สธ.พบผู้ป่วยโควิดอีก6 ราย

สธ.2ธ.ค.-สธ.พบผู้ป่วยโควิด-19 ลอบเข้าประเทศเพิ่มอีก 6 ราย อยู่ที่พะเยา กทม.พิจิตร ราชบุรี และเชียงใหม่ 2 ราย มีความเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงในจังหวัดท่าขี้เหล็กเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ 4 รายแรก ขณะนี้อยู่ในการกักกันดูแลรักษา และติดตามผู้สัมผัส ขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ ขอคนไทยอยากกลับบ้าน เข้าเมืองถูกกฎหมาย


วันนี้ (2ธ.ค.) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวความคืบหน้าการสอบสวนโรคผู้ป่วยโควิด-19 จากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา

นพ.ธงชัย กล่าวว่า ขณะนี้เราพบคนไทยจำนวน 10 ราย ที่ติดเชื้อโควิด-19 มาจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติและเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการกักตัวและรักษาในโรงพยาบาล อาการอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนผู้สัมผัสของผู้ป่วยทั้ง10 ราย จากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีรายใดติดเชื้อ สรุปว่ายังไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศ เป็นการนำเข้าเชื้อมา


ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบการควบคุมป้องกันโรคว่าจะไม่เกิดการระบาดเหมือนช่วงต้นปี 2563 เนื่องจากประเทศไทยมีองค์ความรู้และประสบการณ์มากขึ้น แต่ต้องขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังภายในพื้นที่ของตนเองว่า มีคนไทยหรือชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาโดยไม่ได้รับการกักกัน 14วันหรือไม่ หากพบขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นผู้สัมผัสหรือเป็นผู้ติดเชื้อเองได้ และขอให้ทุกคนยังคงมาตรการป้องกันตนเอง โดยการสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง

“ผู้ลักลอบเข้าประเทศมีความผิดตามกฎหมาย ทั้ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งขอให้ผู้ที่ไปทำงานในต่างประเทศและจะเดินทางกลับมา มีความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศ ด้วยการเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายตามช่องทางที่วางไว้ เพื่อเข้ารับการกักกัน 14 วัน และตรวจหาเชื้อ หากพบเชื้อจะได้รับการรักษา แต่หากลักลอบเข้ามาและไปในสถานที่ต่างๆ ทำให้มีผู้สัมผัสจำนวนมาก และต้องใช้งบประมาณสูงในการดำเนินการควบคุมสอบสวนโรค ติดตามผู้สัมผัสมาตรวจหาเชื้อ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่า 2 พันบาทต่อราย ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทุกที่ในประเทศไทย ด้วยคงมาตรการใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่าง” นพ.ธงชัย กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มาจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จำนวน 10 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยเก่าที่แถลงข่าวไปแล้ว 4 ราย คือ เพศหญิงอายุ 29 ปีที่จังหวัดเชียงใหม่ เพศหญิงอายุ 26 ปี 23 ปี และ 25 ปีที่จังหวัดเชียงราย จากการตรวจหาเชื้อผู้สัมผัสขณะนี้ยังไม่พบผู้ใดติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของรายที่เชียงใหม่ ที่มีการไปเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกัน มีการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ก็ยังไม่พบการติดเชื้อเช่นกัน สำหรับผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 6 ราย เป็นเพศหญิงทั้งหมด โดยเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงเดียวกันที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก มีรายละเอียดดังนี้


เพศหญิงอายุ 28 ปี จังหวัดพะเยา กลับเข้าประเทศไทยวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยเส้นทางธรรมชาติมายังอำเภอแม่สาย วันที่ 28 พฤศจิกายน เพื่อนขับจักรยานยนต์มาส่ง จากนั้นเหมารถแท็กซี่มาที่อำเภอเมืองเชียงราย พักห้องเช่าของเพื่อน มีออกไปซื้ออาหาร วันที่ 29 พฤศจิกายน อยู่ในห้องพัก ช่วงเย็นแฟนขับรถยนต์พาไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค แต่อยู่เฉพาะลานเบียร์ จากนั้นไปโรงแรมที่พัก วันที่ 30 พฤศจิกายน ออกจากโรงแรมไปรับการตรวจหาเชื้อที่จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางกลับพะเยามาเข้ารับการรักษาในห้องแยกโรค โรงพยาบาลพะเยา วันที่ 1 ธันวาคม ทราบผลว่าเป็นโควิด-19

