กรุงเทพฯ 12 ต.ค.-สจล. เปิดผลวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยีบิ๊กเดต้า พบกรุงเทพฯ 35.52% เสี่ยงน้ำท่วมสูง พร้อมเสนอแนวคิดแก้มลิงใต้ดินแก้ปัญหาน้ำรอระบาย
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร และอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจร.) เปิดเผยว่า สภาวิศวกร ได้ร่วมกับสำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ (SCiRA) สจล. ใช้บิ๊กเดต้าคำนวณพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม แบบแม่นยำสูง เพื่อเตรียมหาแนวทางรับมือที่ยั่งยืน โดยจากการวิเคราะห์ 70 จุดเสี่ยงภัยน้ำท่วใบริเวณถนนทั่ว กทม. พบมีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมสูงสุดกว่า 35.52% ของพื้นทื่ทั้งหมด 1,571.13 ตารางกิโลเมตร โดยเฉพาะเขตพื้นที่บางนา คลองเตย และรามคำแหง
นอกจากนี้บิ๊กเดต้าดังกล่าว ยังวิเคราะห์พบพื้นที่ กทม. มี 56 จุดเสี่ยงน้ำท่วมทันที หากมีปริมาณน้ำฝนเกิน 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ทิ ถ.พระราม3 ช่วงตลาดฮ่องกงปีนัง-แยก ณ ระนอง ถ.งามวงศ์วาน ช่วงแยกเกษตร ถ.รัชดิภิเษก แยกพระราม9-แยกห้วยขวาง ถนนรามคำแหง ช่วง ม.รามคำแหง ถ.อโศกมนตรี และ ถ.พัฒนาการ
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้กรุงเทพฯ เกิดเหตุน้ำท่วมซ้ำซาก เนื่องจากกรุงเทพฯ มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ถนนต่ำกว่าระดับแหล่งน้ำ ดังนั้นเมื่อฝนตกลงมา น้ำจึงระบายไม่ได้ เพราะถนนหลักและท่อระบายน้ำอยู่สูงกว่าซอย ทางสภาวิศวกร และ สจล. จึงมีแนวคิดผลักดันเทคโนโลยีวิศวกรรม “แก้มลิงยักษ์ใต้ดิน” ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการใช้วิธีเปิดหน้าดินเป็นช่องเล็กๆ แล้วใช้เครื่องมือเจาะคว้านดินด้านในสร้างเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ใต้ดิน และสร้างท่อระบายน้ำหลัก 4 ท่อ พร้อมเชื่อมกับท่อระบายน้ำอื่นๆ ของ กทม. เพื่อลำเลียงน้ำฝนบนพื้นถนน ไปกักเก็บไว้ใต้ดินเพื่อรอระบายไปยังแหล่งน้ำ
ศ.ดร.สุชัชวีร์ ระบุจากการศึกษาพบ โครงการแก้มลิงยักษ์ใต้ดิน สามารถดำเนินการได้โดยนำร่องในพื้นที่สวนเบญจกิติ ที่มีพื้นที่ 130 ไร่ มีขอบเขตการรองรับน้ำจากบริเวณใกล้เคียงครอบคลุมพื้นที่ 900,000 ตารางเมตร สามารถรองรับปริมาณน้ำได้กว่า 100,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งสภาวิศวกร และ สจล. เตรียมนำเสนอแนวคิดการใช้บิ๊กเดต้าคำนวนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมกรุงเทพฯ และแก้มลิงยักษ์ใต้ดิน ให้แก่ภาครัฐเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการหรือแก้ปัญหาของประเทศในอนาคตต่อไป.-สำนักข่าวไทย