สปสช.ยกเลิกสัญญาคลินิกเอกชน เพิ่ม 108 แห่ง

สปสช. 29 ก.ย..- สปสช. ชี้แจงมาตรการรองรับดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบกรณียกเลิกสัญญาคลินิกเอกชนบัตรทองเพิ่ม 108 แห่ง มีผลตั้งแต่ 1 ต.ค. นี้ แนะประชาชนไม่ต้องลงทะเบียนหน่วยบริการใหม่ ใช้บัตรประชาชนรักษาต่อได้ที่ รพ.ในระบบบัตรทองทุกแห่ง


นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้ สปสช. ได้ตรวจสอบคลินิกเอกชนล็อตที่ 3 จำนวน 108 แห่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้แจ้งความและยกเลิกสัญญากับคลินิกเอกชนมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้น หลังจากที่ได้ดำเนินการรกับคลินิกเอกชน 2 ล๊อต แรก จำนวน 18 แห่ง และ 64 แห่ง ซึ่งคลินิกทั้งหมดนี้ มีประชาชนลงทะเบียนสิทธิราว 2 ล้านคน ในจำนวนนี้มี 4 แสนคน ที่เข้ารับบริการและได้รับผลกระทบ เป็นกลุ่มที่ สปสช. ต้องเร่งดูแลและอำนวยความสะดวกให้ได้มากที่สุดภายใต้บริการที่จำกัดของหน่วยบริการที่มีอยู่ โดยให้เข้ารับบริการต่อเนื่องได้ที่หน่วยบริการรัฐ และ รพ.เอกชน ในระบบบัตรทองได้ ไม่ต้องลงทะเบียนหน่วยบริการประจำ ไม่ต้องมีใบส่งตัวและไม่เสียค่าใช้จ่าย ในส่วนของผู้ป่วยเร่งด่วน อาทิ ผู้ป่วยไตวาย ผู้ป่วยผ่าตัด หญิงตั้งครรภ์ เป็นต้น สปสช.จะติดต่อและประสานไปยังโรงพยาบาลในการรักษาต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่ง สปสช.ได้ประสานกับศูนย์บริการสาธารณสุขในการเข้ารับบริการและยาต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง

นพ.ศักดิ์ชัย ย้ำว่าสิทธิบัตรทองของประชาชนยังอยู่ท เพราะเป็นการยกเลิกสัญญาคลินิก แม้ทำให้ประชาชนไม่มีหน่วยบริการประจำ แต่ประชาชนไม่ต้องมาลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการ เพราะจะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใดก็ได้ในระบบบัตรทองในระหว่างนี้ ซึ่ง สปสช. ได้เตรียมสื่อสารทำความเข้าใจประชาชน นอกจากเชิญตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุข (อสส.) ใน กทม. มารับฟังการชี้แจงและทำความเข้าใจกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว ผู้บริหาร สปสช. ยังได้พบผู้อำนวยการสำนักงานเขตต่างๆ ในพื้นที่ กทม. เพื่อชี้แจงข้อมูล
ในการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สปสช. ต้องขอบคุณ พล.ต.อ.อัสวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ที่ให้ศูนย์บริการสาธารณสุขร่วมดูแลประชาชน และการอำนวยความสะดวกกับประชาชนที่มาขอขึ้นทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการที่สำนักงานเขต พร้อมขอขอบคุณ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ที่ร่วมดูแลประชาชนได้รับผลกระทบในการเข้ารับบริการในโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ และหน่วยงานต่างๆ รวมถึงขอบคุณ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ที่ประสานกับคลินิกเอกชนในการขอเวชระเบียนผู้ป่วยโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
“การยกเลิกสัญญาคลินิกเอกชนเพิ่มในวันนี้มีต้นเหตุ ไม่ทำไม่ได้ เมื่อเกิดผลกระทบกับประชาชน สำนักงานฯ ต้องเร่งเข้าไปดูแล เพื่อสร้างความเข้าใจ ไม่ตื่นตระหนก และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ซึ่งขอย้ำว่าประชาชนที่ได้รับผลกระทบไม่ต้องไปขึ้นทะเบียนหน่วยบริการใหม่ แต่ให้นำบัตรประชาชนไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ หรือโรงพยาบาลในระบบบัตรทองได้ และ สปสช.จะดำเนินการให้การบริการเข้าสู่ระบบเดิมโดยเร็ว ต้องขอโทษประชาชนจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้”


นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดจากการทุจริตและทำเป็นกระบวนการ เมื่อขยายการตรวจสอบทำให้พบหน่วยบริการที่มีความผิดคล้ายกัน ทำให้ สปสช. ต้องดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียว ทั้งคลินิกเอกชน 18 แห่ง 64 แห่ง และ 108 แห่ง โดย สปสช.ได้ตรวจสอบคลินิกเอกชนที่ร่วมคลินิกชุมชนอบอุ่นเรียบร้อยแล้ว และคงไม่มีมากกว่านี้ ซึ่ง สปสช.จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อไม่ให้ประชาชนถูกละเมิดสิทธิในการรักษาและคัดกรอง รวมถึงเงินภาษีของประชาชน แม้ว่าจะทำให้ให้ประชาชนขาดหน่วยบริการประจำดูแล แต่สิทธิบัตรทองของท่านยังอยู่
“วันนี้สิทธิบัตรทองยังอยู่ ไม่ได้ถูกยกเลิก เพียงแต่ไม่มีหน่วยบริการประจำหรือหน่วยบริการับส่งต่อ เป็นสิทธิว่าที่เข้ารับบริการที่ใดก็ได้ ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 3 แสนคน ส่วนอีก 1.7 ล้านคนยังไม่มีผลกระทบ โดยขอให้ประชาชนส่วนนี้ยังไม่ต้องเร่งลงทะเบียนหน่วยบริการใหม่ที่หน่วยบริการ เพราะจะทำให้หน่วยบริการเกิดความหนาแน่ฟและการบริการล่าช้าได้ หากต้องการตรวจสอบสิทธิสามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้ ทั้งนี้ สปสช.อยู่ระหว่างการเปิดรับสมัครหน่วยบริการใหม่ทดแทน โดยลดขั้นตอนและปรับเกณฑ์การประเมินที่เหมาะสม ไม่กระทบต่อคุณภาพ ซึ่งเมื่อได้หน่วยบริการแล้วจะเปิดให้ประชาชนเลือกหน่วยบริการประจำได้

นพ.การุณย์ กล่าวว่า กรณีการยกเลิกสัญญาเพิ่มเติม 108 แห่ง ในรอบนี้เป็นคลินิกเอกชนทั้งหมด ต่างจากการยกเลิกสัญญาในรอบที่ 2 ซึ่งมีโรงพยาบาลรับส่งต่อรวมอยู่ด้วย ทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ป่วยเร่งด่วนจำนวนมากจนเกิดความกังวลและต้องมีการประสานการดูแลโดยเร็ว อย่างไรก็ตามการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบการยกเลิกสัญญาคลินิกเอกชน 108 แห่ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง สามารถเข้ารับบริการหน่วยบริการในระบบบัตรทองได้ โดยในกรณีที่ต้องการเวชระเบียน ข้อมูลยาและผลตรวจ สปสช.ได้เตรียมข้อมูลไว้แล้วโดยประสานกับศูนย์บริการสาธารณสุข ซึ่งผู้ป่วยสามารถขอรับข้อมูลได้โดยใช้บัตรประชาชน

ด้าน นายจิรวุสฐ์ สุขได้พึ่ง ประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีหน่วยบริการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขเกินจริง กล่าวว่า จากการตรวจสอบคลินิกเอกชนในรอบแรก 18 แห่ง ทำให้ สปสช.ต้องขยายการตรวจสอบ รวมถึงคลินิกเอกชนที่เหลือ 108 แห่ง และพบว่ามีพฤติการณ์เช่นเดียวกันที่เป็นการเบิกจ่ายเท็จ การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดอาญา เพราะเป็นเจตนาทำผิดโดยทำเอกสารเบิกเท็จ ไม่ใช่ความผิดพลาด เป็นการทุจริตเงินภาษีประชาชน สปสช.จึงต้องแจ้งความคลินิกเอกชนทั้งหมด โดยดำเนินการกับ 1.ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาล 2.ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และ 3.ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะเดียวกัน สปสช. เองต้องยกเลิกคลินิกเหล่านี้จากระบบเพราะเป็นการทำผิดสัญญา ทำให้ความเป็นหน่วยบริการของคลินิกในระบบสิ้นสุดลง
“การบอกเลิกสัญญากับคลินิกเอกชน 108 แห่ง แม้ประชาชนได้รับผลกระทบไม่มีหน่วยบริการประจำก็จำเป็นต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นทั้ง สปสช. และคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) จะถือเป็นปฏิบัติ 2 มาตรฐาน ซึ่ง สปสช.กำลังแก้ไขปัญหาและเยียวยาผลกระทบอยู่” นายจิรวุสฐ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์พื้นที่ชายแดน

ทำเนียบ 8 ส.ค.- ศบ.ทก. ย้ำ 13 ข้อตกลงไทย-กัมพูชา เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการหยุดยิง ประเมินสถานการณ์ใกล้ชิด เผยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำแต่ละประเทศจะประสานพื้นที่ นำอาเซียนลงติดตามเป็นระยะ ชี้การพูดคุยระดับ RBC เริ่มปลายเดือนนี้ หากเหตุการณ์ปะทุอีก เรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญได้ทันที พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ผ่านมาตรวจพบว่า ฝ่ายกัมพูชา ตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดนพื้นที่สำคัญ พร้อมมีการเคลื่อนไหวด้านยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะในบางพื้นที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะต้องมีการตรวจตราและติดตามอย่างใกล้ชิด นอกเหนือจากนั้นยังมีการตรวจพบการบินของอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ในบางพื้นที่เช่นเดียวกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยั่วยุในบางจุด ทางทหารไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง โฆษก ศบ.ทก. ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ หรือ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ว่า ได้มีการลงนามข้อตกลง 13 ข้อ โดยเป็นข้อตกลงที่สำคัญและเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะรายละเอียดข้อที่ 1 […]

เด้งนายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาฯ เซ่นจับผับ

ก.มหาดไทย 8 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผยผลปฏิบัติการ “ZERO DRUG” เด้ง นายอำเภอธัญบุรี-5 เสือ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เซ่นจับผับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปฏิบัติการ “ZERO DRUG” 8เดือน 8ลุย ที่นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าตรวจค้นผับย่านรังสิต อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พบนักท่องเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี และตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง 179 คนว่า จะมีการเด้ง 5เสือ สภ. ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ส่วนรายละเอียดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะแถลงอีกครั้ง โดยตามระเบียบของตำรวจถ้ามีการจับกุม ในพื้นที่5 เสือสถานีตำรวจ จะต้องรับผิดชอบ จะมีการย้ายมาประจำที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขณะที่ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นการแจ้งข่าวจากฝ่ายปกครองหรือไม่ หากไม่มีการแจ้ง กระบวนการของปกครองก็จะต้องมีการย้ายเช่นกัน เมื่อถามว่าปฏิบัติการเมื่อคืนนี้เป็นกำลังร่วมระหว่างฝ่ายปกครอง กับตำรวจหรือเฉพาะฝ่ายปกครอง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่แน่ใจ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าเป็นกองกำลังร่วม ที่ผ่านมาตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตำรวจจะไม่ถูกเด้ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงจะเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง ก็คงมีการจัดการตามระเบียบ […]

“บิ๊กเล็ก” ชี้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นถือว่าดีมากแล้ว เรื่องกับระเบิด จะคุยจนกว่ายอมรับ

ทำเนียบ 8 ส.ค.-“บิ๊กเล็ก” มอบความสำเร็จให้ทีมเจรจา GBC พร้อมขอบคุณประชาชน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาที่อดทน ให้ผู้ว่าฯ ประสานหน่วยงานด้านความมั่นคงอนุญาตประชาชนกลับบ้าน ชี้กัมพูชาเมินข้อตกลงเก็บกู้ระเบิด เพื่อใช้เป็นเครื่องป้องกันกำลังตนเอง ย้ำจะนำไปคุยใน GBC และจนกว่าจะยอมรับ จ่อตั้งทีมที่ปรึกษาส่วนตัวดูข้อกฎหมายรอบด้าน พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำผลสำเร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย – กัมพูชา หรือ GBC ว่า ขอบคุณทีมคณะเลขานุการ GBC ดำเนินการพูดคุยจนบรรลุข้อตกลง 13 ประเด็น โดยผลสำเร็จที่สำคัญ คือ เป็นการตกลงแบบทวิภาคี ระหว่างไทย – กัมพูชา ซึ่งอาเซียนได้ปล่อยให้ทั้งสองประเทศพูดคุยกัน โดยไม่เข้ามาแทรกแซง ทำหน้าที่เพียงเป็นผู้สังเกตการณ์ ขณะที่ในการพูดคุยมีผู้สังเกตการณ์จากสหรัฐสหรัฐอเมริกา และจีน ก็ได้ปล่อยให้อาเซียนบริหารจัดการกันเอง โดยไม่เข้ามาแทรกแซงเช่นกัน ถือว่าได้รับคำมั่นจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และมาเลเซียก็ตอบรับคำขอไทย ที่พยายามจะรักษาการพูดคุยระหว่างสองประเทศ เพื่อให้กลไกทวิภาคีดำเนินการต่อไปได้ และสิ่งที่ไทยประสบผลสำเร็จอีกหนึ่งประการ คือ เป็นอีกครั้งที่กัมพูชายอมพูดคุยทวิภาคี หลังจากที่ปฏิเสธมาตลอด ส่วนการจะเชื่อใจกัมพูชาได้อย่างไรนั้น พลเอกณัฐพล ย้ำว่า จะใช้แนวทางเดิม […]

ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา

ทำเนียบ 8 ส.ค.-ศบ.ทก. เปิดตัว “บุ๋ม ปนัดดา” นั่งโฆษกฯ จิตอาสา ปะทะ “พลโทหญิงมาลี” มั่นใจสวยกว่าการันตีตำแหน่งนางสาวไทย เจ้าตัวลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์ พร้อมยืนยันเคียงข้างประชาชน ให้ข้อเท็จจริง พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวโฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาคนใหม่ คือ นางสาวปนัดดา วงษ์ผู้ดี เพื่อทำหน้าที่ปะทะกับพลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ซึ่งอย่างน้อยสิ่งที่เราได้เปรียบ ที่ตนเองมั่นใจ คือ ความสวย ที่สวยกว่าแน่นอน เพราะโฆษก ศบ.ทก.เป็นนางสาวไทย แต่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาไม่ใช่นางสาวกัมพูชา ซึ่งการทำงานของนางสาวปนัดดา เนื่องจากมีงานมากมาย ปัจจุบันทำงานอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ให้นางสาวปนัดดาช่วยตอบโต้ผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งตนเองและทีมงานจะสนับสนุนข้อมูลในการแถลงข่าว ด้าน นางสาวปนัดดา ระบุว่า ที่ตกลงมาทำหน้าที่โฆษก ศบ.ทก. จิตอาสาในครั้งนี้ เป็นเพราะตนเองอยู่ในพื้นที่มานานและเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เห็นความอดทนของทหาร ในฐานะที่เป็นจิตอาสา จึงอยากเป็นสื่อกลางที่ชัดเจน ที่สามารถคุยกับสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงฝ่ายทหารให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริง และบอกกับต่างชาติว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทยของเราบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ทางทหารได้มีการประชุมกัน […]