สปสช.เปิดตัวแดชบอร์ดข้อมูลบัตรทอง

กรุงเทพฯ 10 ส.ค. – สปสช.เปิดตัว “แดชบอร์ด” ประชาชน หน่วยบริการ นักวิจัย เข้าถึงข้อมูลระบบบัตรทอง พร้อมจับมือเนคเทค รับแจ้งปัญหาบัตรทองผ่าน “Traffy Fondue”


นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า แต่ละปีได้รับจัดสรรงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท และมีฐานข้อมูลการให้บริการด้านสุขภาพขนาดใหญ่มาก มีข้อมูลบริการผู้ป่วยนอกกว่า 200 ล้านเรคคอร์ด/ปี ข้อมูลผู้ป่วยในประมาณ 8 ล้านเรคคอร์ด/ปี และถือเป็นหน้าที่ สปสช. ที่จะต้องสร้างความโปร่งใสการจัดสรรและใช้งบประมาณ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาแดชบอร์ด สปสช. นอกจากสรุปข้อมูลการบริหารหลักประกันสุขภาพแล้ว ยังเป็นการคืนข้อมูลแก่สังคม เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ ทั้งการศึกษาวิจัย กำกับติดตามผลการดำเนินงานของหน่วยบริการ พัฒนาคุณภาพการบริการ หรือกำหนดนโยบายด้านสุขภาพ

สำหรับแดชบอร์ด สปสช. เป็นการนำข้อมูลบริการที่หน่วยบริการส่งเบิกมาที่ สปสช. บวกกับข้อมูลบางส่วนที่บูรณาการมาจากกระทรวงสาธารณสุข ผ่านกระบวนการ cleansing แล้วสรุปข้อมูลอินโฟกราฟิก โดยมีรายการข้อมูลดังนี้ คือ 1.บริการกรณีโควิด-19 2.บริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค 3.บริการโรคไตวายเรื้อรัง 4.บริการผู้ป่วยเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง 5.บริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 6.บริการ Tele-medicine 7.บริการมะเร็งรักษาทุกที่ และ 8.บริการการเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ แต่ละหัวข้อผู้ใช้งานแดชบอร์ดสามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งภาพรวมในระดับประเทศ เขต จังหวัด หรือแม้แต่อำเภอ โดยจะอัปเดตข้อมูลรายวัน


ทั้งนี้ เป้าหมายผู้ใช้แดชบอร์ด แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ประชาชนทั่วไป หน่วยบริการ และนักวิจัย ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์หลากหลายรูปแบบ เช่น หน่วยบริการสามารถนำข้อมูลไปพัฒนาระบบบริการ หรือกำกับติดตามคุณภาพบริการ หรือเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่ายค่าบริการ รวมทั้งสามารถดูการบริการทั้งในพื้นที่เดียวกันและจังหวัดอื่น เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นต้น ขณะที่หน่วยงานนโยบาย เช่น กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพ สามารถนำข้อมูลไปกำกับติดตามประเมินผลหน่วยงานในสังกัด ทั้งในภาพรวมทั้งประเทศ หรือรายพื้นที่ก็ได้

ส่วนหน่วยงานวิชาการ เดิมทีนักวิจัยที่ต้องการใช้ข้อมูลของ สปสช. ต้องทำหนังสือขอทุกครั้ง แต่เมื่อมีแดชบอร์ดแล้วก็สามารถเข้าดูและนำข้อมูลไปใช้ได้เลย ส่วนประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่า งบประมาณบัตรทองแต่ละปีถูกนำไปใช้อย่างไร เบิกจ่ายเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ ประชาชนเข้าถึงบริการมากน้อยแค่ไหน แต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร เป็นต้น และยังทราบข้อมูลของพื้นที่ต่างๆ ด้วยว่า มีหน่วยบริการตั้งอยู่ที่ไหน มีบริการอะไรบ้าง เป็นต้น

“ขณะนี้ สปสช.เปิดบริการข้อมูลแดชบอร์ดแล้ว โดยแดชบอร์ดของหน่วยบริการจะดูได้ทุกรายการ เพราะคุ้นเคยกับศัพท์เทคนิคอยู่แล้ว แต่ในส่วนแดชบอร์ดของประชาชนจะทยอยขึ้นข้อมูลในบางรายการก่อน ได้แก่ บริการสร้างเสริมสุขภาพ ไตวายเรื้อรัง การเข้าถึงยาและเวชภัณฑ์ และบริการกรณีโควิด เป็นต้น ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการปรับข้อความเพื่อให้ดูเข้าใจได้ง่าย จะมีแบนเนอร์ติดไว้ในหน้าแรกของเว็บไซต์ สปสช. ผู้ที่ต้องการใช้งานสามารถคลิกที่แบนเนอร์แล้วเข้าสู่ระบบแดชบอร์ดได้ทันที” นพ.จเด็จ กล่าว


นอกจากนี้ ยังร่วมกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) นำแพลตฟอร์ม Traffy Fondue มาใช้ในการดำเนินงานรับเรื่องร้องเรียนในระบบหลักประกันสุขภาพ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางรับแจ้งปัญหาการรับบริการในระบบบัตรทอง นอกจากสายด่วน 1330 โดยเปิดรับเรื่องร้องเรียนอย่างเป็นทางการในวันนี้เช่นกัน

นายวสันต์ ภัทรอธิคม นักวิจัยจากเนคเทค กล่าวว่า Traffy Fondue เหมือนกับไลน์ที่ประชาชน Add เป็นเพื่อนได้ เพื่อแจ้งปัญหาของเมือง โดยระบบจะส่งเรื่องที่รับแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบและแก้ไขปัญหา จากที่ กทม.ใช้งานเต็มรูปแบบ มีประชาชนแจ้งเรื่องกว่า 1.2 แสนเรื่อง ได้รับการแก้ปัญหา 6 หมื่นเรื่อง นอกจากนี้ มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 60 จังหวัด ก็ใช้ Traffy Fondue รับแจ้งปัญหาเช่นกัน โดยแยกการรับแจ้ง 14 หัวข้อ ได้แก่ ความสะอาด ขยะ ไฟฟ้า ประปา จุดเสี่ยง ฯลฯ ล่าสุดได้ร่วมมือกับ สปสช. เพิ่มการรับแจ้งเรื่อง “สุขภาพและบัตรทอง” เพื่อให้ผู้มีสิทธิบัตรทองที่ไปรับบริการแล้วติดขัดปัญหา สามารถแจ้งมาที่ไลน์ Traffy Fondue ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ สปสช. ที่คอยรับเรื่องจะแก้ปัญหาให้

ทั้งนี้ จากนำร่องตั้งแต่ 11 ก.ค.65 มีการแจ้งเข้ามา 181 เรื่อง สอบถามสิทธิบัตรทอง 72 เรื่อง ร้องเรียนความไม่สะดวกรับบริการ/ถูกเก็บเงิน 2 เรื่อง ซึ่งแก้ไขแล้ว นอกนั้นเป็นข้อเสนอแนะ 9 เรื่อง และเรื่องหน่วยงานอื่น 97 เรื่อง ซึ่งเรื่องรับแจ้งจะรายงานไปที่ สปสช.ส่วนกลาง ตั้งแต่ 10 ส.ค.65 เป็นต้นไป เมื่อมีการแจ้งเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพและบัตรทองเข้ามาแล้ว ข้อมูลจะส่งต่อไปยังเขตที่ดูแลปัญหานั้นเลย ซึ่งการแก้ปัญหาจะรวดเร็วขึ้นไปอีก

นายวสันต์ กล่าวว่า การใช้งานเพียงพิมพ์ข้อความเหมือนคุยไลน์กับเพื่อน ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม ระบบจะสอบถามข้อมูลเพิ่ม ท่านก็ตอบกลับมา โดยข้อมูลจะถูกส่งต่อไปที่ สปสช. เพื่อแก้ปัญหา และเมื่อมีความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาจนแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ระบบจะแจ้งมายังไลน์ของผู้แจ้งทุกครั้ง ถ้าเป็นปัญหาที่พบเจอบ่อย ๆ สปสช.ก็จะนำไปปรับปรุงการเข้าถึงบริการ หรือเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่อไป ทั้งนี้ แจ้งปัญหาผ่านลิงก์นี้ทางโทรศัพท์มือถือ https://landing.traffy.in.th?key=zHdDaLxF.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]