สธ.จ่อชง ศบค. เข้ม RT-PCR ผู้เดินทางเข้าประเทศสกัดโอไมครอน

กรุงเทพฯ 28 พ.ย.- สธ. เตรียมเสนอ ศบค.สัปดาห์นี้ ตรวจเข้ม RT-PCR ผู้เดินทางเข้าประเทศสกัดโควิดสายพันธุ์ “โอไมครอน”

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขติดตามเฝ้าระวังและประสานข้อมูลการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์โอไมครอนในทวีปแอฟริกา อย่างต่อเนื่อง และได้เตรียมมาตรการเข้มเพื่อสกัดกั้นเชื้อกลายพันธุ์ดังกล่าว โดยสัปดาห์นี้ สธ.จะมีการเสนอมาตรการเพิ่มเติมให้ ศบค.ได้พิจารณา อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนคงมาตรการป้องกันตนเองอย่างสูงสุด และขอให้มั่นใจว่า สธ.มีมาตรการระวังเข้ม ขณะนี้ยังไม่พบสายพันธุ์โอไมครอนในไทย และ สธ.ได้ปรับมาตรการคัดกรองป้องกันให้รัดกุมยิ่งขึ้น


ด้านนพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า มาตรการสกัดโอไมครอนล่าสุด คือ ห้ามประเทศเสี่ยงที่พบโควิดกลายพันธุ์โอไมครอน เข้าไทย ซึ่งประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็ได้ห้ามและจำกัดไม่ให้มีการเดินทางเคลื่อนย้ายออกมาแล้ว โดยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทยก็เช่นกัน รวมทั้งไม่ให้มีการ Transit เครื่องจากประเทศเสี่ยง ซึ่งเป็นมาตรการเช่นเดียวกับต่างประเทศทั่วโลก นอกจากนี้จากข้อมูลในต่างประเทศที่ได้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโอไมครอน มีแนวโน้มว่าความรุนแรงของเชื้อไม่สูงมาก ซึ่ง สธ.ติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด แต่ขอให้ประชาชนคงมาตรการป้องกันที่เข้มงวด

โฆษก สธ. กล่าวอีกว่า สธ. ได้เตรียมเสนอมาตรการเพิ่มต่อ ศบค.สัปดาห์นี้ คือ ห้ามหรือจำกัดการเดินทางของกลุ่มประเทศเสี่ยงเข้ามาไทย ซึ่งเริ่มทำแล้วและจับตาประเทศที่มีผู้นำเชื้อโอไมครอนเข้าไปและพบผู้ติดเชื้อแล้ว ว่า มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้เสนอให้ปรับการตรวจคัดกรอง RT-PCR เพื่อตรวจจับเชื้อได้ดีกว่าการตรวจ ATK และประสานหน่วยความมั่นคงสกัดกั้นการลักลอบการเดินทางเข้าไทยตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด


สำหรับจำนวนผู้เดินทางเข้าไทยทางอากาศ ตั้งแต่วันที่ 1-27 พฤศจิกายน 2564 ข้อมูลจาก สธ.พบมีจำนวนทั้งสิ้น 116,323 ราย พบติดเชื้อ 149 ราย คิดเป็น 0.13% เฉพาะวานนี้ (27 พ.ย.) เดินทางเข้ามา 6,115 ราย พบผู้ติดเชื้อ 5 ราย ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อทุกรายถูกส่งเข้าระบบการรักษาพยาบาลและส่งตรวจหาสายพันธุ์เพื่อการเฝ้าระวัง โดย 10 ประเทศที่มีผู้เดินทางเข้ามามากที่สุด คือ สหรัฐ เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลีใต้ ฝรั่งเศส UAE และสิงคโปร์ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