ชลบุรี 20 ธ.ค. – กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการขยายขีดความสามารถห้องปฏิบัติการสอบเทียบเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้กับเจ้าหน้าที่ทั้งจากส่วนกลาง และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อขยายขีดความสามารถห้องปฏิบัติการในการให้บริการการสอบเทียบเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจในส่วนภูมิภาคเพิ่มขึ้น โดยใช้วิธีดำเนินการที่เป็นมาตรฐานเดียวกันระหว่าง19-21 ธ.ค.66 ณ โรงแรมบางแสนเฮอริเทจ จ.ชลบุรี
นายแพทย์ปิยะ ศิริลักษณ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการโครงการขยายขีดความสามารถห้องปฏิบัติการสอบเทียบเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือด โดยวิธีเป่าลมหายใจของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่า เครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจเป็นเครื่องมือที่เจ้าหน้าที่นำไปใช้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ว่าเมาสุราหรือไม่ จากการเป่าลมหายใจและอ่านค่า ของแอลกอฮอล์ในเลือดเป็นมิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 16 ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์มีห้องปฏิบัติการที่ให้บริการสอบเทียบเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจ เพื่อสร้างความมั่นใจในผลการวัดของเครื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปใช้ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากผู้ขับขี่ยานพาหนะเมาสุราอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เกิดความเกรงกลัวต่อกฎหมาย ทำให้มีความระมัดระวังมากขึ้น ส่งผลให้การเกิดอุบัติเหตุลดลง ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตก็ลดลงตามไปด้วย
นายแพทย์ปิยะ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานสามารถส่งเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจมาสอบเทียบได้ที่สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ นนทบุรี และส่วนภูมิภาคส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา อุบลราชธานี และสงขลา ซึ่งจากโครงการขยายขีดความสามารถห้องปฏิบัติการในครั้งนี้จะมีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เปิดให้บริการการสอบเทียบเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจเพิ่มขึ้น ได้แก่ เชียงราย สระบุรี ชลบุรี โดยใช้วิธีดำเนินการที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีการใช้วัสดุอ้างอิงรับรองเป็นสารมาตรฐานและได้รับการรับรองความสามารถตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ซึ่งหากห้องปฏิบัติการพบว่า เครื่องมีค่าความผิดพลาดเกินเกณฑ์มาตรฐานกำหนดจะทำการปรับตั้งค่าใหม่ เพื่อให้เครื่องสามารถตรวจวัดค่าปริมาณแอลกอฮอล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลการวัดที่ถูกต้องแม่นยำ และใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้ ซึ่งเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจ ต้องผ่านการสอบเทียบตามรอบระยะเวลา 6 เดือน โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะมีใบรับรองผลการสอบเทียบและสติ๊กเกอร์ติดรับรองไว้ที่ตัวเครื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรดูแลรักษาเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เช่น ไม่ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิสูง ระวังไม่ให้เกิดการตกกระแทก ตรวจสอบแบตเตอรี่สม่ำเสมอ ใช้หลอดที่สะอาดในการเป่า และระวังไม่ให้มีน้ำลายเป่าเข้าไปอยู่บริเวณหัววัดภายในเครื่อง เป็นต้น
ทั้งนี้ สถานีตำรวจ หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการส่งเครื่องวัดแอลกอฮอล์ในเลือดโดยการเป่าลมหายใจ สามารถส่งสอบเทียบได้ที่ สำนักรังสีและเครื่องมือแพทย์ นนทบุรี และส่วนภูมิภาคส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา สระบุรี ชลบุรี และสงขลา โดยมีระยะเวลาการตรวจ 3-5 วันทำการ ราคาค่าตรวจวิเคราะห์เครื่องละ 1,000 บาท หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 2951 0000 , 0 2589 9850-7 ต่อ 99956, 99770. -411-สำนักข่าวไทย