บึงกาฬ, นครพนม 27 ส.ค.- กรมทรัพยากรธรณี ชูแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีภาคอีสานหินสามวาฬ น้ำตกภูถ้ำพระ และแหล่งเรียนรู้รอยเท้าไดโนเสาร์ท่าอุเทน ให้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวภาคอีสานที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเพิ่มขึ้นหลังจากการระบาดของโควิด-19
ภูสิงห์ จ.บึงกาฬ เป็นหนึ่งในยอดภูเขาที่ขึ้นชื่อของภาคอีสาน มีความแปลกและแตกต่างจากแหล่งธรรมชาติอื่น โดยเฉพาะหินสามวาฬที่ต้องไม่พลาดขึ้นสัมผัสด้วยตัวเอง
นักท่องเที่ยวต้องขึ้นรถเจ้าหน้าที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูสิงห์ หรือเครือข่ายอาสาป่าไม้เท่านั้น ด้วยเส้นทางต้องใช้ความชำนาญสูง แต่เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง ได้ออกไปยืนบนยอดเขาหินทรายขนาดใหญ่ ที่เกิดจากแรงบีบอัดทางธรณีตั้งแต่อดีตกาล ทำให้หินโก่งตัวเป็นภูเขา เกิดแนวแตกยาวแยกออก หากมองจากมุมสูงยิ่งดูคล้ายฝูงวาฬ 3 ตัว ที่ว่ายอยู่กลางเมฆหมอก เป็นความงามทางธรณีวิทยา ควรค่าแก่การปักหมุดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด
ขยับการเดินทางมาอีกเล็กน้อยมาที่น้ำตกภูถ้ำพระ อ.เซกา จ.บึงกาฬ เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นหลักฐานว่าพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นทะเลทรายมาก่อน เกิดเป็นหินทรายที่มีน้ำตกแปลกกว่าที่อื่น มีระดับชั้นคล้ายสไลเดอร์ ได้สนุกสดชื่นชุ่มฉ่ำคลายจากความเหนื่อยล้า
ไม่ไกลกันที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เป็นอีกพื้นที่ที่มีความสำคัญด้านธรณีวิทยา ที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้ย้อนกลับสู่ยุคบรรพกาลกับรอยเท้าไดโนเสาร์ ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ที่พบรอยเท้าสัตว์ดึกดำบรรพ์จำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย ตลอดระยะทาง 150 เมตร พบรอยเท้าของไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งออร์นิโธมิโมซอร์ อิกัวโนดอน ซอโรพอด และจระเข้ เป็นจุดแวะพักที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้มาเยือน
กรมทรัพยากรธรณีมั่นใจว่า แหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยาเหล่านี้ มีเสน่ห์และแตกต่าง พร้อมเป็นที่ท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ หลังวิกฤติการระบาดของโควิด-19 ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ชุมชนและคนรุ่นใหม่ที่จะช่วยอนุรักษ์ รักษาแหล่งทรัพยากรอย่างยั่งยืน.-สำนักข่าวไทย