สธ. 11 ก.พ. – สธ.แจงเมื่อวัคซีนโควิด 2 แสนโดส มาถึงไทย จะกระจายฉีดใน 3 จังหวัด และหากวัคซีนมีปริมาณมากพอ จะกระจายฉีดทุกพื้นที่
นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานอนุกรรมการบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 กล่าวถึงการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ว่า นโยบายการให้วัคซีนโควิด-19 กับประชาชน คือ ทุกคนในประเทศไทย รวมถึงแรงงานต่างด้าว เข้าถึงวัคซีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค โดยเป้าหมายการให้วัคซีน คือ 1. เพื่อลดอัตราการป่วยและตาย กลุ่มเป้าหมายเป็นประชากรกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยรุนแรงและเสียชีวิตหากติดเชื้อ ได้แก่ ประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 2. เพื่อปกป้องระบบสุขภาวะของประเทศ กลุ่มเป้าหมายเป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยในงาน และ 3. เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ กลุ่มเป้าหมายเป็นแรงงานในภาคธุรกิจบริการ อุตสาหกรรม และประชาชนทั่วไป ซึ่งกรณีที่เป็นแรงงานต่างชาติจะเป็นการร่วมจ่ายโดยเจ้าของกิจการ
นพ.โสภณ กล่าวว่า กลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เมื่อมีวัคซีนปริมาณจำกัด วัตถุประสงค์เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรค และเพื่อรักษาระบบสุขภาพของประเทศ กลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน, บุคคลที่มีโรคประจำตัว โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหอบหืดที่ควบคุมได้ไม่ดี เป็นต้น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเรื้อรังที่อยู่ระยะ 5 ขึ้นไป โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิดที่อยู่ระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัด และภูมิคุ้มกันบำบัด โรคเบาหวาน และโรคอ้วน ที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือ BMI มากกว่า 35 กิโลกรัม/ตารางเมตร, ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย
นพ.โสภณ กล่าวว่า ส่วนระยะที่ 2 เมื่อมีวัคซีนมากและเพียงพอ วัตถุประสงค์เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ และเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากร ฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเป้าหมายในระยะที่ 1 และเพิ่มเติมกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นๆ ที่นอกเหนือจากด่านหน้า, ผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว เช่น พนักงานโรงแรม สถานบันเทิง มัคคุเทศก์, ผู้เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน/ลูกเรือ นักธุรกิจระหว่างประเทศ, ประชาชนทั่วไป, นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ และแรงงานในภาคอุตสาหกรรม
นพ.โสภณ ยังกล่าวว่า เมื่อได้รับวัคซีนซิโนแวค 200,000 โดส ภายในเดือนกุมภาพันธ์ จะมีการกระจายไปใน 3 จังหวัดก่อน ได้แก่ สมุทรสาคร กทม. และตาก เพื่อควบคุมการระบาดในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย