สธ.ยันร้านกัญชายังเปิดต่อได้ แต่ต้องมีตามใบสั่งแพทย์

สธ. 8 ก.ค. – สธ. ยันร้านกัญชายังเปิดต่อได้ แต่ต้องมีตามใบสั่งแพทย์ ย้ำเป็นการออกมาตรการควบคุม เปิดทางร้านปรับตัวก่อนคุมเข้มเต็มรูปแบบ เผยข้อกำหนดร้านจำหน่ายให้ได้เฉพาะผู้มีใบสั่งแพทย์ พร้อมเปิดคอร์สอบรมผู้มีสิทธิสั่งจ่ายช่อดอกกัญชา รองรับให้ในอนาคตแต่ละร้านมีแพทย์ประจำ พร้อมเร่งออกกฎกระทรวงการอนุญาตจำหน่ายกัญชาเพิ่มเติม


นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงข้อเท็จจริง “กัญชาทางการแพทย์” โดยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าหลังจากกลุ่มเขียนเครือข่ายอนาคตกัญชาไทย ยื่น 3 ข้อเรียกร้องนั้น เข้ามายื่นข้อเสนอต่อ รมว.สาธารณสุข คือ 1.คัดค้านการนำกัญชาเข้าสู่บัญชีรายชื่อยาเสพติดให้โทษ ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีมาตรการนี้เกิดขึ้น 2.การให้คงสถานะกัญชาเป็นพืชสมุนไพร โดยให้มีพระราชบัญญัติควบคุม ไม่ให้ใช้ประกาศสมุนไพรควบคุม ตนขอชี้แจงว่าขณะนี้มีการประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ และอยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชบัญญัติต่อไป และ 3.การให้ตั้งคณะกรรมการร่วมในการออกประกาศกระทรวงใดๆ ที่จะใช้แก้ปัญหาได้จริง เรื่องนี้ตนยืนยันว่าได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ได้รับผลกระทบจริง

หลังจากที่กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว พบว่ามีประชาชนใช้กัญชาเพิ่มขึ้น 10 เท่า ทำให้สังคมไม่สบายใจ จึงออกประกาศสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2568 เพื่อการใช้กัญชาทางการแพทย์ โดยการสั่งจ่ายยาจากแพทย์ 7 วิชาชีพตามประกาศ รวมถึงควบคุมแหล่งผลิตที่มีมาตรฐานการปลูก เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภค นอกจากนั้น กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ออกประกาศแบบสั่งจ่ายยา ภ.ท.33 เพื่อให้ร้านขายกัญชาขายตามใบสั่งแพทย์ เพื่อให้มีการตรวจสอบที่มากัญชาและการจำหน่ายออกไป


ย้ำว่าผู้ที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องก็สามารถดำเนินได้ต่อไป โดยพร้อมรับฟังความเห็น ข้อเสนอของกลุ่มเครือข่ายอนาคตกัญชาไทย ซึ่งไม่เฉพาะกัญชา เรื่องของกระท่อม สธ.ก็ได้ดำเนินการจับกุมพวกที่นำกระท่อมไปผสม เช่น ยาแก้ไอ น้ำผลไม้ โดยจับกุมได้ต่อเนื่อง ยืนยันว่าร้านกัญชา 18,000 แห่ง ที่เปิดอยู่ขณะนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบ เพียงแค่อยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านให้ร้านเหล่านี้ทราบถึงแนวทางและปฏิบัติตาม

นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการแจ้งร้านค้าต่าง ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้มีการปรับตัวตามประกาศฉบับใหม่ ดำเนินการ 2 ส่วนคือ การเตรียมให้กัญชาที่จะนำมาใช้มีมาตรฐาน และการเตรียมแพทย์ที่จะเป็นผู้ออกใบสั่งจ่ายกัญชาที่ผ่านการอบรมให้เพียงพอ โดยข้อแรกกัญชาที่ได้มาตรฐานในที่นี้หมายถึงกัญชาที่ได้รับการปลูกไปตามมาตรฐานไม่ให้ปนเปื้อนโลหะหนัก เชื้อรา จุลินทรีย์ เพื่อความปลอดภัยกับผู้บริโภค

ปัจจุบันมีแปลงปลูกที่ผ่านมาตรฐาน ทั้งหมด 69 แห่งปริมาณการผลิตช่อดอกแห้ง 71 ตันต่อปี ในจำนวนนี้ส่งออก 24 ตันต่อปี โดยมีแปลงที่อยู่ระหว่างการประเมิน 51 แห่ง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะมีปริมาณการผลิตในอนาคต 125 ตันต่อปี ส่งออกได้ 41 ตันต่อปี ขณะที่ปัจจุบันมีร้านค้า 18,651 ร้านค้า ปริมาณการบริโภคในประเทศ ประมาณ 47 ตันต่อปี ซึ่งพบว่ามีการปลูกที่ไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้มาตรฐาน อีกกว่า 3-4 พันแห่ง และนำมาจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต


ส่วนการเตรียมความพร้อมเรื่องแพทย์ที่จ่ายใบ ภ.ท.33 นั้น กรมฯ จะมีการเปิดอบรมผ่านระบบออนไลน์และออนไซต์ ในวันที่ 16 กรกฎาคม เป็นเวลา 1 วัน ทั้งนี้ มีแพทย์แผนไทยลงทะเบียนแล้ว 1,000 กว่าคน ส่วนแพทย์แผนปัจจุบันอยู่ระหว่างรวมรายชื่อ ซึ่งจะเปิดอบรมเรื่อย ๆ แพทย์ที่สนใจก็สามารถลงทะเบียนได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการแพทย์ที่มาอบรมประมาณ 2,000 คน เมื่อเทียบสัดส่วนแพทย์กับร้านขายกัญชาที่ได้รับอนุญาต 18,000 ร้าน ก็จะเป็นสัดส่วนแพทย์ 1 คนต่อ 10 ร้านขาย ทั้งนี้ กรมฯ กำลังให้แต่ละจังหวัดรวมรายชื่อแพทย์แผนไทยที่จะเข้าอบรมเพิ่มเติม

อีกส่วนคือการอบรมผู้ประกอบการ โดยกรมฯ จะเปิดอบรมผู้จำหน่ายกัญชา ในวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งจะอบรม 3 วันผ่านระบบออนไลน์และออนไซต์ คาดว่าจะมีผู้ขายกัญชาจาก 1.8 หมื่นร้านที่ได้รับใบอนุญาต เข้ารวมอบรม โดยจะ 1. อบรม Budtender (ผู้แนะนำการใช้กัญชา) โดยกรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมสมาคมผู้ประกอบการ-เครือข่าย 2. จำหน่ายช่อดอกตามใบสั่งแพทย์ (ค.ท. 33) และ3. การจำหน่ายและส่งออกสมุนไพรควบคุม ต้องมาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน

โดยจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ จำนวน 1,565 ร้าน ภายใน 1 เดือน พักใช้ใบอนุญาต 82 ราย เพิกถอนใบอนุญาต จำนวน 5 ราย กรณีทำผิดเงื่อนไข จับกุมดำเนินคดี 7 ราย กรณีจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และพบปิดกิจการ 322 ราย

นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ได้อนุมัติอนุญาตผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมไปแล้วในสามกลุ่มประกอบด้วย อาหารเครื่องสำอาง และสมุนไพร และมีที่ดำเนินการไม่ถูกต้อง ดำเนินคดีไปแล้ว 41 ราย ส่วนใหญ่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ขออนุญาตและมีสารปนเปื้อนมากเกินกว่าปกติ เช่นกรณีที่พบลักลอบจำหน่าย เยลลีกัญชา เป็นต้น

ด้านนายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบายเพิ่มว่า ในข้อกำหนดที่ให้ส่งเอกสารรายงานทุกสิ้นเดือนตั้งแต่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นมา ทุกร้านต้องส่งรายงานโดยแนบใบสั่งจ่ายกัญชา เพราะฉะนั้นในช่วงนี้จะเป็นช่วงสูญญากาศที่ทำความเข้าใจ ยังไม่ได้จับกุม แต่ร้านต้องถือปฏิบัติ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะออกไปให้ข้อมูลและคำแนะนำกับแต่ละร้านค้าในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งในเรื่องรายงาน ผู้รับใบอนุญาตต้องรายงานมายังกรม บังคับส่งทุก 1 เดือน หากไม่ส่งพักใช้ใบอนุญาต หรือรายงานเท็จก็พักใช้ใบอนุญาต และโดนคดีปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ

ส่วนผู้ที่ปลูกกัญชาในบ้าน ตามกฏหมายสำหรับผู้ที่ปลูกในบ้านและไม่ได้เอาไปให้ใครตอนนี้กฎหมายยังไม่ได้มีโทษ แต่หากพกปริมาณที่ชัดเจนว่า เอาไปขายต่อ ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหามีไว้เพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำนวนในตอนนี้ก่อนที่กฎกะทรวงจะออกมาระบุชัดเจน ก็สามารถประมาณได้ว่า เช่น จะมีกำหนดว่าคนหนึ่งต่อคนใช้เองส่วนใหญ่ไม่เกิน 1 กรัมต่อคน หากใครพกออกมามากเกินกว่าที่คนๆ หนึ่งจะใช้ ก็ถือว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย ตามกฎหมายคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม สธ.จะจัดทำรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับรายละเอียดต่อไป เช่น พกช่อดอกออกมาจำนวนเท่าใดที่เรียกว่าเพื่อจำหน่าย

ส่วนการดำเนินการขอต่อใบอนุญาตที่ในปีนี้จะมี 1.2 หมื่นแห่ง จากในจำนวนร้านกัญชา 1.8 หมื่นแห่ง และรายใหม่นั้นจะต้องใช้กติกาใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความเห็นต่อร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับการอนุญาตจำหน่ายสมุนไพรควบคุมช่อดอกกัญชา โดยจะปิดรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 ซึ่งจะเป็นการกำหนดระเบียบต่างๆ ในการขายกัญชา ที่สำคัญคือ หลังจากประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ โดยรูปแบบในอนาคตร้านที่ขายกัญชาทุกแห่งจะต้องมีแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตสั่งจ่ายกัญชาประจำอยู่ในร้าน และผู้ประกอบการก็ต้องผ่านการอบรมเช่นกัน ดังนั้น ซึ่งจะดำเนินการในลักษณะของคลินิกที่มีแพทย์อยู่ประจำ ไม่ใช่สถานประกอบการทั่วไป ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์ถึง 12 กรกฎาคม ขอให้ทุกคนเข้าไปให้ความเห็นในเรื่องนี้. -416-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยตอนบนมีฝนน้อย คลื่นลมมีกำลังอ่อน

กทม. 2 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนมีฝนน้อย คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 20% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนน้อยเนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน และตากอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ […]

เปิดข้อเสนอสุดท้าย ทีมไทยแลนด์ ต่อรอง “ทรัมป์”

1 ส.ค. – เปิด 10 ข้อเสนอของทีมไทยแลนด์ ที่นำไปต่อรองกับสหรัฐ จนนำไปสู่การปิดดีลภาษีนำเข้าในอัตรา 19% จากที่ก่อนหน้านี้ถูกขู่ว่าจะเก็บสูงถึง 36% นอกจากตัวเลขภาษีนำเข้า สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนต้องการรู้ นั่นก็คือข้อเสนอของทีมไทยแลนด์ ที่นำไปต่อรองกับสหรัฐ จนนำไปสู่การปิดดีลที่ 19% โดยสิ่งที่ไทยยอมแลก 10 ข้อหลักมีดังนี้ เรียกว่า ไทยยอมแลกหลายมิติ ทั้งเปิดตลาดให้สหรัฐ มากขึ้น ยกเว้นภาษีเกือบหมด, เพิ่มการนำเข้า, และร่วมมือด้านความมั่นคง แลกกับการที่ “ภาษีตอบแทน” ที่สหรัฐจะเก็บจากไทย ลดลงจาก 36% เหลือ 19%.-สำนักข่าวไทย

เคลียร์ BM21 หมู่บ้านกระสุนตก 5 ลูก อ.น้ำยืน อุบลฯ

อุบลราชานี 1 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ทำลายหัวกระสุน BM21 ที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกในหมู่บ้านชายแดน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทั้งหมด 5 ลูก มีทั้งที่ยังไม่ระเบิด และทำงานไม่สมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ระเบิดทำลายหัวกระสุน BM21 ที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกในหมู่บ้านชายแดน ในอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ซึ่งจากการสำรวจพื้นที่ ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ใน 8 หมู่บ้าน 24 จุด พบกระสุน BM21 ทั้งหมด 5 ลูก มีทั้งที่ยังไม่ระเบิด และพร้อมทำงาน โดยในช่วงเช้าทำลาย 3 จุด จุดแรกอยู่บริเวณริมถนนสายน้ำยืน นาจะหลวย เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนทั้ง 2 ฝั่ง ก่อนขุดดินด้านบนแล้วหย่อนระเบิด C4 ลงไปในหลุมที่หัวกระสุน BM21 ตกแต่ไม่ระเบิด จากนั้นจึงจุดชนวนทำลายระเบิด ใช้เวลาเพียง 20 นาที หัวกระสุนถูกทำลายโดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จุดที่ […]

ทูตทหาร 23 ประเทศ ลงพื้นที่จุดกัมพูชายิงถล่ม

ศรีสะเกษ 1 ส.ค. – วันนี้คณะทูตานุทูตและทูตทหาร รวม 23 ประเทศ ลงพื้นที่สังเกตการณ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในพื้นที่ถูกกัมพูชาโจมตี และศูนย์พักพิง การลงพื้นที่ในวันนี้ทางประเทศไทยต้องการให้คณะทูตทั้ง 23 ประเทศได้เห็นข้อเท็จจริงและนำไปเผยแพร่ให้ประชาคมโลกได้รับรู้ จุดแรกคือปั๊ม ปตท.บ้านผือ ที่ถูกกัมพูชายิงจรวด BM21 โดยนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ บรรยายสรุปให้คณะได้รับฟังถึงเหตุการณ์วันแรกที่เกิดขึ้นและเหตุการณ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีญาติผู้สูญเสียนำรูปผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว บอกเล่าเหตุการณ์ความสูญเสียจากที่เกิดขึ้นต่อคณะทูตานุทูตผ่านล่าม พร้อมเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตที่ผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย จากนั้นคณะทูตทหาร เดินทางลงพื้นที่ ต่อไปยังจุดกระสุนตกใส่พลเรือน ที่อาคารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลชำเม็ง อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ส่งผลทำให้อาคาร รพ.สต. เสียหาย ที่นี่ ยังมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก มีเด็กเล็กอยู่ประจำกว่า 30 คน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากทางจังหวัดได้ประกาศให้ชาวบ้านอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยหรือศูนย์พักพิงชั่วคราว ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่ทางทหารกัมพูชาเปิดฉากยิง โดยนางเข็มจิรา จันทร์ทอง ผอ.รพ.สต.บ้านชำเม็ง บอกว่าถ้าวันนั้น หากยังไม่มีการอพยพ […]