สธ.พบผู้ป่วยโควิดอีก6 ราย

สธ.2ธ.ค.-สธ.พบผู้ป่วยโควิด-19 ลอบเข้าประเทศเพิ่มอีก 6 ราย อยู่ที่พะเยา กทม.พิจิตร ราชบุรี และเชียงใหม่ 2 ราย มีความเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงในจังหวัดท่าขี้เหล็กเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ 4 รายแรก ขณะนี้อยู่ในการกักกันดูแลรักษา และติดตามผู้สัมผัส ขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ ขอคนไทยอยากกลับบ้าน เข้าเมืองถูกกฎหมาย


วันนี้ (2ธ.ค.) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวความคืบหน้าการสอบสวนโรคผู้ป่วยโควิด-19 จากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา

นพ.ธงชัย กล่าวว่า ขณะนี้เราพบคนไทยจำนวน 10 ราย ที่ติดเชื้อโควิด-19 มาจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติและเดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการกักตัวและรักษาในโรงพยาบาล อาการอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนผู้สัมผัสของผู้ป่วยทั้ง10 ราย จากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีรายใดติดเชื้อ สรุปว่ายังไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศ เป็นการนำเข้าเชื้อมา


ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบการควบคุมป้องกันโรคว่าจะไม่เกิดการระบาดเหมือนช่วงต้นปี 2563 เนื่องจากประเทศไทยมีองค์ความรู้และประสบการณ์มากขึ้น แต่ต้องขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังภายในพื้นที่ของตนเองว่า มีคนไทยหรือชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาโดยไม่ได้รับการกักกัน 14วันหรือไม่ หากพบขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นผู้สัมผัสหรือเป็นผู้ติดเชื้อเองได้ และขอให้ทุกคนยังคงมาตรการป้องกันตนเอง โดยการสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง

“ผู้ลักลอบเข้าประเทศมีความผิดตามกฎหมาย ทั้ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งขอให้ผู้ที่ไปทำงานในต่างประเทศและจะเดินทางกลับมา มีความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศ ด้วยการเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายตามช่องทางที่วางไว้ เพื่อเข้ารับการกักกัน 14 วัน และตรวจหาเชื้อ หากพบเชื้อจะได้รับการรักษา แต่หากลักลอบเข้ามาและไปในสถานที่ต่างๆ ทำให้มีผู้สัมผัสจำนวนมาก และต้องใช้งบประมาณสูงในการดำเนินการควบคุมสอบสวนโรค ติดตามผู้สัมผัสมาตรวจหาเชื้อ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่า 2 พันบาทต่อราย ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวล สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทุกที่ในประเทศไทย ด้วยคงมาตรการใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่าง” นพ.ธงชัย กล่าว

นพ.โสภณ กล่าวว่า ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มาจากจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา จำนวน 10 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยเก่าที่แถลงข่าวไปแล้ว 4 ราย คือ เพศหญิงอายุ 29 ปีที่จังหวัดเชียงใหม่ เพศหญิงอายุ 26 ปี 23 ปี และ 25 ปีที่จังหวัดเชียงราย จากการตรวจหาเชื้อผู้สัมผัสขณะนี้ยังไม่พบผู้ใดติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงของรายที่เชียงใหม่ ที่มีการไปเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกัน มีการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ก็ยังไม่พบการติดเชื้อเช่นกัน สำหรับผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 6 ราย เป็นเพศหญิงทั้งหมด โดยเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงเดียวกันที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก มีรายละเอียดดังนี้


เพศหญิงอายุ 28 ปี จังหวัดพะเยา กลับเข้าประเทศไทยวันที่ 27 พฤศจิกายน โดยเส้นทางธรรมชาติมายังอำเภอแม่สาย วันที่ 28 พฤศจิกายน เพื่อนขับจักรยานยนต์มาส่ง จากนั้นเหมารถแท็กซี่มาที่อำเภอเมืองเชียงราย พักห้องเช่าของเพื่อน มีออกไปซื้ออาหาร วันที่ 29 พฤศจิกายน อยู่ในห้องพัก ช่วงเย็นแฟนขับรถยนต์พาไปเที่ยวงานสิงห์ปาร์ค แต่อยู่เฉพาะลานเบียร์ จากนั้นไปโรงแรมที่พัก วันที่ 30 พฤศจิกายน ออกจากโรงแรมไปรับการตรวจหาเชื้อที่จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางกลับพะเยามาเข้ารับการรักษาในห้องแยกโรค โรงพยาบาลพะเยา วันที่ 1 ธันวาคม ทราบผลว่าเป็นโควิด-19

เพศหญิงอายุ 21 ปี กรุงเทพมหานคร วันที่ 17-27 พฤศจิกายน ไปเที่ยวสถานบันเทิงที่ท่าขี้เหล็กพร้อมเพื่อนที่อยู่จังหวัดพิจิตร วันที่ 28 พฤศจิกายน กลับเข้าประเทศไทยโดยเส้นทางธรรมชาติที่อำเภอแม่สายมีรถจักรยานยนต์รับจ้างมาส่งที่โรงแรม ต่อมาเริ่มมีไข้ เจ็บคอ น้ำมูก จากนั้นเรียกรถไปส่งที่สนามบินเชียงรายขึ้นเครื่องบินมาลงสนามบินดอนเมือง นั่งแท็กซี่กลับที่พัก วันที่ 29 พฤศจิกายน ไปรับการตรวจที่คลินิกแพทย์ได้รับคำแนะนำให้ไปโรงพยาบาล จึงนั่งรถยนต์ส่วนตัวมากับแฟนไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน ผลการตรวจพบเชื้อโควิด-19

เพศหญิงอายุ 25 ปี จังหวัดพิจิตร เป็นเพื่อนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงที่ท่าขี้เหล็กกับรายกรุงเทพมหานคร โดยเดินทางกลับมาพร้อมกันจนถึงสนามบินดอนเมืองเมื่อวันที่ 28พฤศจิกายน จากนั้นต่อเครื่องไปลงสนามบินพิษณุโลก มีเพื่อนมารับกลับจังหวัดพิจิตร พักอาศัยกับเพื่อนที่มารับ โดยวันที่ 28-30 พฤศจิกายน มีออกไปรับประทานอาหารข้างนอกและทำเล็บ วันที่ 1 ธันวาคม เมื่อทราบผลการสอบสวนโรคของรายกรุงเทพมหานคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิจิตรจึงติดตามมาตรวจหาเชื้อ นำเข้าสู่การกักกัน และ ผลตรวจยืนยันพบเชื้อ

เพศหญิงอายุ 36 ปี จังหวัดราชบุรี วันที่ 3-28 พฤศจิกายนอยู่ที่เมียนมา โดยวันที่ 23-24 พฤศจิกายนไปเที่ยวสถานบันเทิง แล้วสังเกตว่าเพื่อนร่วมห้องเริ่มมีอาการป่วย วันที่ 26 พฤศจิกายน ตนเองเริ่มมีอาการไอ น้ำมูก เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ จึงซื้อยามากิน วันที่ 29 พฤศจิกายน เดินทางกลับประเทศไทยโดยช่องทางธรรมชาติ จากนั้นไปสนามบินเชียงรายด้วยรถยนต์ของเพื่อน นั่งเครื่องบินถึงสนามบินดอนเมือง ขึ้นแท็กซี่ไปสถานีขนส่งหมอชิต นั่งรถตู้กลับจังหวัดราชบุรี เมื่อถึงใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้างไปโรงพยาบาลเอกชนเพื่อตรวจรักษา วันที่ 1 ธันวาคม ทราบผลว่าเพื่อนติดเชื้อโควิด 19 แพทย์จึงส่งตรวจหาเชื้อและส่งต่อรักษาโรงพยาบาลราชบุรี วันที่ 2 ธันวาคม ผลตรวจยืนยันพบเชื้อ

เพศหญิงอายุ 23 ปี และ 25 ปี จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 26 พฤศจิกายนเดินทางกลับเข้าประเทศทางช่องทางธรรมชาติ พร้อมเพื่อนรวมเป็น 3 คน วันที่ 27 พฤศจิกายน นอนค้างบ้านเพื่อนที่อำเภอแม่สาย วันที่ 28 พฤศจิกายน เดินทางกลับมาที่พักที่เชียงใหม่ วันที่ 29พฤศจิกายน ให้ประวัติว่าอยู่ในที่พักตลอด วันที่ 30 พฤศจิกายน ผู้ติดเชื้อที่พะเยามาหาหลังจากไปตรวจหาเชื้อ วันที่ 1 ธันวาคม ไปฟังผลแทนเพื่อนพบว่าราย จ.พะเยาติดเชื้อ ทำให้เพื่อน 2 คนมารับการตรวจด้วย ผลพบติดเชื้อ 2 ราย เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลนครพิงค์ ส่วนอีกรายผลเป็นลบ อยู่ระหว่างการกักกันเฝ้าระวังอาการ

นพ.โสภณ กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ โดยกำลังเร่งติดตามผู้สัมผัสทุกราย ซึ่งผู้ป่วยแต่ละรายมีผู้สัมผัสมากน้อยต่างกัน หากมีความรับผิดชอบสูงจะแยกตัว มีกิจกรรมภายนอกน้อย ทำให้มีผู้สัมผัสน้อย แต่บางรายมีการออกไปทำกิจกรรมจำนวนมากทำให้มีผู้สัมผัสมากถือเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง โดยผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะได้รับการกักกัน 14 วัน และตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำจะให้แยกตนเองเฝ้าระวังอาการ หากมีอาการให้รีบติดต่อเพื่อตรวจหาเชื้อ โดยเป็นมาตรฐานการปฏิบัติงานของทุกพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยทั้งหมด 10 ราย พบว่า ไม่มีอาการ 5 ราย ทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อน้อยกว่าผู้ที่มีอาการ ส่วนอีก 5 รายมีอาการแต่ไม่รุนแรง สำหรับผู้ที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องอยู่ใกล้ชิดหรืออยู่ในสถานที่เสี่ยงเดียวกับผู้ป่วยทั้ง 10 รายนี้ ขอให้ไปแสดงตัวกับบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาลเพื่อรับคำแนะนำในการปฏิบัติตนเอง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]