“อนุทิน” เปิดประชุมชี้แจงงบบัตรทองปี64

ศูนย์ราชการฯ14ต.ค.-“อนุทิน” เปิดประชุมชี้แจงงบบัตรทองปี64 เตรียม พร้อมยกระดับบริการ 4 รายการใหม่ เผยสถานการณ์วิกฤติปี 63 สะท้อนประสิทธิภาพบริหารจัดการกองทุน ย้ำรัฐบาลหนุนนโยบายและงบบัตรทองเพื่อดูแลประชาชนต่อเนื่อง


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2564 พร้อมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” จัดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข คณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารกองทุน คณะอนุกรรมการกำหนดประเภทขอบเขตบริการ คณะกรรมการ อปสข. อนุกรรมการคุณภาพฯระดับพื้นที่ นพ.สสจ. หัวหน้ากลุ่มประกัน และหน่วยบริการทุกสังกัดทั่วประเทศ รวมจำนวนประมาณ 800คนทั่วประเทศ โดยเป็นรูปแบบการประชุมทางไกลถ่ายทอด ผ่าน Facebook live

นายอนุทิน กล่าวว่า กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือกองทุนบัตรทอง ในปีงบประมาณ2564 นี้ นับเป็นก้าวย่างเข้าสู่ปีที่ 19 ตลอดระยะ เวลาได้มีการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานกองทุนอย่างต่อเนื่อง ตามสถานการณ์ต่างๆ ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมามีสถานการณ์ที่ทำให้กองทุนฯ ต้องมีการปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการในบางส่วนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม สถานการณ์แรกคือการแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่รัฐบาลดำเนินมาตรป้องกันการแพร่ระบาดและควบคุมโรคอย่างเข้มข้น ทำให้ไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 3,641 ราย เสียชีวิต 59 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 12 ต.ค. 63) ขณะที่ทั่วโลกในหลายประเทศ รวมมีผู้ติดเชื้อถึง 37.7 ล้านคน เสียชีวิตกว่าล้านคนแล้ว


“กองทุนบัตรทอง เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อป้องกันและควบคุมโควิด-19 ทั้งการคัดกรอง การรักษา ค่ายา อุปกรณ์ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อดูแลประชาชน ทันทีเมื่อมีแนวโน้มการแพร่ระบาด ได้มีการจัดงบประมาณกองทุนบัตรทองโควิด-19 โดยใช้งบสะสมรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสมของกองทุนฯ และเพิ่มเติมจากงบกลาง รวมกว่า 4.2 พันล้านบาท สะท้อนถึงศักยภาพและประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุนที่ทันต่อสถานการณ์แม้ในยามเร่งด่วน โดยไม่กระทบต่องบดูแลผู้ป่วยและให้บริการในระบบตามปกติ พร้อมปรับการดำเนินงานนส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนเพิ่มเติม อาทิ โครงการผู้ป่วยรับยาร้านยาใกล้บ้าน โครงการส่งยาให้ผู้ป่วยทางไปรษณีย์ การสนับสนุนหน่วยบริการจัดระบบสาธารณสุขทางไกล (Telemedicine) การปรับหลักเกณฑ์กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.) เพื่อให้ท้องถิ่นนำงบมาใช้ในการป้องกันและควบคุมโรคในพื้นที่”นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีคลินิกบัตรทองในเขต กทม. เบิกจ่ายค่าบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งพบความผิดปกติของข้อมูลเบิกจ่ายที่ตรวจพบโดยระบบตรวจสอบของ สปสช. เป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะกระทบต่อผู้มีสิทธิ 2.2 ล้านคนจากความจำเป็นในการยกเลิกสัญญาการเป็นหน่วยบริการในระบบบัตรทอง แต่ที่ผ่านมา สปสช. ได้เร่งแก้ไข จับมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่มีสถานพยาบาลในสังกัดเพื่อรองรับดูแลผู้ป่วยเร่งด่วนและดูแลต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง และได้เร่งจัดหาหน่วยบริการปฐมภูมิทดแทน เร่งด่วน ถือเป็นโอกาสในการปฏิรูปบริการปฐมภูมิในพื้นที่ กทม. ซึ่งโครงสร้างระบบบริการรูปแบบใหม่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ 2564 นี้

