10 คณบดีคณะแพทย์ หนุนมติ คกก.โรคติดต่อฯ

สำนักข่าวไทย 15 ก.ค.–10 คณบดีคณะแพทย์หนุน มติ คกก.โรคติดต่อแห่งชาติ ทั้งฉีดวัคซีนไขว้สลับชนิด เข็ม 1 ซิโนแวค และ เข็ม 2 แอสตราฯ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้นในระยะเวลาอันสั้น คุมโควิดสายพันธุ์เดลตา หลังพบมีอัตราการแพร่ระบาดกว่า ร้อยละ 69 แล้ว และเดินหน้าฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในหมอพยาบาล ไม่เกี่ยงเป็นไวรัลเวกเตอร์ หรือ m-RNA โดยเข็ม 3 นี้ห่างจากการรับเข็ม 2 ที่ซิโนแวค 4 สัปดาห์


แหล่งข่าวระดับสูงจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) ให้ข้อมูลว่า จากกรณีเรื่องการให้วัคซีนสลับชนิด เนื่องจากมีการศึกษาวิจัยว่า จะมีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิดสายพันธุ์กลายพันธุ์ โดยเฉพาะเดลตา(อินเดีย) ที่กำลังระบาดหนัก ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.ค 64 ที่ผ่านมา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ 10 คณะในฐานะคณะที่ปรึกษา สธ.ใน ศบค. ออกแถลงการณ์สนับสนุนมาตรการฉีดวัคซีนสลับเข็ม และวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ตามมติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 7/2564 เนื่องจากมีข้อเสนอแนะให้มีการทบทวนข้อมูลทางวิชาการ เรื่อง การให้วัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน1เข็มกับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) 2 เข็ม และการให้วัคซีนโควิด19 แบบสลับชนิด ตามด้วยวัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) สำหรับประชาชนกลุ่ม เป้าหมาย ตามมติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 นั้น

แหล่งข่าวระบุว่า คณะที่ปรึกษา สธ.ใน ศบค.มีความเห็นว่า มติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเป็นมติที่ควรได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยมีเหตุผลสนับสนุนดังต่อไปนี้ สำหรับมาตรการฉีดวัคซีนสลับเข็มสำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย


1.เชื้อก่อโรคโควิด19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รายงานว่า ในกรุงเทพมหานครมีสายพันธุ์เดลตาเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดพบว่ามีสายพันธุ์เดลตา ร้อยละ 69 จากข้อมูลสำรวจรายสัปดาห์ ทั้งนี้ สายพันธุ์เดลตาแพร่ได้เร็ว อัตราตายสูง และดื้อต่อวัคซีนที่พัฒนาจากสายพันธุ์เดิม

