แก้จนด้วย TPMAP น้อมนำหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”

9 ต.ค. – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นำทัพแก้จนด้วย TPMAP และน้อมนำหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์ สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิต บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำเพื่อความผาสุกของประชาชนสู่ประเทศชาติ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน


วันที่ 9 ตุลาคม 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมชี้แจงดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในระดับพื้นที่ โดยการใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูลจากระบบการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform : TPMAP) รับฟังการนำเสนอดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในระดับพื้นที่ โดยมีนายชรัส บุญณสะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พัฒนาการจังหวัดนครพนม ขอนแก่น อุทัยธานี เชียงรายและนครศรีธรรมราช ได้กล่าวรายงานการนำเอา TPMAP ไปใช้ชี้เป้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ผลดีควบคู่กับการขับเคลื่อนการพัฒนาด้วยการน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่ครัวเรือน เพื่อสร้างความมั่นคงให้ประชาชนอย่างยั่งยืน

ในการนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายนิติ วิวัฒน์วานิช ผู้อำนวยการสำนักบริหารการปกครองท้องที่ ผู้แทนอธิบดีกรมการปกครอง นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงานสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการ และ ประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือจากข้อมูลในระบบ TPMAP ณ ห้องประชุมแม่กลอง ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม


กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เป็นหนทางที่จะสามารถแก้ไขปัญหาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน กรมการพัฒนาชุมชน จึงได้ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความยากจนตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ให้ประสบความสำเร็จและต่อเนื่อง โครงการดังกล่าวยังสอดคล้องกับโครงการ โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวังกรมราชทัณฑ์ ที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทาน ทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนภารกิจให้บรรลุตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่รัฐบาลกำหนดโดยให้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง สำหรับแก้ไขปัญหาความยากจนตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลแล้วนั้น ยังถือได้ว่ามีพี่น้องประชาชนที่ยังมีความต้องการเข้าร่วมอีกจำนวนมาก เพื่อให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์มากขึ้น กรมการพัฒนาชุมชน จึงใครขอการสนับสนุนจากรัฐบาลเพิ่มเติมในระยะต่อไป เพื่อเป็นการสร้างแนวทางในการดำเนินชีวิตช่วยเหลือประชาชน ให้มีความสุขอย่างยั่งยืน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นำเสนอต่อ พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรีและที่ประชุมว่า การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมระบบ TPMAP ที่พัฒนาโดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค-สวทช.) ด้วยการบูรณาการจากข้อมูลหลายแหล่ง เช่น ข้อมูล จปฐ. ที่ดำเนินการโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กระทรวงการคลัง ตลอดจนข้อมูลจากส่วนราชการอื่นๆ ทำให้เกิดฐานข้อมูลที่สามารถชี้เป้าในการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งแนวทางให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ได้ใช้ประโยชน์จากระบบ TPMAP เป็นเครื่องมือหนึ่งในการแก้ไขความยากจนบูรณาการทุกภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน ศาสนา ท้องถิ่น ท้องที่ และสถาบันการศึกษา ในลักษณะของประชารัฐร่วมมือกันขับเคลื่อนให้เกิดแนวทางการช่วยเหลือทุกมิติ

ในการนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้กรมการพัฒนาชุมชนบูรณาการร่วมกับกลุ่มสตรีทั่วประเทศ เสริมสร้างพลังกลุ่มสตรี สร้างงาน สร้างรายได้ โดยการสนับสนุนให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก จำนวน 14,188,166 คน สมาชิกสามารถกู้ยืมได้กลุ่มละ 200,000 บาท โดยการกู้ยืมนั้นเป็นการหมุนเวียน ไม่สูญเปล่า เป็นอีกกองทุนหนึ่งที่สำคัญที่ทางกรมการพัฒนาชุมชนใคร่ขอให้รัฐบาลให้การสนับสนุน ผลักดัน เพราะยังมีสตรีที่มีความต้องการรับการพัฒนาอยู่เป็นอันมาก ดังนั้นการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาความยากจนตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องพัฒนาคนให้มีความรู้ในการดำรงชีวิตและสร้างหลักคิดการวางแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ถูกทาง พร้อมด้วยคุณธรรมให้เลิกแข่งขันหันมาแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อที่จะนำมาใช้ในการแก้ปัญหาทั้งความรู้ในทฤษฎีใหม่กว่า 40 ทฤษฎี ความรู้จากภูมิปัญญาพื้นบ้านและความรู้สมัยใหม่ที่นำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมกับภูมิสังคมนั้นๆ และแสวงหาเครือข่ายองค์การภาคีในทุกหน่วยงานมาร่วมกันด้วยการรวมพลังเอามื้อสามัคคีสร้างวิถี โคก หนอง นา ภายใต้แนวคิด “หิ้วปิ่นโต ไปเอามื้อ ถือจอบเสียม พลิกฟื้นแผ่นดิน” ทำงานแบบบูรณาการโดยอาศัยศักยภาพจุดแข็งของแต่ละหน่วยงานมาขับเคลื่อนงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทุกคนอย่างยั่งยืน


จากนั้น นายสุทธิพงษ์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นำเสนอที่ประชุมต่อว่า ขอขอบพระคุณรัฐบาลสำหรับการประชุมชี้แจงดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในระดับพื้นที่ซึ่งในวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดี เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้แสงสว่างจากปลายอุโมงค์นั้นไม่เป็นเพียงแสงสว่างที่อยู่ปลายอุโมงค์ต่อไป แต่จะเป็นแสงที่สว่างไสวทั่วประเทศ ถ้าทุกภาคส่วนสามารถร่วมมือกัน ฝากท่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เป็นตัวแทนรัฐบาลในการผนึกกำลังภาคีเครือข่ายในและนอกพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดย TPMAP จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการชี้เป้าแก้ไขปัญหาความยากจน สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ต่อไป”

ในการนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการต่อที่ประชุมว่า การใช้ระบบการบริหารจัดการข้อมูลจากระบบการพัฒนาคนแบบชี้เป้า TPMAP มีส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ดังนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ ต้องมีความรู้ความเข้าใจในส่วนนี้ก่อนว่าจะร่วมมือกันทำอย่างไรที่จะแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำได้ เมื่อมีความรู้ความเข้าใจแล้วจึงร่วมมือกันกันทำงานโดยหาพื้นที่เป้าหมาย ที่อยู่อาศัยในการที่จะเข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นในทุกๆมิติ ทั้งด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข เป็นต้น

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในประชาชนทุกเพศ ทุกวัย เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เนื่องจากประชาชนถือเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จขั้นพื้นฐานที่มีความสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ฉะนั้นถ้าสามารถทำให้ประชาชนทุกคนหลุดพ้นจากความยากจนได้ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรือง ดังนั้นจึงต้องอาศัยข้าราชการทุกหมู่เหล่าร่วมมือร่วมใจกันทำงานให้กับประชาชนผู้ยากจน ผู้ยากไร้ พัฒนาคนให้มีอาชีพมีงานทำเพื่อนำแรงงานที่มีความสำคัญไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติต่อไป ฉะนั้นการประชุมในวันนี้ได้รับทราบถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนและปัญหาความเหลื่อมล้ำในระดับพื้นที่โดยใช้ระบบการบริหารจัดการข้อมูลจากระบบการพัฒนาคนแบบชี้เป้า TPMAP ดังนั้นจึงขออนุญาตสั่งการดังนี้

  • ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการใช้ระบบ TPMAP ในการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในระดับพื้นที่ โดยระดมความร่วมมือจากภาคีการพัฒนาต่างๆ เพื่อผลต่อความยั่งยืนในการพัฒนาคนไทย และดำเนินการพัฒนาข้อมูลในระบบ TPMAP ให้มีคุณภาพครอบคลุมมิติการพัฒนาต่างๆ และทุกพื้นที่ของประเทศโดยเฉพาะพื้นที่เขตเมือง
  • ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งงบประมาณในการให้การแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ ทั้งนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
  • ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติยกร่างคำสั่งที่เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในระดับพื้นที่
  • ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานและภาคีการพัฒนาต่างๆ ในการพัฒนาระบบTPMAP ให้มีข้อมูลและประเด็นการพัฒนาที่ครอบคลุมมิติการแก้ปัญหาความยากจนและมิติการพัฒนาต่างๆ

จากนั้น พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ต้องขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างจริงจังและต่อเนื่องตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขเพื่อให้ประเทศชาติ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตลอดไป

หลังจากการประชุม พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี ได้พบปะเยี่ยมเยียนประชาชนครัวเรือนเป้าหมายที่ได้รับความช่วยเหลือจากข้อมูลในระบบ TPMAP และเยี่ยมชมนิทรรศการแก้ไขปัญหาความยากจนของ 6 จังหวัด และเยี่ยมชมนิทรรศการหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์ สู่ โคก หนอง นา โมเดล ของกรมการพัฒนาชุมชนอีกด้วย. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน-ตอ.-ใต้ตะวันตก ฝนฟ้าคะนอง

กรุงเทพฯ 14 ส.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณ จ.บึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]