สธ.ยันร้านกัญชายังเปิดต่อได้ แต่ต้องมีตามใบสั่งแพทย์

สธ. 8 ก.ค. – สธ. ยันร้านกัญชายังเปิดต่อได้ แต่ต้องมีตามใบสั่งแพทย์ ย้ำเป็นการออกมาตรการควบคุม เปิดทางร้านปรับตัวก่อนคุมเข้มเต็มรูปแบบ เผยข้อกำหนดร้านจำหน่ายให้ได้เฉพาะผู้มีใบสั่งแพทย์ พร้อมเปิดคอร์สอบรมผู้มีสิทธิสั่งจ่ายช่อดอกกัญชา รองรับให้ในอนาคตแต่ละร้านมีแพทย์ประจำ พร้อมเร่งออกกฎกระทรวงการอนุญาตจำหน่ายกัญชาเพิ่มเติม


นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงข้อเท็จจริง “กัญชาทางการแพทย์” โดยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าหลังจากกลุ่มเขียนเครือข่ายอนาคตกัญชาไทย ยื่น 3 ข้อเรียกร้องนั้น เข้ามายื่นข้อเสนอต่อ รมว.สาธารณสุข คือ 1.คัดค้านการนำกัญชาเข้าสู่บัญชีรายชื่อยาเสพติดให้โทษ ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีมาตรการนี้เกิดขึ้น 2.การให้คงสถานะกัญชาเป็นพืชสมุนไพร โดยให้มีพระราชบัญญัติควบคุม ไม่ให้ใช้ประกาศสมุนไพรควบคุม ตนขอชี้แจงว่าขณะนี้มีการประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ และอยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชบัญญัติต่อไป และ 3.การให้ตั้งคณะกรรมการร่วมในการออกประกาศกระทรวงใดๆ ที่จะใช้แก้ปัญหาได้จริง เรื่องนี้ตนยืนยันว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจริง

หลังจากที่กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว พบว่ามีประชาชนใช้กัญชาเพิ่มขึ้น 10 เท่า ทำให้สังคมไม่สบายใจ จึงออกประกาศสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2568 เพื่อการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยการสั่งจ่ายยาจากแพทย์ 7 วิชาชีพตามประกาศ รวมถึงควบคุมแหล่งผลิตที่มีมาตรฐานการปลูก เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภค นอกจากนั้น กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ออกประกาศแบบสั่งจ่ายยา ภ.ท.33 เพื่อให้ร้านขายกัญชาขายตามใบสั่งแพทย์ เพื่อให้มีการตรวจสอบที่มากัญชาและการจำหน่ายออกไป


ย้ำว่าผู้ที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องก็สามารถดำเนินได้ต่อไป โดยพร้อมรับฟังความเห็น ข้อเสนอของกลุ่มเครือข่ายอนาคตกัญชาไทย ซึ่งไม่เฉพาะกัญชา เรื่องของกระท่อม สธ.ก็ได้ดำเนินการจับกุมพวกที่นำกระท่อมไปผสม เช่น ยาแก้ไอ น้ำผลไม้ โดยจับกุมได้ต่อเนื่อง ยืนยันว่าร้านกัญชา 18,000 แห่ง ที่เปิดอยู่ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพียงแค่อยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านให้ร้านเหล่านี้ทราบถึงแนวทางและปฏิบัติตาม

นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการแจ้งร้านค้าต่าง ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้มีการปรับตัวตามประกาศฉบับใหม่ ดำเนินการ 2 ส่วนคือ การเตรียมให้กัญชาที่จะนำมาใช้มีมาตรฐาน และการเตรียมแพทย์ที่จะเป็นผู้ออกใบสั่งจ่ายกัญชาที่ผ่านการอบรมให้เพียงพอ โดยข้อแรกกัญชาที่ได้มาตรฐานในที่นี้หมายถึงกัญชาที่ได้รับการปลูกไปตามมาตรฐานไม่ให้ปนเปื้อนโลหะหนัก เชื้อรา จุลินทรีย์ เพื่อความปลอดภัยกับผู้บริโภค

ปัจจุบันมีแปลงปลูกที่ผ่านมาตรฐาน ทั้งหมด 69 แห่งปริมาณการผลิตช่อดอกแห้ง 71 ตันต่อปี ในจำนวนนี้ส่งออก 24 ตันต่อปี โดยมีแปลงที่อยู่ระหว่างการประเมิน 51 แห่ง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะมีปริมาณการผลิตในอนาคต 125 ตันต่อปี ส่งออกได้ 41 ตันต่อปี ขณะที่ปัจจุบันมีร้านค้า 18,651 ร้านค้า ปริมาณการบริโภคในประเทศ ประมาณ 47 ตันต่อปี ซึ่งพบว่ามีการปลูกที่ไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้มาตรฐาน อีกกว่า 3-4 พันแห่ง และนำมาจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต


ส่วนการเตรียมความพร้อมเรื่องแพทย์ที่จ่ายใบ ภ.ท.33 นั้น กรมฯ จะมีการเปิดอบรมผ่านระบบออนไลน์และออนไซต์ ในวันที่ 16 กรกฎาคม เป็นเวลา 1 วัน ทั้งนี้ มีแพทย์แผนไทยลงทะเบียนแล้ว 1,000 กว่าคน ส่วนแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ระหว่างรวมรายชื่อ ซึ่งจะเปิดอบรมเรื่อย ๆ แพทย์ที่สนใจก็สามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการแพทย์ที่มาอบรมประมาณ 2,000 คน เมื่อเทียบสัดส่วนแพทย์กับร้านขายกัญชาที่ได้รับอนุญาต 18,000 ร้าน ก็จะเป็นสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อ 10 ร้านขาย ทั้งนี้ กรมฯ กำลังให้แต่ละจังหวัดรวมรายชื่อแพทย์แผนไทยที่จะเข้าอบรมเพิ่มเติม

อีกส่วนคือการอบรมผู้ประกอบการ โดยกรมฯ จะเปิดอบรมผู้จำหน่ายกัญชา ในวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งจะอบรม 3 วันผ่านระบบออนไลน์และออนไซต์ คาดว่าจะมีผู้ขายกัญชาจาก 1.8 หมื่นร้านที่ได้รับใบอนุญาต เข้ารวมอบรม โดยจะ 1. อบรม Budtender (ผู้แนะนำการใช้กัญชา) โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมสมาคมผู้ประกอบการ-เครือข่าย 2. จำหน่ายช่อดอกตามใบสั่งแพทย์ (ค.ท. 33) และ3. การจำหน่ายและส่งออกสมุนไพรควบคุม ต้องมาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน

โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ จำนวน 1,565 ร้าน ภายใน 1 เดือน พักใช้ใบอนุญาต 82 ราย เพิกถอนใบอนุญาต จำนวน 5 ราย กรณีทำผิดเงื่อนไข จับกุมดำเนินคดี 7 ราย กรณีจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบปิดกิจการ 322 ราย

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ได้อนุมัติอนุญาตผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมไปแล้วในสามกลุ่มประกอบด้วย อาหารเครื่องสำอาง และสมุนไพร และมีที่ดำเนินการไม่ถูกต้อง ดำเนินคดีไปแล้ว 41 ราย ส่วนใหญ่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ขออนุญาตและมีสารปนเปื้อนมากเกินกว่าปกติ เช่นกรณีที่พบลักลอบจำหน่าย เยลลีกัญชา เป็นต้น

ด้านนายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบายเพิ่มว่า ในข้อกำหนดที่ให้ส่งเอกสารรายงานทุกสิ้นเดือนตั้งแต่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นมา ทุกร้านต้องส่งรายงานโดยแนบใบสั่งจ่ายกัญชา เพราะฉะนั้นในช่วงนี้จะเป็นช่วงสูญญากาศที่ทำความเข้าใจ ยังไม่ได้จับกุม แต่ร้านต้องถือปฏิบัติ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะออกไปให้ข้อมูลและคำแนะนำกับแต่ละร้านค้าในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งในเรื่องรายงาน ผู้รับใบอนุญาตต้องรายงานมายังกรม บังคับส่งทุก 1 เดือน หากไม่ส่งพักใช้ใบอนุญาต หรือรายงานเท็จก็พักใช้ใบอนุญาต และโดนคดีปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ

ส่วนผู้ที่ปลูกกัญชาในบ้าน ตามกฏหมายสำหรับผู้ที่ปลูกในบ้านและไม่ได้เอาไปให้ใครตอนนี้กฎหมายยังไม่ได้มีโทษ แต่หากพกปริมาณที่ชัดเจนว่า เอาไปขายต่อ ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหามีไว้เพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำนวนในตอนนี้ก่อนที่กฎกะทรวงจะออกมาระบุชัดเจน ก็สามารถประมาณได้ว่า เช่น จะมีกำหนดว่าคนหนึ่งต่อคนใช้เองส่วนใหญ่ไม่เกิน 1 กรัมต่อคน หากใครพกออกมามากเกินกว่าที่คนๆ หนึ่งจะใช้ ก็ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย ตามกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม สธ.จะจัดทำรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับรายละเอียดต่อไป เช่น พกช่อดอกออกมาจำนวนเท่าใดที่เรียกว่าเพื่อจำหน่าย

ส่วนการดำเนินการขอต่อใบอนุญาตที่ในปีนี้จะมี 1.2 หมื่นแห่ง จากในจำนวนร้านกัญชา 1.8 หมื่นแห่ง และรายใหม่นั้นจะต้องใช้กติกาใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความเห็นต่อร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการอนุญาตจำหน่ายสมุนไพรควบคุมช่อดอกกัญชา โดยจะปิดรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 ซึ่งจะเป็นการกำหนดระเบียบต่างๆ ในการขายกัญชา ที่สำคัญคือ หลังจากประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ โดยรูปแบบในอนาคตร้านที่ขายกัญชาทุกแห่งจะต้องมีแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตสั่งจ่ายกัญชาประจำอยู่ในร้าน และผู้ประกอบการก็ต้องผ่านการอบรมเช่นกัน ดังนั้น ซึ่งจะดำเนินการในลักษณะของคลินิกที่มีแพทย์อยู่ประจำ ไม่ใช่สถานประกอบการทั่วไป ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ถึง 12 กรกฎาคม ขอให้ทุกคนเข้าไปให้ความเห็นในเรื่องนี้. -416-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]