สธ. 7 เม.ย.-“อนุทิน” สั่งทุก รพ. สำรองวัคซีนโควิดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พร้อมฉีดให้ผู้สูงวัย ที่ลูกหลานกลับเยี่ยมบ้านพาไปฉีด พร้อมเล็งเสนอ ศบค. ยกเลิกตรวจ RT-PCR หลังสงกรานต์ เพื่อพร้อมเป็นโรคประจำถิ่น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบโล่รางวัล แก่ 7 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุ เกิน 70 % ได้แก่ น่าน ,นนทบุรี , สมุทรปราการ ,ภูเก็ต ,มหาสารคาม ,ลำพูน และชัยนาท และ 12 จังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับผู้สูงอายุดีเด่น ได้แก่ อ่างทอง เชียงใหม่ อยุธยา ยโสธร ลำปาง สมุทรสงคราม เชียงราย ระยอง ลพบุรี ชลบุรี แพร่ และ สระบุรี พร้อมย้ำข้อสั่งการของกระทรวงสาธารณสุข ให้ ทุกรพ. เตรียมสำรองวัคซีนโควิด ให้พร้อมในเทศกาลสงกรานต์ หากบุตรหลานกลับไปเยี่ยมบ้าน และอยู่นาน 4-5 วันก็ให้สามารถนำบุพการี หรือผู้สูงอายุในบ้านไปรับวัคซีนได้ ในรพ.ทุกแห่ง เนื่องจากขณะนี้ ยังมีตัวเลขผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แม้แต่เข็มเดียว อยู่ ประมาณ 2.07 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุติดบ้าน ทั้งนี้การปฏิบัติตนในการเดินทางไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้ลูกหลานมีการคลีนอัพ ตัวเองให้ดีก่อน มีการเสี่ยง/ทำกิจกรรมเสี่ยง ปาร์ตี้ หรือ เดินทางไปสถานที่เสี่ยง 1 สัปดาห์ จากนั้น ตรวจ ATK ซ้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ และในระหว่างที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หากมีการเจ็บป่วย ก็ขอให้มีมาตรการกักตัว งดการเจอญาติ และหากมีอาการก็สามารถเข้ามาขอรับบริการในสถานพยาบาลที่ไม่ใช่สังกัดได้
นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า ตัวเลขของผู้เสียชีวิตเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า 90% เป็นคนสูงอายุ และมีถึง 60% คือกลุ่มคนที่ไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียวเลย ส่วนในวันพรุ่งนี้( 8 เม.ย.)ที่จะมีการประชุมศบค. เตรียมเสนองดการตรวจ RT-PCR และให้ใช้การตรวจ ATK แทน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิด -19 กำลังจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น และการเปิดประเทศ
พญ. สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ส่วนพื้นที่ยังคงมีอัตราการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุน้อยได้แก่ เขตสุขภาพที่ 10 และ ในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากส่วนใหญ่ของผู้สูงอายุเป็นกลุ่มติดบ้าน 50% มีโรคประจำตัว แต่คิดว่าตัวเอง ไม่ได้ออกจากบ้านไม่ไหน เลยทำให้ไม่อยากรับวัคซีน บางรายเมื่อมีการรณรงค์ฉีดวัคซีนถึงบ้าน กลับให้ลูกหลานพานั่งรถซาเล้งหนีออกจากบ้านทันทีเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ดังนั้นการจะรณรงค์ฉีดวัคซีนต้องอาศัยความเข้าใจอย่างมาก .-สำนักข่าวไทย