโควิด กระบวนการลักลอบอุ้มบุญข้ามชาติทำให้มีเด็กตกค้างที่ไทยจำนวนมากถึง 19 คน อยู่ในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งเด็กเหล่านี้อายุประมาณ 1-2 ขวบแล้ว เนื่องจากแม่อุ้มบุญไม่สามารถเดินทางไปคลอดบุตรที่ต่างชาติได้ ทำให้ตกค้างในไทย ง่ายแก่การติดตาม และในเร็วๆ นี้ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษเตรียมดำเนินคดีเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ใน 2 คดีที่มีการอุ้มบุญ พบว่าเชื่อมโยงกับการอุ้มบุญต่างชาติ โซนเอเชีย โดยที่ผ่านมามีการสอบสวนมากกว่า 10 คดี


ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ทางกรมฯ ได้รวบรวมข้อมูลการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ของไทย พบว่ามีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์สูงถึงร้อยละ 45 มีการให้บริการเด็กหลอดแก้วกว่า 20,000 รอบการรักษา มีการผสมเทียมกว่า 12,000 รอบ มีการพัฒนาระบบเพื่อส่งเสริมสถานพยาบาลที่ให้บริการด้านเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ผ่านการรับรองมาตรฐานการรวมทั้งสิ้น 104 แห่ง และมีการพิจารณาอนุญาตดำเนินการให้การตั้งครรภ์แทน หรืออุ้มบุญ 584 คน สร้างรายได้กว่า 4,500 ล้านบาท พร้อมย้ำว่าในการลงนามความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษนี้ ครอบคลุมการดูแลที่เกิดขึ้น มีทั้ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก และกฎกระทรวงการบริการจัดการเด็ก เพื่อดูแลเด็กอุ้มบุญที่ถูกดำเนินคดี เบื้องต้นให้แม่รับตั้งครรภ์ดูแลไปก่อน แต่จะไม่มีการยุติการตั้งครรภ์ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