กทม.เปิด Urban sandbox รพ.กลาง ยกระดับบริการสาธารณสุขคนเมือง

กรุงเทพฯ 7 มี.ค.- กทม.ขับเคลื่อนนโนบายด้านสาธารณสุข เปิด Urban sandbox : Klang model โรงพยาบาลกลาง ยกระดับบริการสาธารณสุขคนเมือง ดูแลแบบไร้รอยต่อ ครอบคลุมพื้นที่ 4 เขต


นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ การขับเคลื่อนนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ด้านสาธารณสุข Urban Sandbox : Klang Model โรงพยาบาลกลาง และพื้นที่ 4 เขต ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องสาธารณสุขเป็นนโยบายสำคัญ รวมถึงเรื่องการศึกษาที่จะช่วยลดเรื่องความเหลื่อมล้ำได้เป็นอย่างดี เขตกรุงเทพฯ ชั้นในมีลักษณะที่แตกต่างจากที่อื่น สำคัญที่สุดคือเป็นเขตที่มีผู้สูงอายุสูงมาก เป็น Super Aging หมดแล้ว หลายเขตเกิน 25% เพราะฉะนั้นรูปแบบการดูแลอาจจะไม่เหมือนกับเขตที่อยู่ชั้นนอก ซึ่งจะมีผู้สูงอายุไม่มากเท่าเขตชั้นใน สิ่งสำคัญคือการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กทม.เองมีหลายหน่วยงาน ทั้งสำนักงานเขต สำนักอนามัย สำนักการแพทย์ ต่อไปจะมีสำนักการศึกษา สำนักเทศกิจ เข้ามาช่วยดูแล หัวใจคือทำอย่างไรให้ทุกหน่วยงานทำงานเป็นเนื้อเดียวกันแบบไม่มีรอยต่อ มีแผนและขั้นตอนดำเนินการเดียวกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด การมาทำ Workshop ในวันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ดี และน่าจะได้ผลลัพธ์ที่เชื่อว่าทำให้หลายอย่างพัฒนาการดีขึ้น คำว่า Sandbox เหมือนกระบะทราย มีการลองผิดลองถูก ถ้าได้ผลสรุปแล้วนำผลที่ได้ไปขยายต่อที่เขตอื่น ที่ผ่านมาทำที่โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ซึ่งเป็นโมเดลที่อาจจะอยู่ในเขตชานเมืองกรุงเทพฯ สำหรับโรงพยาบาลกลางเป็น Sandbox เขตที่อยู่ในเมือง ซึ่งมีรูปแบบที่แตกต่างกันไป หวังว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จอย่างที่เราคาดหวังไว้


จากนโยบายผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร “9 ด้าน 9 ดี” ด้านสุขภาพดี สร้างความเข้มแข็งของเส้นเลือดฝอย ลด Pain Points ของประชาชน สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงการดูแลประชาชนและการถอดบทเรียนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงถือกำเนิดโครงการ Sandbox ทั้งนี้ Urban Sandbox : Klang Model มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนระบบสาธารณสุข เชื่อมโยง และเสริมความเข้มแเข็งในการจัดบริการปฐมภูมิ การส่งต่อ การดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเปราะบาง โดยประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลด้านบริการการส่งต่อและการดูแลต่อเนื่องอย่างเป็นระบบในพื้นที่ 4 เขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลกลาง คือ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตบางรัก เขตสัมพันธวงศ์ และเขตปทุมวัน ให้สามารถเข้าถึงง่าย ทั่วถึง และครอบคลุมอย่างเป็นองค์รวม ตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การดูแลรักษาฟื้นฟู และดูแลต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ โดยวางแผนโครงการตามการดูแลผู้ป่วยเป็น 4 ระยะ คือ

  1. ระยะเฉียบพลัน ได้แก่ โครงการ Urgent Care Unit, Telemedicine, E-Referral, Motor-lance, Tele-Consult และเครือข่ายกู้ชีพโรงพยาบาลกลาง
  2. ระยะกึ่งเฉียบพลัน ได้แก่ โครงการ Palliative Care, Geriatric Care, NCDs Health Literacy, Advance Wound Care, Stroke Corner, Stop TB BKK, เยี่ยมบ้านไตรภาคี
  3. ระยะยาว คือ โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ อสส.
  4. การส่งเสริมสุขภาพ ได้แก่ โครงการนักสืบ Dementic, Day Care ผู้สูงอายุ และชมรมผู้สูงอายุ