สำหรับปี 2564 นี้ กองทุนบัตรทองยังคงเดินหน้าให้การดูแลประชาชน
โดยปีงบประมาณ 2564 รัฐบาลจัดสรรงบกองทุนบัตรทอง194,508.78 ล้านบาท เป็นงบเหมาจ่ายรายหัว 177,198.99 ล้านบาท หลังหักเงินเดือนภาครัฐ 52,143.97 ล้านบาท เป็นงบเหมาจ่ายที่ส่งให้ สปสช.บริหาร 125,055.01 ล้านบาท และงบนอกเหมาจ่ายรายหัวอีก 17,309.79 ล้านบาท


“ปีงบประมาณ 2564 นี้ บอร์ด สปสช. ได้เห็นชอบการยกระดับบริการบัตรทอง 4 รายการ คือ 1.นำร่องเข้ารับบริการปฐมภูมิบัตรทองที่หน่วยบริการในเครือข่ายบริการทุกแห่งใน กทม. จะเริ่มในวันที่ 1พ.ย. นี้ 2.ผู้ป่วยในไม่ต้องใช้ใบส่งตัว นำร่องที่เขต 9 นครราชสีมาในวันที่ 1พ.ย. นี้ และใน กทม.และปริมณฑลจะเริ่มวันที่ 1ม.ค.64 3.ส่วนโรคมะเร็งไปรับบริการที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ที่พร้อมและร่วมให้บริการ และ 4.ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน จะเริ่มในวันที่ 1ม.ค. 64 สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาและปรับปรุงการบริหารจัดการกองทุนบัตรทองที่ไม่หยุดนิ่ง ตอบสนองความต้องการผู้มีสิทธิ เพื่อให้เป็นหลักประกันด้านสุขภาพแท้จริงของประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า ขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมบริหารกองทุนบัตรทองทั้งในส่วนผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ องค์กรวิชาชีพด้านการแพทย์ และภาคประชาชน ทำให้กองทุนบัตรทองเดินมาถึงวันนี้ และในปี 2564 เชื่อมั่นว่าทุกภาคส่วนจะยังคงให้ร่วมมือด้วยดี ทั้งการให้บริการ การดำเนินสิทธิประโยชน์ต่างๆ ภายใต้กองทุนฯ โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือประชาชน ขณะเดียวกันนโยบายในปี 2564 ยังคงให้ความสำคัญกับผู้ให้บริการควบคู่ สนับสนุนการให้บริการของหน่วยบริการ ลดขั้นตอนต่างๆ และแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคเพื่อให้หน่วยบริการสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ในระบบบริการเพิ่มขึ้น อาทิ บริการจองสิทธิฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ การยืนยันตัวตนผู้รับริการด้วยสมาร์ทการ์ด การเพิ่มการเข้าถึงบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคผ่าน “เป๋าตัง สุขภาพ” บนแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง ที่ร่วมกับธนาคารกรุงไทย การให้บริการระบบการแพทย์ทางไกล เป็นต้น เหล่านี้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

รวบ “พ.อ.หญิง-แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ตำรวจ ปปป. และ ป.ป.ช. จับ “พ.อ.หญิง” และ “ แพทย์หญิง” เครือข่ายทุจริตยาโรงพยาบาลทหารผ่านศึก พบเส้นเงินเชื่อมโยง 10 ล้านบาท

ซบพรรคกล้าธรรม

“เอกราช” จ่อซบ “กล้าธรรม” ยันไม่ถึงขั้นแตกหัก “อนุทิน-ภท.”

“เอกราช” เตรียมย้ายซบ “กล้าธรรม” เพื่อความสบายใจในการทำงาน ยันไม่ถึงขั้นแตกหักกับ “อนุทิน-ภูมิใจไทย” คาดเตรียมขับออกเร็วๆ นี้ เผยผูกพันกับ “ธรรมนัส ” กว่า 10 ปี

ไฟไหม้ท้ายรถบัสทัศนศึกษา นักเรียน-ครู ปลอดภัย

หวิดเกิดเหตุสลด รถบัสทัศนศึกษากำลังกลับโรงเรียน เกิดไฟไหม้ท้าย โชคดีอพยพทัน นักเรียนชั้น ป.6 ทั้ง 35 คน กับครู 7 คน ปลอดภัย

รวบไรเดอร์-วิน จยย.รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ไรเดอร์ร่วมกับวิน จยย. รุมทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันจนน่วม ตำรวจตามจับได้ 3 คน ยังอ้างรุมทำร้ายโดยไม่รู้ที่มาที่ไป คิดว่าชายต่างชาติทำร้ายคนไทย ทนไม่ได้จึงเข้าช่วย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน.รับวินิจฉัย “ภูมิธรรม-ทวี” แทรกแซง กกต. คดีฮั้ว สว.

ศาล รธน.สั่งรับวินิจฉัย “ภูมิธรรม-ทวี” ฝ่าฝืนจริยธรรม เหตุใช้อำนาจหน้าที่แทรกแซง กกต. กรณีดีเอสไอรับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ แต่ไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หากผิดหลุดตำแหน่ง ให้ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน

ย้ายด่วน หัวหน้า อช.หมู่เกาะสิมิลัน เร่งสอบปมขายตั๋วไม่โปร่งใส

อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งย้ายด่วน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน หลัง ป.ป.ช. สุ่มตรวจสอบการจำหน่ายตั๋วที่เกาะสี่และเกาะแปด โดยไม่แจ้งล่วงหน้า พบการจำหน่ายตั๋วส่อไม่โปร่งใส

Trump says administration is looking into Signal, thinks Waltz should not apologize

“ทรัมป์” ชี้แชทรั่วไม่มีข่าวกรองชั้นความลับ

วอชิงตัน 26 มี.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ บอกปัดกรณีแชทรั่วไปถึงนักข่าวว่า ไม่มีข้อมูลข่าวกรองชั้นความลับ และไม่มีใครต้องขอโทษ ขณะที่ สว.เดโมแครตรุมตำหนิผู้ที่เกี่ยวข้องเรียกร้องให้ลาออก นายทรัมป์แสดงความหนุนหลังทีมงานด้านความมั่นคงของเขาด้วยการตอบคำถามสื่อในเรื่องนี้ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นว่า ไม่มีข้อมูลชั้นความลับถูกเปิดเผยในกลุ่มแชทสนทนาแอปพลิเคชัน ซิกนัล (Signal) ของกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ซึ่งนายไมเคิล วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงได้เชิญนักข่าวคนหนึ่งเข้าไปรวมอยู่ด้วยโดยไม่ตั้งใจ นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องการใช้แอปพลิเคชันสนทนานี้และคิดว่านายวอลซ์ ไม่จำเป็นต้องขอโทษในเรื่องนี้ ขณะที่นายวอลซ์ให้สัมภาษณ์ในรายการของฟ็อกซ์นิวส์ ยืนยันขอเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าอับอาย กลุ่มแชทที่เขาสร้างขึ้นมีรายละเอียดเรื่องแผนการโจมตีเยเมนจริง แต่ยืนกรานว่าไม่มีข้อมูลชั้นความลับ หลังจากนายเจฟฟรีย์ โกลด์เบิร์ก บรรณาธิการข่าวของนิตยสารดิแอตแลนติก (The Atlantic) ออกมาเปิดเผยว่า ถูกรวมอยู่ในกลุ่มแชทเข้ารหัสโดยไม่รู้ตัวเมื่อวันที่ 13 มีนาคม และได้เห็นโพสต์ของนายปีเตอร์ เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมเรื่องแผนการทำสงครามก่อนสหรัฐเปิดฉากโจมตีเยเมนระลอกแรกเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ด้านสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พรรคเดโมแครตพากันตำหนินางทัลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติและนายจอห์น แรตคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางหรือซีไอเอ (CIA) ที่ไปให้ปากคำต่อคณะกรรมการข่าวกรองในวุฒิสภาว่า ฉาบฉวย ไร้ความสามารถ และไม่ให้เกียรติคนทำงานข่าวกรอง นางแกบบาร์ดและนายแรตคลิฟฟ์อยู่ในกลุ่มสนทนาในแอปฯ ซิกนัลที่มีข่าวรั่วในครั้งนี้ […]

โหวตไว้วางใจ

นายกฯ โพสต์ขอบคุณหลังสภาผ่านฉลุยไว้วางใจ

นายกฯ โพสต์ขอบคุณหลังสภาผ่านฉลุยไว้วางใจ ยัน ชี้แจงทุกประเด็น ลั่น ทั้งเสียงหนุน-เสียงไม่ไว้วางใจ จะเป็นพลังให้มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน