กรุงเทพฯ 15 พ.ค. – แพทย์รามาฯ วอนรัฐบาลศึกษาข้อมูลบุหรี่ไฟฟ้ารอบด้าน ชี้ตัวอย่างเด็กมัธยมนิวซีแลนด์สูบบุหรี่ไฟฟ้าพุ่ง หลังรัฐบาลยกเลิกแบน ส่อควบคุมไม่ได้
วันที่ 15 พฤษภาคม 2565 รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า ประเทศนิวซีแลนด์ เป็นประเทศหนึ่งที่กลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยมักจะยกมาอ้างกับรัฐบาล เพื่อให้ประเทศไทยยกเลิกแบนบุหรี่ไฟฟ้า โดยเมื่อปี 2018 นิวซีแลนด์ยกเลิกการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าแบบมีนิโคติน และสนับสนุนการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อช่วยคนสูบบุหรี่ให้เลิกสูบ แต่ผลที่ตามมาก็คือ บุหรี่ไฟฟ้าทำให้เยาวชนนิวซีแลนด์ติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจล่าสุดพบว่า 1 ใน 5 ของเด็กมัธยมของนิวซีแลนด์ติดบุหรี่ไฟฟ้า และความชุกของเยาวชนที่ต้องสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำทุกวันเพิ่มขึ้นจาก 1.8% เป็น 9.6% หรือกว่า 5 เท่า
“ที่สำคัญคือ กว่า 80% ของเด็กมัธยมที่เคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่เคยสูบบุหรี่ธรรมดามาก่อน ซึ่งสถานการณ์นี้เป็นสิ่งที่แพทย์ในนิวซีแลนด์แสดงความเป็นห่วง เพราะประวัติศาสตร์กำลังซ้ำรอย โดยแท้จริงแล้วบุหรี่ไฟฟ้าคือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ธุรกิจบุหรี่ต้องการให้มาแทนบุหรี่ธรรมดานั่นเอง และที่น่าห่วงที่สุดคือ การเสพติดนิโคตินในกลุ่มเยาวชนที่สมองยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ฤทธิ์ของนิโคตินส่งผลเสียมากมายต่อสมองของเยาวชน ทั้งเรื่องการเรียน ความจำ และยังพบว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความสัมพันธ์กับอาการซึมเศร้าที่เพิ่มขึ้นในเยาวชน ผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวของบุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ชัดเจน” รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าว
รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าวต่อว่า ประเทศนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ถูกยกย่องว่ามีมาตรการควบคุมยาสูบที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง จากการประเมินขององค์การอนามัยโลก พบว่า นิวซีแลนด์ได้คะแนนเต็มทุกเรื่อง ทั้งการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ การห้ามโฆษณายาสูบ บริการเลิกบุหรี่ และระบบภาษียาสูบ ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศไทยแล้วยังห่างไกล และไทยยังต้องพัฒนาประสิทธิภาพของการควบคุมยาสูบอีกมาก
“นิวซีแลนด์มีมาตรการควบคุมยาสูบดีขนาดนี้ หลังจากยกเลิกการแบนบุหรี่ไฟฟ้า ยังทำให้บุหรี่ไฟฟ้าระบาดหนักในเยาวชนขนาดนี้ แล้วประเทศไทยที่การควบคุมยาสูบยังไม่ดีเท่า จะเป็นอย่างไร จึงอยากฝากถึงรัฐบาลว่า การพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ควรต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน และพิจารณาบริบทของประเทศไทยเป็นสำคัญ” รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าว
ด้าน น.ส.เอมม่า รัสเซล ผู้สื่อข่าวสายสุขภาพของ NZ Herald นิวซีแลนด์ ได้เปิดเผยสถานการณ์ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนนิวซีแลนด์ ภายหลังรัฐบาลยกเลิกการแบนบุหรี่ไฟฟ้าและส่งเสริมการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่ ว่า การเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชนเป็นเรื่องที่น่ากังวลตั้งแต่เริ่มแรก และรัฐบาลได้ให้คำมั่นสัญญาว่าเยาวชนจะได้รับการคุ้มครอง แต่เห็นได้ชัดว่ายังไม่เกิดขึ้น ซึ่งจำนวนร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้าในนิวซีแลนด์มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง ร้านบุหรี่ไฟฟ้าบางยี่ห้อมีจำนวนร้านค้าปลีกย่อยถึง 100 สาขา เกือบจะเท่ากับร้านฟาสต์ฟู้ดอย่างแมคโดนัลด์ที่มี 167 สาขา โดยเฉพาะที่อยู่ใกล้สถานศึกษา พบว่าโรงเรียนบางแห่งมีร้านค้าบุหรี่ไฟฟ้าอยู่รอบๆ โรงเรียนถึง 6 ร้าน และร้านเหล่านี้ยังตกแต่งให้ดึงดูดเยาวชนอีกด้วย. – สำนักข่าวไทย