สปสช.เผย 10 อันดับหน่วยให้บริการกรณีโควิด-19 สูงสุด

กรุงเทพฯ 24 ต.ค. – สปสช.เผย 10 อันดับ “หน่วยบริการให้บริการกรณีโควิด-19 สูงสุด” ร่วมดูแล รักษาพยาบาลประชาชน ช่วงสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 พร้อมย้ำค่าบริการค้างจ่าย อยู่ระหว่างเสนอของบ พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพิ่มแล้ว


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สปสช.ได้รับมอบภารกิจสำคัญจากรัฐบาล คือ การเตรียมพร้อมงบประมาณและจัดสรรเงินเพื่อดูแลประชาชนให้เข้าถึงบริการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ทั้งการบริการคัดกรอง การป้องกัน และการรักษาพยาบาล ซึ่งในปีงบประมาณ 2564 สปสช.ได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ โควิด-19 จำนวน 4 รอบ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 30,348.35 ล้านบาท

1. รพ.มหาราชนครราชสีมา รวมเป็นจำนวนเงิน 910,267,725 บาท 2. รพ.สมุทรปราการ 807,853,029 บาท 3. สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง 791,352,806 บาท 4. รพ.ชลบุรี 746,895,589 บาท 5. รพ.สมุทรสาคร 583,629,286 บาท 6. รพ.เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ 547,431,303 บาท 7. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี 544,371,936 บาท 8. รพ.เวิลด์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ 540,798,934 บาท 9. รพ.มงกุฎวัฒนะ 501,915,299 บาท และ 10. รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 492,655,396 บาท


เมื่อแยกข้อมูลประเภทบริการ หน่วยบริการที่ให้บริการคัดกรองเชื้อโควิด-19 ที่มียอดเบิกจ่ายสูงสุด 10 อันดับแรก ดังนี้ 1. สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง 789,512,006 บาท 2. สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี 544,247,036 บาท 3. รพ.สมุทรปราการ 478,422,661 บาท 4. รพ.มหาราชนครราชสีมา 403,434,481 บาท 5. รพ.ชลบุรี 379,960,074 บาท 6. รพ.ระยอง 348,046,220 บาท 7. คลินิกเทคนิคการแพทย์วิประกษิต 338,696,820 บาท 8. รพ.บางละมุง 329,408,592 บาท 9. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข 316,493,985 บาท และ 10. รพ.เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ 316,159,220 บาท

หน่วยบริการที่ให้บริการรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยโควิด-19 ที่มียอดเบิกจ่ายสูงสุด 10 อันดับแรก ดังนี้ 1. รพ.มหาราชนครราชสีมา 494,608,364.49 บาท 2. รพ.ชลบุรี 354,748,172 บาท 3. รพ.มงกุฎวัฒนะ 354,018,099 บาท 4. รพ.สมุทรปราการ 317,229,169 บาท 5. รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย 315,761,431 บาท 6. รพ.สมุทรสาคร 315,106,772 บาท 7. รพ.เลิดสิน 262,654,973 บาท 8. รพ.พระนั่งเกล้า 230,003,949 บาท 9. รพ.ปัตตานี 223,189,459 บาท และ 10. รพ.สวรรค์ประชารักษ์ 211,038,071 บาท

หน่วยบริการที่ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation : HI) ที่มียอดการเบิกจ่ายสูงสุด 10 อันดับแรก ดังนี้ 1. พริบตาแทนเจอรีนสหคลินิก 19,450,800 บาท 2. สถานีกาชาดที่ 11 วิเศษนิยม 19,306,400 บาท 3. รพ.กระทุ่มแบน 11,751,420 บาท 4. รพ.นครปฐม 10,963,730 บาท 5. รพ.ท่าสองยาง 8,145,710 บาท 6. รพ.บางละมุง 7,083,830 บาท 7. รพ.ศิริราช 7,031,780 บาท 8. รพ.ราชพิพัฒน์ 6,768,568 บาท 9.รพ.บ้านโป่ง 6,559,347 บาท และ 10. รพ.สิชล 6,327,000 บาท


หน่วยบริการที่ให้บริการวิกฤตฉุกเฉินกรณีโรคโควิด-19 ที่มียอดการเบิกจ่ายสูงสุด 10 อันดับแรก ดังนี้ 1. รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง 459,154,251 บาท 2. รพ.ปิยะเวท 331,784,171 บาท 3. รพ.เวิลด์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ 287,014,673 บาท 4. รพ.วิภาราม 262,079,633 บาท 5. รพ.เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ 230,569,923 บาท 6. รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ 204,782,237 บาท 7. รพ.วิภาวดี 193,972,990 บาท 8. รพ.จุฬารัตน์ 9 จำนวน 159,701,790 บาท 9. รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น 159,222,223 บาท และ 10. รพ.เกษมราษฎร์ บางแค 143,877,606 บาท

นอกจากนี้ยังมีหน่วยบริการที่ร่วมให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามนโยบายรัฐบาล ที่มียอดการเบิกจ่ายสูงสุด 10 อันดับแรก ดังนี้ 1. สถาบันโรคผิวหนัง 58,790,280 บาท 2. รพ.ปิยะเวท 25,253,200 บาท 3. สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร 23,812,880 บาท 4. รพ.แพทย์รังสิต 20,299,920 บาท 5. รพ.บุรีรัมย์ 20,293,440 บาท 6. รพ.จุฬารัตน์ 3 อินเตอร์ 18,919,880 บาท 7. รพ.จุฬาฯ 18,173,280 บาท 8. รพ.สมุทรสาคร 12,620,800 บาท 9. รพ.บางปะกอก 8 จำนวน 12,206,280 บาท และ 10. รพ.รามาธิบดี 11,895,440 บาท

นพ.จเด็จ กล่าวว่า จากการติดเชื้อโควิด-19 ที่แพร่กระจาย ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายดูแลและรักษาพยาบาลที่สูงขึ้นตาม ทำให้ปีงบประมาณ 2564 มียอดการเบิกจ่ายค่าบริการกรณีโควิด-19 สูงถึงจำนวน 50,180.41 ล้านบาท ซึ่งเกินจากงบประมาณที่จัดเตรียมรองรับถึงจำนวน 20,829.23 ล้านบาท ขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างของบประมาณเพิ่มเติมภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินฯ เพื่อนำมาจ่ายชดเชยค่าบริการที่ยังคงค้างแล้ว ทั้งนี้ สปสช. ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยบริการที่ได้ร่วมกันดูแลประชาชนในช่วงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมา จนทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้

ทั้งนี้ สปสช.ได้นำข้อมูลรายรับค่าบริการโรคโควิด-19 ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2564 ที่แต่ละหน่วยบริการได้รับ ทั้งคัดกรอง รักษา ฉีดวัคซีน การดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่บ้านและที่ชุมชน (HI-CI) และ UCEP หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติเฉพาะสิทธิ UC หรือสิทธิบัตรทอง เผยแพร่ทางเว็บไซต์ สปสช.แล้ว สามารถเข้าดูได้ที่ www.nhso.go.th. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]

จนท.ตรึงกำลังเข้มบ้านหนองจาน หวั่นเผชิญหน้า

สระแก้ว 28 ส.ค. – คนไทยรวมพลบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว แสดงพลังปกป้องแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังเข้ม หวั่นเหตุเผชิญหน้า หลังชาวกัมพูชาท้าทาย ขณะที่ “กัน จอมพลัง” ขนรถดูดส้วม 14 คัน เสิร์ฟเขมร.-สำนักข่าวไทย