โดยในวันนี้ รองผู้ว่าฯ ทวิดา ร่วมมอบนโยบาย ทิศทาง การเปลี่ยนแปลงด้านสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งกล่าวถึงโครงการนี้ว่า Sandbox ด้านสุขภาพโดยหลักคิดในการรื้อขั้นตอนและวิธีการทำงานใหม่ทั้งหมด ซึ่งขั้นตอนการทำงานใหม่ไม่สามารถรื้อทั้งกรุงเทพฯ ได้ เพราะฉะนั้นต้องรื้อทีละเรื่อง ทีละโซน ซึ่งจะมีทั้งส่วนที่สามารถทำเหมือนกันได้และต่างกัน เช่น บริบทของพื้นที่ ยกตัวอย่างกรุงธนกับกรุงเทพตะวันออก ซึ่งเป็นสอง Sandbox ที่เราเปิดไว้ก่อนหน้าในพื้นที่รอบนอก ดังนั้น การสร้างบริบทของการบริบาลผู้สูงอายุก็จะเป็นลักษณะหนึ่ง ในขณะที่โซนกลาง เช่น ดุสิต Model หรือ โรงพยาบาลกลาง Model ครอบคลุมพื้นที่รอบใน ซึ่งมีลักษณะสภาพพื้นที่แออัด รถติด มีผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงอยู่เยอะ การจะเข้าไปในชุมชนที่แคบให้เร็วต้องใช้หน่วย Motor-lance เป็นจุด ๆ หรือไม่ จอดประจำที่ไหนอย่างไร ก็จะนำมาสู่กระบวนการทำงานแบบใหม่ ๆ โดยวันนี้ได้ให้โจทย์กับทางโรงพยาบาลกลางว่า ในการทำงานตาม 17 โครงการของโรงพยาบาลกลาง Sandbox จะทำอยู่ในรูปลักษณ์ไหน ใช้ความร่วมมือจากเครือข่ายต่างจากพื้นที่อื่นหรือไม่ เพียงใด

ทั้งนี้ ในส่วนพื้นที่ กทม.ชั้นใน ต้องเน้นเรื่องการทำข้อมูลให้มาก แล้วนำข้อมูลใส่เข้าไปในแผนที่ เพื่อให้เห็นว่าใครอยู่ตรงไหน มีทรัพยากรอะไร แล้วจะบริหารจัดการอย่างไรกับพื้นที่เหล่านั้น เพื่อให้พื้นที่ 4 เขตทำงานได้อย่างไร้รอยต่อ ซึ่งตอนนี้โรงพยาบาลกลางกำลังช่วยออกแบบระบบสาธารณสุข ของ กทม.ในพื้นที่โซนเหนือว่าจะเป็นอย่างไร เนื่องจากโซนเหนือไม่มีโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร ต้องอาศัยความร่วมมือและช่วยเหลือของ รพ.หลักอื่นๆ ในพื้นที่ ในการเป็นพี่เลี้ยงและสนับสนุนมาตรฐาน ให้ก่อนที่ศูนย์บริการสาธารณสุขจะเป็นผู้จัดการพื้นที่สาธารณสุขได้ ทั้งหมดนี้อยู่บนวัตถุประสงค์หลักที่ว่าทำอย่างไรให้คนเข้าถึงหมอได้ง่าย แต่ในความทั่วถึงนั้นท่านผู้ว่าฯ เน้นย้ำว่าต้องมีมาตรฐาน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องมีโรงพยาบาลเป็นพี่เลี้ยงควบคู่ไปด้วย เมื่อเครือข่ายปฐมภูมิแข็งแรง อาสาสมัครเราแข็งแรง คลินิกเราแข็งแรง ศูนย์บริการสาธารณสุขเราแข็งแรง ในที่สุดเราจะได้มีบริการการแพทย์และสาธารณสุข กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]