ม.รามฯ แถลง 6 จุดยืน ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง

กรุงเทพฯ 22 ต.ค.- ม.รามฯ ออกแถลงการณ์ 6 ข้อ ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง หลังเกิดเหตุความรุนแรงของผู้ชุมนุม 2 กลุ่มภายในมหาวิทยาลัย วานนี้ ลั่นพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายกับผู้บาดเจ็บ


ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เผยว่าทางมหาวิทยาลัยของแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. และขอแสดงความห่วงใยต่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเผยทั้ง 2 กลุ่ม มีนักศึกษามหาวิยาลัยเข้าร่วม โดยทั้ง 2 กลุ่มไม่ได้แจ้งขออนุญาตใช้สถานที่ชุมนุมจากมหาวิทยาลัย แต่ถึงแม้ไม่ได้มีการขออนุญาต ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ปิดกั้น

วานนี้ หลังจากที่ทราบว่าจะมีการชุมนุมของทั้ง 2 ฝ่าย ตนได้เข้าไปพูดคุยเจรจากับทั้ง 2 กลุ่ม ให้จัดกิจกรรมต่างช่วงเวลากัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเผชิญหน้า โดยเข้าไปคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมปกป้องสถาบันก่อน แต่ได้รับการปฏิเสธ ส่วนกลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ให้ความร่วมมือย้ายสถานที่จัดกิจกรรมจากบริเวณลานพ่อขุนไปที่หน้าตึกอธิการบดีแทน โดยทั้ง 2 ฝ่าย รับปากว่าจะไม่ให้เกิดเหตุความรุนแรง แต่ก็เกิดเหตุความรุนแรงขึ้น ดังนั้น ทางมหาวิทยาลัยรามคำแหง จึงขอชี้แจงดังต่อไปนี้


1.มหาวิทยาลัยรามคำแหงไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง และขอตำหนิกลุ่มบุคคลที่กระทำการดังกล่าว
2.มหาวิทยาลัยรามคำแหง ไม่ปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษา
3.มหาวิทยาลัยรามคำแหงขอให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในหลักสันติ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพและจัดกิจกรรมทางการเมืองในกรอบกฏหมาย
4.มหาวิทยาลัยรามคำแหงพร้อมให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย หรือความช่วยเหลืออื่นใดแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื้อ 21 ต.ค.63
5.มหาวิทยาลัยรามคำแหงจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหากพบว่ามีบุคลากรของมหาวิทยาลัยเจ้าไปเกี่ยวข้อง จะดำเนินการทางวินัยอย่างเคร่งครัด
6.มหาวิทยาลัยรามคำแหงมีความห่วงใยในสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้น และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความอดกลั้น ยึดมั่นในหลักการสันติ และให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ในความคิดเห็นที่แตกต่างของประชาชน

รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ยังได้ขอให้สื่อมวลชน หรือผู้ใดที่มีคลิปหลักฐานว่าผู้ใดเป็นคนก่อเหตุทำร้ายผู้อื่น ให้ส่งภาพคลิปดังกล่าวให้กับมหาวิทยาลัย เพื่อนำไปใช้แจ้งความดำเนินคดี

ส่วนคำถามที่ว่า เหตุใดจึงอนุญาตให้มีการจัดชุมนุมของทั้ง 2 กลุ่มในเวลาเดียวกันนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ให้คำตอบว่า ทางมหาวิทยาลัยไม่ปิดกั้น หรือจำกัดสิทธิการแสดงออกทางการเมืองของกลุ่มใด ทำได้เพียงประสานตำรวจมาดูแล และขอความร่วมมือผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดความรุนแรง ซึ่งในเบื้องต้นทั้ง 2 กลุ่มรับปากแล้ว


ส่วนกรณีสอบสวนว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น มีบุคลากรของมหาวิทยาลัยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น หากสอบสวนพบว่ามีก็จะต้องมีการลงโทษทางวินัย ซึ่งก็มีตั้งแต่โทษไม่ร้ายแรง ไปจนถึงโทษร้ายแรง

ด้าน ดร.โยธิน ไพรพนานนท์ ผอ.กองกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง เผยว่าตามระเบียบของมหาวิทยาฯ นักศึกษาและศิษย์เก่า สามารถจัดกิจกรรมภายในหมาวิทยาลัยได้ โดยที่ต้องจัดทำเป็นโครงการเสนอขออนุมัติใช้สถานที่เข้ามาก่อน หากเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับนักศึกษาทางมหาวิทยาลัยก็ไม่ขัดข้อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้