เพศหญิงอายุ 21 ปี กรุงเทพมหานคร วันที่ 17-27 พฤศจิกายน ไปเที่ยวสถานบันเทิงที่ท่าขี้เหล็กพร้อมเพื่อนที่อยู่จังหวัดพิจิตร วันที่ 28 พฤศจิกายน กลับเข้าประเทศไทยโดยเส้นทางธรรมชาติที่อำเภอแม่สายมีรถจักรยานยนต์รับจ้างมาส่งที่โรงแรม ต่อมาเริ่มมีไข้ เจ็บคอ น้ำมูก จากนั้นเรียกรถไปส่งที่สนามบินเชียงรายขึ้นเครื่องบินมาลงสนามบินดอนเมือง นั่งแท็กซี่กลับที่พัก วันที่ 29 พฤศจิกายน ไปรับการตรวจที่คลินิกแพทย์ได้รับคำแนะนำให้ไปโรงพยาบาล จึงนั่งรถยนต์ส่วนตัวมากับแฟนไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน ผลการตรวจพบเชื้อโควิด-19

เพศหญิงอายุ 25 ปี จังหวัดพิจิตร เป็นเพื่อนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงที่ท่าขี้เหล็กกับรายกรุงเทพมหานคร โดยเดินทางกลับมาพร้อมกันจนถึงสนามบินดอนเมืองเมื่อวันที่ 28พฤศจิกายน จากนั้นต่อเครื่องไปลงสนามบินพิษณุโลก มีเพื่อนมารับกลับจังหวัดพิจิตร พักอาศัยกับเพื่อนที่มารับ โดยวันที่ 28-30 พฤศจิกายน มีออกไปรับประทานอาหารข้างนอกและทำเล็บ วันที่ 1 ธันวาคม เมื่อทราบผลการสอบสวนโรคของรายกรุงเทพมหานคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิจิตรจึงติดตามมาตรวจหาเชื้อ นำเข้าสู่การกักกัน และ ผลตรวจยืนยันพบเชื้อ

เพศหญิงอายุ 36 ปี จังหวัดราชบุรี วันที่ 3-28 พฤศจิกายนอยู่ที่เมียนมา โดยวันที่ 23-24 พฤศจิกายนไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วสังเกตว่าเพื่อนร่วมห้องเริ่มมีอาการป่วย วันที่ 26 พฤศจิกายน ตนเองเริ่มมีอาการไอ น้ำมูก เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ จึงซื้อยามากิน วันที่ 29 พฤศจิกายน เดินทางกลับประเทศไทยโดยช่องทางธรรมชาติ จากนั้นไปสนามบินเชียงรายด้วยรถยนต์ของเพื่อน นั่งเครื่องบินถึงสนามบินดอนเมือง ขึ้นแท็กซี่ไปสถานีขนส่งหมอชิต นั่งรถตู้กลับจังหวัดราชบุรี เมื่อถึงใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้างไปโรงพยาบาลเอกชนเพื่อตรวจรักษา วันที่ 1 ธันวาคม ทราบผลว่าเพื่อนติดเชื้อโควิด 19 แพทย์จึงส่งตรวจหาเชื้อและส่งต่อรักษาโรงพยาบาลราชบุรี วันที่ 2 ธันวาคม ผลตรวจยืนยันพบเชื้อ

เพศหญิงอายุ 23 ปี และ 25 ปี จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 26 พฤศจิกายนเดินทางกลับเข้าประเทศทางช่องทางธรรมชาติ พร้อมเพื่อนรวมเป็น 3 คน วันที่ 27 พฤศจิกายน นอนค้างบ้านเพื่อนที่อำเภอแม่สาย วันที่ 28 พฤศจิกายน เดินทางกลับมาที่พักที่เชียงใหม่ วันที่ 29พฤศจิกายน ให้ประวัติว่าอยู่ในที่พักตลอด วันที่ 30 พฤศจิกายน ผู้ติดเชื้อที่พะเยามาหาหลังจากไปตรวจหาเชื้อ วันที่ 1 ธันวาคม ไปฟังผลแทนเพื่อนพบว่าราย จ.พะเยาติดเชื้อ ทำให้เพื่อน 2 คนมารับการตรวจด้วย ผลพบติดเชื้อ 2 ราย เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลนครพิงค์ ส่วนอีกรายผลเป็นลบ อยู่ระหว่างการกักกันเฝ้าระวังอาการ

นพ.โสภณ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ โดยกำลังเร่งติดตามผู้สัมผัสทุกราย ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายมีผู้สัมผัสมากน้อยต่างกัน หากมีความรับผิดชอบสูงจะแยกตัว มีกิจกรรมภายนอกน้อย ทำให้มีผู้สัมผัสน้อย แต่บางรายมีการออกไปทำกิจกรรมจำนวนมากทำให้มีผู้สัมผัสมากถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะได้รับการกักกัน 14 วัน และตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำจะให้แยกตนเองเฝ้าระวังอาการ หากมีอาการให้รีบติดต่อเพื่อตรวจหาเชื้อ โดยเป็นมาตรฐานการปฏิบัติงานของทุกพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยทั้งหมด 10 ราย พบว่า ไม่มีอาการ 5 ราย ทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อน้อยกว่าผู้ที่มีอาการ ส่วนอีก 5 รายมีอาการแต่ไม่รุนแรง สำหรับผู้ที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องอยู่ใกล้ชิดหรืออยู่ในสถานที่เสี่ยงเดียวกับผู้ป่วยทั้ง 10 รายนี้ ขอให้ไปแสดงตัวกับบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาลเพื่อรับคำแนะนำในการปฏิบัติตนเอง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Taiwanese actress Barbie Hsu, who died of influenza at 48 sepia

“ซันไช่” นางเอกจาก F4 ซีรีส์ดังไต้หวันเสียชีวิตแล้ว

ไทเป 3 ก.พ.- ต้าเอส หรือที่ผู้ชมรู้จักในบทบาท “ซันไช่” นางเอกจากเรื่องรักใสใส หัวใจสี่ดวง (Meteor Garden) ซีรีส์ดังของไต้หวันในช่วงปี 2544 เสียชีวิตในวัย 48 ปี เพราะอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสหรือบาร์บี สวี มีชื่อจริงว่า สวี ซีหยวน เป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชียจากซีรีส์ดังที่คนมักเรียกกันสั้น ๆ เอฟ 4 (F4) มีข่าวลือแพร่สะพัดในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า เธอเสียชีวิตแล้ว และยิ่งเป็นกระแสหนักขึ้นไปอีกเมื่อนายหวัง เสี่ยวเฟย อดีตสามีที่เป็นนักธุรกิจได้เปลี่ยนรูปโพรไฟล์ในสื่อสังคมออนไลน์เป็นสีดำ และในเช้าวันนี้น้องสาวของเธอ สวี ซีตี้ ที่รู้จักในวงการบันเทิงว่า เสี่ยวเอส ยืนยันด้วยการส่งถ้อยแถลงถึงสถานีโทรทัศน์ทีวีบีเอส นิวส์ (TVBS News) ว่าพี่สาวของเธอถึงแก่กรรมเพราะปอดอักเสบที่เป็นอาการแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ต้าเอสเกิดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 เริ่มเข้าวงการในฐานะศิลปินคู่กับเสี่ยวเอสในชื่อวง เอสโอเอส  “S.O.S” เมื่อปี 2537 เธอมีลูก 2 คนกับอดีตสามี […]

“เต้ มงคลกิตติ์” หอบกล้องวงจรปิด 34 จุดคดี “แตงโม” มอบดีเอสไอ

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อมอบหลักฐานและให้ข้อมูลดีเอสไอ หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

“อนุทิน” ยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวค่าสลาก

“อนุทิน” บอกยังไม่รู้ ปม “โจ้มหาเฮง” แจ้งความเอาผิดคุณนายผู้ว่าฯ เบี้ยวเงินค่าสลาก ชี้หากจริง ผู้ว่าฯ เหนื่อยแน่

ข่าวแนะนำ

สมช.เคาะพรุ่งนี้ 9 โมง! ตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุด

สมช.เคาะตัดไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมัน 5 จุดในเมียนมา โยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พรุ่งนี้ 09.00 น. เชื่อ เข้าใจหลังมีการหารือแจ้งให้เตรียมความพร้อมแล้ว ย้ำ ไม่แทรกแซงเรื่องภายใน

ผบช.ภ.2 สั่งย้าย ผกก.สภ.องครักษ์ เซ่นปม จนท.บุกทลายบ่อน

รมว.มหาดไทย ชื่นชมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนนครนายก ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งย้ายผู้กำกับการ สภ.องครักษ์ เซ่นปมบ่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใครบกพร่อง-รับผลประโยชน์ ยืนยันเอาผิดไม่มีละเว้น

ตร.เชื่อชิงทอง 113 บาท ก่อเหตุคนเดียว วางแผนมาอย่างดี

เหตุคนร้ายชิงทองในร้านทองกลางห้างดัง ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้ทองรูปพรรณ 113 บาท มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ตำรวจเชื่อคนร้ายก่อเหตุเพียงคนเดียว และวางแผนมาเป็นอย่างดี