รร.แกรนด์เมอร์เคียวฟอร์จูน 4 ก.พ.-4 ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ถกประเด็นเวทีเสวนา หมอกระต่ายต้องไม่ตายฟรี โชว์วิสัยทัศน์ แก้ปัญหา “วิโรจน์-สุชัชวีร์” ชูปรับปรุงปัญหาทางข้ามทั่วกรุงภายใน 6 เดือน ด้าน “ชัชชาติ” เน้นแก้ปัญหากายภาพทางข้าม บูรณาการหน่วยงานทันที นำเทคโนโลยีช่วย ขณะที่ “รสนา” ชูภาคประชาชนมีส่วนร่วมแก้
เวทีสาธารณะหมอกระต่ายต้องไม่ตายฟรี จัดโดย มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับสสส. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และภาคีเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ภาครัฐ ภาคเอกชน ในเวทีเสวนาได้เปิดโอกาสให้ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. 4 คน แสดงวิสัยทัศน์ต่อการแก้ไขปัญหาความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน คนละ 5 นาที ทั้งนี้ทางคณะผู้จัดเวทีสาธารณะจะบันทึกคลิปการแสดงวิสัยทัศน์ไว้ เมื่อวันที่ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.หลังจากรับตำแหน่งไม่เกิน 90 วัน จะไปทวงถามคำสัญญาที่ให้ไว้ในเวทีสาธารณะ หมอกระต่าย ต้อง (ไม่) ตายฟรี
ดร. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีหลายมิติ โดยหากเป็นผู้ว่าฯ จะแก้ทั้งเรื่องกายภาพของทางม้าลายทั้ง กทม. ตีเส้น แสงสว่าง สัญญาณเตือน ป้ายบอกความเร็ว ตั้งเป้าสามเดือนแรก จะแก้ไขจุดเสี่ยงจุดอันตรายให้แล้วเสร็จ พร้อมกับต้องไปพูดคุยกับเครือข่ายผู้ขี่ใช้รถมอเตอร์ไซต์ที่เป็นส่วนสำคัญและมักไม่หยุดและก่อให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น มอเตอร์ไซต์รับจ้าง ผู้ขนส่งรับจ้าง ต้องไปทำความเข้าใจ ทำอย่างไรให้เขาหยุดบนทางม้าลาย รวมทั้งเรื่องระเบียบวินัยจราจร กทม.เข้ามาร่วม กับตำรวจได้ นำเทคโนโลยนีเข้ามาช่วย จับ-ปรับ เร่งทำทางม้าลายให้ได้มาตรฐาน ดูแลต่อเนื่อง ดึงเจ้าหน้าที่เทศกิจกทม.ช่วยเป็นหูเป็นตาจุดเสี่ยง พร้อมนำเทคโนโลยีมาช่วย ส่วนเรื่องกวดขันวินัยจราจรแม้เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่เชื่อว่าทำได้
ด้านดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กล่าวว่า หากตนเป็นผู้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ วันแรก ต้องมีทีมของกทม.ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่ ต้องลงไปดูแลทันที สังคายนาทางม้าลายทั่วกทม.ซึ่งต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญตั้งเป้าทำให้เสร็จภายใน 6 เดือน และต้องทำตามมาตรฐานสากลด้วย ไม่ใช่รอให้สูญเสียแล้วแก้ไข หากตนเป็นผู้ว่าฯ จะแก้ไขเรื่องการจำกัดความเร็วให้ได้ อย่าง ในต่างประเทศที่พัฒนาแล้ว ในเมือง จำกัดที่ไม่เกิน30-40 กิโลเมตรเท่านั้น จะต้องมีปุ่ม sos บนถนน ให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงโดยเร็ว
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร กล่าวว่า ตั้งเป้าจะแก้ปัญหาให้ได้ภายใน 6 เดือน ทั้งการปรับปรุงทางข้ามม้าลาย ตีเส้นให้ชัดเจน ติดตั้งไฟ ติดตั้งกล้องcctv สัญลักษณ์ต่างๆ สัญญาณไฟ เมื่อดูงบของกทมปี65 ซึ่งให้ความสำคัญกับการปรับปรุงทางข้ามน้อยเกินไป หากตนเป็นผู้ว่าฯจะเพิ่มงบแก้ไขส่วนนี้ให้พอกับ 4,160 จุด การตรวจตราให้ทางข้ามอยู่ในสภาพปกติ ต้องใช้กล้องวงจรปิดให้เป็นประโยชน์และใช้เจ้าหน้าที่กทม. ช่วยกันตรวจตรา มองว่าผู้ว่าฯต้องมีการแสดงความใส่ใจให้สมกับที่ต้องรู้สึกว่าทุกคนในกทมคือครอบครัว อย่าไปคิดว่าทำไม่ได้
ด้านน.ส. รสนา โตสิตระกูล กล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของชีวิต หากตนเป็นผู้ว่าฯ สิ่งสำคัญคือเปิดพื้นที่ให้ภาคประชาสังคมได้มีส่วนร่วมแก้ปัญหา กับผู้ว่าฯด้วย ตนจะเป็นตัวแทนของ power of powerless เป็นพลังให้ กับคนตัวเล็กๆ ในปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของทุกคนที่ต้องใช้ถนน เรื่องโครงสร้าง การแก้ปัญหา ก็ต้องทำ รวมถึงการใช้เทคโนโลยี ให้มากขึ้น จะทำระบบตัดคะแนน คนขับรถที่ทำผิด และ ปัญหาใหญ่ตอนนี้ คือความไม่สุจริต เรายอมให้คนทำผิดแต่มีเงิน ไม่ผิดได้ สิ่งเหล่านี้ ต้องหมดไป และต้องมีบุคคล ที่เป็นหูเป็นตา ไม่เพียงแค่เจ้าหน้าที่กทม. แต่รวมถึงทุกคนร่วมเป็นหูเป็นตาได้ด้วย
ขณะที่บนเวทีเสวนามีวิทยากรจากหลายหน่วยงานร่วมวิเคราะห์และหาทางแก้ปัญหาจากบทเรียน ศ.ดร.กัณวีร์ กนิษฐ์พงศ์ ผู้จัดการศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย AIT เปิดเผยว่า เรื่องความปลอดภัยการใช้ถนน ประกอบไปด้วยหลายส่วน ทั้งการบังคับใช้กฎหมายที่จริงจัง และมีโทษเหมาะสม ในไทยมีการออกแบบถนนที่ไม่ได้คำนึงความปลอดภัยสำหรับคนเดิน มักออกแบบสำหรับให้รถสามารถใช้ความเร็วได้และการจัดการความเร็วของรถ ที่ไทยมีมาตรการจัดการได้น้อยมาก ส่วนใหญ่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ก็จะบอกว่าเป็นเรื่องจิตสำนึก โทษที่คนเพียงอย่างเดียว แต่ไม่แก้ไข ระบบ ให้ปลอดภัย ซี่งหากคืดแบบนี้ ก็จะมีคนถูกรถชนบนท้องถนนไปเรื่อยๆ เสนอว่าทางม้าลายที่ปลอดภัย ควรมีความชัดเจน เห็นแล้วรู้ว่า เป็นทางม้าลาย ทั้งเวลากลางวัน และกลางคืน เป็นเรื่องการบำรุงรักษาด้วย ต้องทำให้ต่อเนื่อง การตีเส้นหยุดก่อนถึงทางม้าลาย ในต่างประเทศ ต้องตีเส้นหยุดให้ห่าง เหมาะสม ห่างประมาณ1 เมตร แต่บนถนนไทย ยังมีทั้งป้ายโฆษณา รถเข็นขายของบนถนน รถจอดขวาง ล้วนเป็นอุปสรรคต่อคนข้าม นอกจากนี้การทำทางม้าลายไม่ต่อเนื่อง เช่นทำฝั่งเดียว อีกฝั่งหาย //เดินๆไปเจอป้อมตร. เกาะกลางถนน ต้องป้ายเตือนว่ามีทางม้าลาย มีบอกให้ลดความเร็วก่อนถึงทางม้าลายด้วย นอกจากนี้ ยังให้ความเห็นจากกรณีที่เมื่อเร็วๆนี้ที่มีการทำทางม้าลายสามมิติ แนะนำว่า ถ้าจะทำแนะให้ทำบนถนนส่วนบุคคล ไม่ควรมาทำบนถนนสาธารณะ เพราะปกติทางม้าลายต้องเป็นรูปแบบสากล ทุกคนต้องรู้ว่าคือทางม้าลาย-สำนักข่าวไทย