  1. ผลการศึกษาภูมิคุ้มกันชนิด Neutralizing Antibody ต่อสายพันธุ์เดลตา พบว่า วัคซีนแอสตราฯ เข็มแรก และวัคซีนซิโนแวค สองเข็ม เพียงอย่างเดียว กระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตาได้ไม่ดี
  2. วัคซีนแอสตราฯ 1เข็ม ยังกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ไม่สูงพอจะกันป่วยหนักจากสายพันธุ์เดลตา ทำให้ประเทศอังกฤษประกาศร่นระยะเวลาการฉีดวัคซีนแอสตราฯ 2เข็ม จาก 12 สัปดาห์ เหลือ 8 สัปดาห์
  3. วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ไม่สูงพอที่จะกันป่วยหนักจากสายพันธุ์เดลตาได้ ทำให้มีรายงานบุคลากรทางการแพทย์เสียชีวิตหลายร้อยรายในประเทศอินโดนีเซีย
  4. ในระบบการให้วัคซีนของประเทศไทย มีผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด19 แบบสลับชนิด โดยเข็มแรกฉีดวัคซีนซิโนแวค ตามด้วยวัคซีนแอสตราฯ เป็นเข็มที่สอง จำนวน 1,102 ราย เนื่องจากสาเหตุบางประการ ทำให้ไม่สามารถรับวัคซีนซิโนแวคเข็มที่2ได้ เช่น เกิดภาวะไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่1โดยทั้ง 1,102 รายนี้ ได้รับการติดตามอาการไม่พึงประสงค์ในระบบของกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่มีรายงานอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงหรือเสียชีวิต และยังไม่มีรายงานการติดเชื้อก่อโรคโควิด ในคนกลุ่มนี้ จากฐานข้อมูลของกรมควบคุมโรค ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 2564
  5. ผลการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันของผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 แบบสลับชนิด โดยเข็มแรกฉีดวัคซีนซิโนแวคและตามด้วยวัคซีนแอสตราฯ เป็นเข็มที่สอง จำนวน 36 ราย โดยคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจำนวน 17 ราย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับ นักวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พบว่า ระดับภูมิคุ้มกันหลังฉีดวัคซีนแบบสลับชนิดสูงกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม ถึง 8 เท่า และผลการตรวจภูมิคุ้มกันต่อเชื้อสายพันธุ์เดลตา พบว่า ภูมิคุ้มกันต่อเชื้อสายพันธุ์เดลตามีค่าสูงทุกราย และอนุมานได้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีนสูตรนี้ต่อสายพันธุ์เดลตา น่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 80
  6. การให้วัคซีนโควิด 19 แบบสลับชนิด ซิโนแวคตามด้วยแอสตราฯ น่าจะทำให้ผู้ได้รับวัคซีนมีภูมิคุ้มกันสูงต่อเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้รวดเร็วกว่าการให้วัคซีนแอสตรา 2 เข็มห่างกัน 8 สัปดาห์ โดยการให้วัคซีนโควิด แบบสลับชนิด ซิโนแวค ตามด้วยแอสตราฯ น่าจะทำให้ระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อสายพันธุ์เดลตาสูง เมื่อ 5-6 สัปดาห์หลังฉีดเข็มที่ 1
  7. เนื่องจากประเทศไทยมีการใช้วัคซีนซิโนแวคเป็นจำนวนมาก ในสถานการณ์ที่เชื้อสายพันธุ์เดลตาระบาดรุนแรง ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้สูงและรวดเร็ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากการใช้วัคซีนที่มีอยู่ต่อการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากสายพันธุ์เดลตา มติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา นั้นมีความเหมาะสมแล้วในสถานการณ์ปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามสำหรับมาตรการการให้วัคซีนเข็มกระตุ้น 1 เข็ม หลังจากที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มในบุคลากรด่านหน้า นั้น เป็นไปตามข้อมูลที่ได้ติดตามผลการตรวจภูมิคุ้มกันหลังจากได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม พบว่า ระดับภูมิคุ้มกันไม่สูงพอสำหรับเชื้อสายพันธุ์อินเดีย จึงมีข้อแนะนำให้ฉีดกระตุ้นในบุคลากรด่านหน้าได้ โดยอาจเป็นวัคซีนแอสตราฯ หรือวัคซีนชนิด mRNA อย่างน้อย 4 สัปดาห์หลังจากวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 2โดยมติดังกล่าว เป็นเรื่องเร่งด่วนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าที่จะต้องปฏิบัติภารกิจคัดกรอง ตรวจวินิจฉัย และรักษาผู้ป่วยโควิด สายพันธุ์เดลตา อย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่สามารถรอให้มีหลักฐานพิสูจน์ทราบว่าวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มไม่ได้ผล คือ การพบบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าป่วยหนักหรือสูญเสียชีวิตได้ ดังนั้น แม้จะยังไม่มีหลักฐานถึงประสิทธิภาพที่ชัดเจน แต่เนื่องจากมีข้อมูลยืนยันว่าการให้วัคซีนเข็มกระตุ้น 1 เข็ม หลังจากที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ชัดเจน และพบผลไม่พึงประสงค์รุนแรงได้ไม่บ่อย .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : คอมมาลา แฮร์ริส

รายงานศึกชิงทำเนียบขาว 2024 พาไปรู้จักกับนางคอมมาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการเปลี่ยนม้าใหม่กลางศึก หากชนะได้เธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐด้วย

เปิดโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน