หนุนผู้ปกครองดำเนินคดี ครูทำร้ายเด็ก

กรุงเทพฯ 28 ก.ย..-นักวิชาการ เอ็นจีโอด้านเด็กและครอบครัว หนุนผู้ปกครองดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีครูทำร้ายเด็ก ชี้โรงเรียนต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย ส่งเสริมบทบาทผู้ปกครองร่วมตรวจสอบเฝ้าระวัง จี้พม.เร่งเยียวยาจิตใจเด็ก


นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว กล่าวว่า กรณีครูทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาลตามที่ปรากฎเป็นข่าว ว่า ครูที่ทำร้ายเด็ก รวมถึง ครูที่พบเห็นเหตุการณ์แล้วนิ่งเฉย และผู้บริหารโรงเรียน ถือเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกายเด็ก ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อจิตใจเด็ก กระทบต่อพฤติกรรมของเด็กที่แสดงออก เช่น ไม่อยากไปโรงเรียน หวาดกลัว ฝันร้าย สิ่งเหล่านี้ต้องการการเยียวยา และความรับผิดชอบ ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการเฝ้าระวังช่วยเหลือ และมีบทบาทร่วมดูแลเด็กในสถานศึกษา รวมทั้ง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ต้องทำงานเชิงรุกคุ้มครองเด็ก

“อยากให้ พม.ที่มีหน้าที่หลัก และเป็นผู้ถือกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ได้ทำหน้าที่ดำเนินการเรื่องนี้ อย่างจริงจังฉับไว และ พม. ควรกระตุ้นการมีส่วนร่วมคุ้มครองเด็กในโรงเรียน ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล สถานศึกษา พูดคุยให้ความรู้ บุคลากรในสถานศึกษา รวมทั้ง มาตรการทางกฎหมายหากมีการละเมิดเด็กเกิดขึ้น ควรสื่อสารต่อสังคมให้กว้างขวางถึงอำนาจหน้าที่และการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ถูกกระทำ และขอเรียกร้องให้โรงเรียนมีแอพพลิเคชั่น ให้ผู้ปกครองโหลดเพื่อให้เห็นกล้องวงจรปิดในห้องเรียน บริเวณโรงเรียน เพื่อมีส่วนร่วมตรวจสอบ การเรียนการสอน การจัดการห้องเรียน โรงเรียนควรเป็นที่ปลอดภัย ไม่เป็นความลับ และควรส่งเสริม เพิ่มบทบาทของผู้ปกครองในสถานศึกษา ร่วมเฝ้าระวัง ช่วยเหลือ นักเรียน และตรวจสอบบุคลากรรวมทั้งผู้บริหารในโรงเรียน หากละเมิดเด็กหรือการกระทำใดๆ เครือข่ายผู้ปกครองมีสิทธิขอตั้งกรรมการสอบสวน ให้หยุดงาน หรือไล่ออกออกได้” นางฐาณิชชา กล่าว


ด้าน ดร.สรวงมณฑ์ สิทธิสมาน นักวิชาการสื่อสารมวลชนอิสระด้านเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า กรณีนี้ความรุนแรงที่เกิดกับเด็ก เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และเรื่องนี้ไม่ควรจบที่ครูผู้ที่กระทำเด็กเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่สถาบันการศึกษา และเจ้ากระทรวงต้องมีส่วนต่อความรับผิดชอบด้วย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่มีเหตุการณ์ทำนองนี้หลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้ผู้ปกครองไปฟ้องร้องเอาเอง พอจบกรณีนี้ เรื่องก็เงียบไป จากนั้นพอเกิดกรณีใหม่ ก็จะเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาอีก ต้องตั้งคำถามว่าสถาบันการศึกษามีมาตรการต่อการรับครูและครูพี่เลี้ยงอย่างไร และเมื่อครูเคยกระทำการไม่เหมาะสม ผู้บริหารได้ดำเนินการอย่างไร และมีวิธีตรวจสอบครูถึงวิธีการดูแลเด็กในแต่ละวันหรือไม่อย่างไร ส่วนเจ้ากระทรวงมองปัญหาและรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ควรตระหนักและมีมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นโดยมีเด็กเป็นเหยื่อซ้ำซากอีก
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของใครโดยลำพัง แต่เป็นปัญหาร่วมของสังคม ในเมื่อเราบอกว่าเด็กคืออนาคตของชาติ เด็กเล็กคือวัยทองแท้ของชีวิตมนุษย์ แล้วเราจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เรามี พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก เรามีกฎหมายมากมายหลายฉบับ แต่ไฉนปัญหาเหล่านี้ยังวนเวียนอยู่ซ้ำๆ” ดร.สรวงมณฑ์ กล่าว

ด้าน นายชูวิทย์ จันทรส เลขาธิการมูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กล่าวว่า การจับสัญญาณของเด็กๆเป็นเรื่องสำคัญมาก ความผิดปกติที่เด็กๆแสดงออกมีรูปแบบที่ต่างกันไป แต่หากผู้ปกครองจับสัญญาณดีๆจะพบความผิดปกติเกิดขึ้นได้เร็ว เช่น ไม่อยากไปโรงเรียน หวาดกลัว เงียบผิดปกติและไม่กล้าเล่าว่าอะไรเกิดขึ้น ร่างกายมีความผิดปกติเขียวช้ำ จากการถูกทำร้าย ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้ปกครองเท่านั้น ครูคนอื่นๆก็ควรมีจิตวิญญาณของความเป็นครู มีสัญชาตญาณระวังภัยให้กับเด็กๆ แต่จากคลิปในเหตุการณ์นี้ ครูทำเหมือนไม่มีอะไรร้ายแรง ทำเป็นเรื่องปกติ ไม่ห้ามปรามช่วยเหลือ จุดนี้น่ากลัวมากมันสะท้อนว่าโรงเรียนแห่งนี้มีปัญหารุนแรงจริงๆ และไม่มีใครรู้ว่าเป็นแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ล่าสุดมีข่าวว่ามีการไล่ออกครูผู้ก่อเหตุและครูที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว แต่ใช่ว่าผู้บริหารจะหลุดพ้นไปจากความรับผิดชอบ สิ่งที่อยากเห็นนอกจากคำขอโทษคือมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อปิดทางไม่ให้เกิดขึ้น
“ขอสนับสนุนให้ผู้ปกครองเอาผิดครูที่ก่อเหตุและครูที่เพิกเฉย ให้เป็นตัวอย่างความรับผิดทางอาญา เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานว่า ครูไม่ว่าใครก็ตามคุณไม่สามารถละเมิดสิทธิของเด็กๆได้ ทั้งทางคำพูดและการกระทำ เรามีกฎหมายรองรับเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน กระทรวง พม.ต้องเดินหน้ายืนเคียงข้างเด็กๆและผู้ปกครองอย่างเต็มกำลัง รวดเร็ว ตอนนี้ต้องรีบเข้าเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจเด็ก และอาจต้องช่วยกันออกแบบว่าจะทำอย่างไรให้เด็กๆในโรงเรียนนี้เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะไม่โดดเดี่ยว มีกลไกที่ช่วยเหลืออย่างเข้าใจ” นายชูวิทย์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]

จับผับรังสิต

สั่งเด้งผู้การปทุมธานี ขาดจากตำแหน่งเดิม เซ่นจับผับดังรังสิต

8 ส.ค. – โดนด้วย! สั่งเด้งผู้การปทุมธานี โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม พร้อมพวกอีก 5 นาย เซ่นจับผับดังรังสิต พบฉี่ม่วงเพียบเฉียด 200 คน พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงนามในคำสั่งตำรวจภูธรภาค 1 ที่ 209/2568 เรื่อง ข้าราชการตำรวจช่วยราชการ ใจความว่า ด้วย ตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งที่ 208/2568 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2568 แต่งตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เวลา 01.00 น. ชุดปฏิบัติการ พิเศษกรมการปกครอง ได้มีการจัดระเบียบสังคม โดยเปิดปฏิบัติการ (Zero Drug) โดยนำกำลังเข้าทำการ ตรวจสอบและจับกุมสถานบริการ ชื่อ ร้าน “Skin […]

ข่าวแนะนำ

นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องชาติมากถึง 75%

กทม. 10 ส.ค.-นิด้าโพล เผยประชาชนไว้วางใจกองทัพ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา มากถึง 75% แนะเปิดเจรจาทางการทูตสองฝ่ายจริงจัง รวมทั้งเห็นว่าไม่ควรรับผู้ป่วยชาวกัมพูชาทุกคน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ไปต่อแบบไหนดี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป เกี่ยวกับความไว้วางใจและความพอใจต่อบทบาทของภาคส่วนต่างๆ ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา พบว่า -กองทัพ ตัวอย่าง ร้อยละ 75.73 ระบุว่า ไว้วางใจมาก รองลงมา ร้อยละ 19.31 ระบุว่า ค่อนข้างไว้วางใจ ร้อยละ 3.66 ระบุว่า ไม่ค่อยไว้วางใจ ร้อยละ 1.07 ระบุว่า ไม่ไว้วางใจเลย และร้อยละ 0.23 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ -กระทรวงการต่างประเทศ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 […]

พบหลุมระเบิดที่กัมพูชายิงใส่ไทย 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดน

กทม. 10 ส.ค.-เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ใน 4 จังหวัดชายแดนไทย ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล เพจเฟซบุ๊ก “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ว่า เจ้าหน้าที่ EOD เข้าพื้นที่เก็บกู้ระเบิด พบหลุมระเบิดที่เกิดจากฝีมือกัมพูชามากถึง 824 หลุม ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่พลเรือนและโรงพยาบาล ซึ่งสร้างความเสียหายและความหวาดกลัวให้ประชาชน ที่กำลังทยอยกลับเข้าพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายของบ้านพักอาศัย ข้อมูลที่เพจโพสต์แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นผลจากการยิงอาวุธของกัมพูชาใส่เป้าหมายพลเรือน ทำให้ประชาชนในพื้นที่ต้องอพยพหนีภัยสงคราม และหากสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง ประชาชนเริ่มกลับเข้าสู่พื้นที่ตนเอง แต่ต้องเผชิญกับอันตรายจากระเบิดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ EOD ทำงานอย่างหนัก เพื่อเร่งเก็บกู้ระเบิดให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในบ้านของตนเองอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ชวนชมดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม

ทำเนียบ 10 ส.ค.-รัฐบาลเชิญชวนชมความงดงามของดวงไฟประดับรอบกรุงเทพฯ ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี (วันแม่แห่งชาติ) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง ร่วมใจกัน ติดตั้งไฟประดับทั้ง 2 ข้างทาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอเชิญชวนประชาชนได้ร่วมสัมผัสความงดงามของดวงไฟประดับ เนื่องในโอกาสมหามงคลนี้ โดยการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการติดตั้งไฟประดับจำนวนกว่า 2 ล้านดวง เพื่อประดับในสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน วังศุโขทัย พระบรมมหาราชวัง บริเวณท้องสนามหลวง รอบพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วังสระปทุม พระที่นั่งอนันตสมาคม ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามเสือป่า ทำเนียบองคมนตรี กระทรวงมหาดไทย ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่วันนี้ – […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 10 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่งบริเวณภาคอีสาน ตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก คลื่นลมทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ […]