สธ.ยันร้านกัญชายังเปิดต่อได้ แต่ต้องมีตามใบสั่งแพทย์

สธ. 8 ก.ค. – สธ. ยันร้านกัญชายังเปิดต่อได้ แต่ต้องมีตามใบสั่งแพทย์ ย้ำเป็นการออกมาตรการควบคุม เปิดทางร้านปรับตัวก่อนคุมเข้มเต็มรูปแบบ เผยข้อกำหนดร้านจำหน่ายให้ได้เฉพาะผู้มีใบสั่งแพทย์ พร้อมเปิดคอร์สอบรมผู้มีสิทธิสั่งจ่ายช่อดอกกัญชา รองรับให้ในอนาคตแต่ละร้านมีแพทย์ประจำ พร้อมเร่งออกกฎกระทรวงการอนุญาตจำหน่ายกัญชาเพิ่มเติม


นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงข้อเท็จจริง “กัญชาทางการแพทย์” โดยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าหลังจากกลุ่มเขียนเครือข่ายอนาคตกัญชาไทย ยื่น 3 ข้อเรียกร้องนั้น เข้ามายื่นข้อเสนอต่อ รมว.สาธารณสุข คือ 1.คัดค้านการนำกัญชาเข้าสู่บัญชีรายชื่อยาเสพติดให้โทษ ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีมาตรการนี้เกิดขึ้น 2.การให้คงสถานะกัญชาเป็นพืชสมุนไพร โดยให้มีพระราชบัญญัติควบคุม ไม่ให้ใช้ประกาศสมุนไพรควบคุม ตนขอชี้แจงว่าขณะนี้มีการประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ และอยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชบัญญัติต่อไป และ 3.การให้ตั้งคณะกรรมการร่วมในการออกประกาศกระทรวงใดๆ ที่จะใช้แก้ปัญหาได้จริง เรื่องนี้ตนยืนยันว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจริง

หลังจากที่กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว พบว่ามีประชาชนใช้กัญชาเพิ่มขึ้น 10 เท่า ทำให้สังคมไม่สบายใจ จึงออกประกาศสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2568 เพื่อการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยการสั่งจ่ายยาจากแพทย์ 7 วิชาชีพตามประกาศ รวมถึงควบคุมแหล่งผลิตที่มีมาตรฐานการปลูก เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภค นอกจากนั้น กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ออกประกาศแบบสั่งจ่ายยา ภ.ท.33 เพื่อให้ร้านขายกัญชาขายตามใบสั่งแพทย์ เพื่อให้มีการตรวจสอบที่มากัญชาและการจำหน่ายออกไป


ย้ำว่าผู้ที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องก็สามารถดำเนินได้ต่อไป โดยพร้อมรับฟังความเห็น ข้อเสนอของกลุ่มเครือข่ายอนาคตกัญชาไทย ซึ่งไม่เฉพาะกัญชา เรื่องของกระท่อม สธ.ก็ได้ดำเนินการจับกุมพวกที่นำกระท่อมไปผสม เช่น ยาแก้ไอ น้ำผลไม้ โดยจับกุมได้ต่อเนื่อง ยืนยันว่าร้านกัญชา 18,000 แห่ง ที่เปิดอยู่ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพียงแค่อยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านให้ร้านเหล่านี้ทราบถึงแนวทางและปฏิบัติตาม

นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการแจ้งร้านค้าต่าง ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้มีการปรับตัวตามประกาศฉบับใหม่ ดำเนินการ 2 ส่วนคือ การเตรียมให้กัญชาที่จะนำมาใช้มีมาตรฐาน และการเตรียมแพทย์ที่จะเป็นผู้ออกใบสั่งจ่ายกัญชาที่ผ่านการอบรมให้เพียงพอ โดยข้อแรกกัญชาที่ได้มาตรฐานในที่นี้หมายถึงกัญชาที่ได้รับการปลูกไปตามมาตรฐานไม่ให้ปนเปื้อนโลหะหนัก เชื้อรา จุลินทรีย์ เพื่อความปลอดภัยกับผู้บริโภค

ปัจจุบันมีแปลงปลูกที่ผ่านมาตรฐาน ทั้งหมด 69 แห่งปริมาณการผลิตช่อดอกแห้ง 71 ตันต่อปี ในจำนวนนี้ส่งออก 24 ตันต่อปี โดยมีแปลงที่อยู่ระหว่างการประเมิน 51 แห่ง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะมีปริมาณการผลิตในอนาคต 125 ตันต่อปี ส่งออกได้ 41 ตันต่อปี ขณะที่ปัจจุบันมีร้านค้า 18,651 ร้านค้า ปริมาณการบริโภคในประเทศ ประมาณ 47 ตันต่อปี ซึ่งพบว่ามีการปลูกที่ไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้มาตรฐาน อีกกว่า 3-4 พันแห่ง และนำมาจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต


ส่วนการเตรียมความพร้อมเรื่องแพทย์ที่จ่ายใบ ภ.ท.33 นั้น กรมฯ จะมีการเปิดอบรมผ่านระบบออนไลน์และออนไซต์ ในวันที่ 16 กรกฎาคม เป็นเวลา 1 วัน ทั้งนี้ มีแพทย์แผนไทยลงทะเบียนแล้ว 1,000 กว่าคน ส่วนแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ระหว่างรวมรายชื่อ ซึ่งจะเปิดอบรมเรื่อย ๆ แพทย์ที่สนใจก็สามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการแพทย์ที่มาอบรมประมาณ 2,000 คน เมื่อเทียบสัดส่วนแพทย์กับร้านขายกัญชาที่ได้รับอนุญาต 18,000 ร้าน ก็จะเป็นสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อ 10 ร้านขาย ทั้งนี้ กรมฯ กำลังให้แต่ละจังหวัดรวมรายชื่อแพทย์แผนไทยที่จะเข้าอบรมเพิ่มเติม

อีกส่วนคือการอบรมผู้ประกอบการ โดยกรมฯ จะเปิดอบรมผู้จำหน่ายกัญชา ในวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งจะอบรม 3 วันผ่านระบบออนไลน์และออนไซต์ คาดว่าจะมีผู้ขายกัญชาจาก 1.8 หมื่นร้านที่ได้รับใบอนุญาต เข้ารวมอบรม โดยจะ 1. อบรม Budtender (ผู้แนะนำการใช้กัญชา) โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมสมาคมผู้ประกอบการ-เครือข่าย 2. จำหน่ายช่อดอกตามใบสั่งแพทย์ (ค.ท. 33) และ3. การจำหน่ายและส่งออกสมุนไพรควบคุม ต้องมาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน

โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ จำนวน 1,565 ร้าน ภายใน 1 เดือน พักใช้ใบอนุญาต 82 ราย เพิกถอนใบอนุญาต จำนวน 5 ราย กรณีทำผิดเงื่อนไข จับกุมดำเนินคดี 7 ราย กรณีจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบปิดกิจการ 322 ราย

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ได้อนุมัติอนุญาตผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมไปแล้วในสามกลุ่มประกอบด้วย อาหารเครื่องสำอาง และสมุนไพร และมีที่ดำเนินการไม่ถูกต้อง ดำเนินคดีไปแล้ว 41 ราย ส่วนใหญ่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ขออนุญาตและมีสารปนเปื้อนมากเกินกว่าปกติ เช่นกรณีที่พบลักลอบจำหน่าย เยลลีกัญชา เป็นต้น

ด้านนายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบายเพิ่มว่า ในข้อกำหนดที่ให้ส่งเอกสารรายงานทุกสิ้นเดือนตั้งแต่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นมา ทุกร้านต้องส่งรายงานโดยแนบใบสั่งจ่ายกัญชา เพราะฉะนั้นในช่วงนี้จะเป็นช่วงสูญญากาศที่ทำความเข้าใจ ยังไม่ได้จับกุม แต่ร้านต้องถือปฏิบัติ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะออกไปให้ข้อมูลและคำแนะนำกับแต่ละร้านค้าในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งในเรื่องรายงาน ผู้รับใบอนุญาตต้องรายงานมายังกรม บังคับส่งทุก 1 เดือน หากไม่ส่งพักใช้ใบอนุญาต หรือรายงานเท็จก็พักใช้ใบอนุญาต และโดนคดีปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ

ส่วนผู้ที่ปลูกกัญชาในบ้าน ตามกฏหมายสำหรับผู้ที่ปลูกในบ้านและไม่ได้เอาไปให้ใครตอนนี้กฎหมายยังไม่ได้มีโทษ แต่หากพกปริมาณที่ชัดเจนว่า เอาไปขายต่อ ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหามีไว้เพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำนวนในตอนนี้ก่อนที่กฎกะทรวงจะออกมาระบุชัดเจน ก็สามารถประมาณได้ว่า เช่น จะมีกำหนดว่าคนหนึ่งต่อคนใช้เองส่วนใหญ่ไม่เกิน 1 กรัมต่อคน หากใครพกออกมามากเกินกว่าที่คนๆ หนึ่งจะใช้ ก็ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย ตามกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม สธ.จะจัดทำรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับรายละเอียดต่อไป เช่น พกช่อดอกออกมาจำนวนเท่าใดที่เรียกว่าเพื่อจำหน่าย

ส่วนการดำเนินการขอต่อใบอนุญาตที่ในปีนี้จะมี 1.2 หมื่นแห่ง จากในจำนวนร้านกัญชา 1.8 หมื่นแห่ง และรายใหม่นั้นจะต้องใช้กติกาใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความเห็นต่อร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการอนุญาตจำหน่ายสมุนไพรควบคุมช่อดอกกัญชา โดยจะปิดรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 ซึ่งจะเป็นการกำหนดระเบียบต่างๆ ในการขายกัญชา ที่สำคัญคือ หลังจากประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ โดยรูปแบบในอนาคตร้านที่ขายกัญชาทุกแห่งจะต้องมีแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตสั่งจ่ายกัญชาประจำอยู่ในร้าน และผู้ประกอบการก็ต้องผ่านการอบรมเช่นกัน ดังนั้น ซึ่งจะดำเนินการในลักษณะของคลินิกที่มีแพทย์อยู่ประจำ ไม่ใช่สถานประกอบการทั่วไป ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ถึง 12 กรกฎาคม ขอให้ทุกคนเข้าไปให้ความเห็นในเรื่องนี้. -416-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ หลังเมียนมาปะทะรุนแรง

ตาก 12 ก.ค. – ผบ.กองกำลังนเรศวร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด่วน พร้อมเฝ้าระวังชายแดนอำเภอพบพระอย่างใกล้ชิด หลังเหตุปะทะในเมียนมาทวีความรุนแรง มีรายงานการโจมตีค่ายทหารเมียนมาด้วยโดรน กองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมา ใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีใส่ฐาน “ทีตาแหล่” ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามบ้านวาเล่ย์เหนือ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลายครั้ง ขณะที่ทหารเมียนมาก็ยิงปืนเล็กยาวตอบโต้ โดยยังไม่ทราบความเสียหายที่เกิดขึ้น และยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทย พลตรีไมตรี ชูปรีชา ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร พร้อมคณะนายทหารระดับสูง และฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณบ้านวาเล่ย์ และบ้านมอเกอร์ไทย อำเภอพบพระ อย่างใกล้ชิด เพื่อประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงในการเตรียมแผนเผชิญเหตุจากผลกระทบของการสู้รบใกล้แนวชายแดนในด้านมนุษยธรรม โดยขณะนี้มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาจำนวน 457 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว 2 แห่ง ในอำเภอพบพระ และได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สั่งการชายแดนประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก และแนวทางของสภาความมั่นคงแห่งชาติ พลตรี ไมตรี เน้นย้ำให้หน่วยเฉพาะกิจราชมนู ร่วมกับฝ่ายปกครอง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังติดอาวุธต่างชาติ และดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งกองกำลังนเรศวรยืนยันว่าประเทศไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง และไม่สนับสนุนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการใช้พื้นที่ประเทศไทยเพื่อประโยชน์ของตนเอง .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง

กทม. 12 ก.ค.-“บิ๊กเต่า” ให้โอกาสคณะสงฆ์ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีเอี่ยวสีกากอล์ฟ เชื่อพระเป็นเหยื่อ หากไม่เสร็จพร้อมดำเนินการ เผยอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เข้าให้ข้อมูล เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ (12 ก.ค.) หลังจากอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อเวลา 12.30 น. แต่งกายด้วยชุดโปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าเข้ามาให้ปากคำกรณีที่ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสไม่ตอบ เมื่อถามเพิ่มเติมว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่ อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน จากนั้นในเวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยเดินทางขึ้นตึกด้านหลัง ใช้ลิฟต์ลานจอดรถ หลังเดินทางกลับจากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร โดยหลบผู้สื่อข่าวที่มารออยู่ด้านหน้า และได้สอบปากคำอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ในเวลา 16.20 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่าการหารือกับพระผู้ใหญ่ในวันนี้ ก็ถือเป็นการทำงานร่วมกันกับ ปปท. ซึ่งมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ […]

อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธร ย่องให้ข้อมูลตำรวจกองปราบ

12 ก.ค. – อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร แอบย่องเข้าให้ข้อมูลกับตำรวจกองปราบ เวลา 12.05 น. วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เบื้องต้นส่วมชุด โปโลสีเทา กางเกงวอร์มขายาว ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามว่าวันนี้เข้ามาให้ปากคำกรณีที่ ปรากฏอยู่ในคลิปหรือไม่ ทางอดีตผู้ช่วยเจ้าวาสวัดโสธรฯ ไม่ตอบแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมต่ออีกว่า คลิปที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ ใช่ตัวเองจริงหรือไม่นั้น ด้านอดีตพระครูสิริวิริยธาดา ปิดปากเงียบ ไม่มีการให้ข้อมูลอะไรกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะเดินขึ้นไปให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ากองปราบด้านบน.-414-สำนักข่าวไทย