เพชรบูรณ์ 29 ก.ย. – รมว.วัฒนธรรม ลงพื้นที่เมืองโบราณศรีเทพ ติดตามความคืบหน้าหลังได้มรดกโลกแห่งใหม่ของไทย เผยนายกฯ ห่วงใย กำชับดูแลปลอดภัยของโบราณสถานและเตรียมอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว พบสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดพุ่ง 6,000-7,000 คน/วัน จากปกติ 300 คน/วัน
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะ ทั้งนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม, ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์, อธิบดีกรมศิลปากร, ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นศรีเทพ ลงพื้นที่เมืองโบราณศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมสำรวจสถานที่สำคัญ หลังได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา
รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้นายกรัฐมนตรีฝากความห่วงใยในเรื่องความปลอดภัยของโบราณสถาน และสวัสดิภาพของนักท่องเที่ยวในการเข้าชม ตลอดจนความพร้อมของสิ่งอำนวยความสะดวกในการรองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งการบริหารจัดการต่าง ๆ ที่ครอบคลุมในทุกมิติเพื่อคงความโดดเด่น และคุณค่าในการเป็นมรดกโลก ควบคู่กับการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งพบว่าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวเข้าชมมากกว่าวันละ 6,000-7,000 คน/วัน จากเดิม 300 คน/วัน เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จึงมอบให้กรมศิลปากร ประสานกับจังหวัดเพชรบูรณ์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดำเนินการในสิ่งจำเป็นเร่งด่วน อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ทั้งการเพิ่มรถสุขาเคลื่อนที่ เพิ่มจำนวนรถรางนำชมกับนักท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลเมืองโบราณศรีเทพ ที่จะนำโบราณวัตถุสำคัญซึ่งพบในเมืองโบราณศรีเทพมาจัดแสดง และจัดโซนสำหรับพื้นที่จำหน่ายร้านค้า อาหาร ของที่ระลึกให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้มีรายได้ โดยคำนึงถึงการออกแบบที่รองรับผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้บริการกับนักท่องเที่ยวได้ครบทุกด้าน รวมทั้งส่งเสริม Soft Power ให้มีการนำอัตลักษณ์ของศิลปกรรมอันโดดเด่นที่พบ ในเมืองโบราณศรีเทพมาต่อยอดเพิ่มขึ้น เช่น ลวดลายประดับรูปคนแคระ ซึ่งปัจจุบันถูกนำมาต่อยอดเป็นลวดลายบนไอศกรีม ก็ขายดีสร้างรายได้ให้ชุมชน
นอกจากนี้ยังพบว่าโบราณสถานเขาคลังนอก ซึ่งเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมด้านบนได้นั้น เมื่อช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวมาจำนวนมาก ทางจังหวัดจึงเกรงว่าฐานของเขาคลังนอกจะรับน้ำหนักไม่ไหว ทางกรมศิลปากรจึงได้ประกาศปิดห้ามขึ้นด้านบนเป็นการชั่วคราว และเร่งสำรวจว่าโครงสร้างสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้ขนาดไหน พร้อมศึกษาไม่ให้เกิดผลกระทบกับโบราณสถาน ก่อนที่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมความสวยงามด้านบนได้ในอนาคต พร้อมขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวไม่ไปสัมผัสลวดลาย หรือหยิบจับที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือชำรุด เพื่อร่วมกันอนุรักษ์ให้มรดกโลกคงอยู่และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยต่อไปในอนาคต. -สำนักข่าวไทย