กรุงเทพฯ 20 ก.พ. – กรมวิทย์ฯ พร้อมตรวจไวรัสมาร์บวร์ก ด้วยวิธีการมาตรฐาน ผ่านการประเมินประสิทธิภาพแล้ว ย้ำการติดต่อไม่ง่าย ต้องสัมผัสใกล้ชิดอย่างมาก ยังไม่พบการติดต่อทางฝอยละอองหรือทางอากาศ ขอประชาชนอย่าวิตก
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า ข้อมูลการระบาดของเชื้อไวรัสมาร์บวร์ก เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเป็นการระบาดที่มีรายงานเป็นครั้งแรกในประเทศสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินี (Equatorial Guinea) มีผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว 9 ราย และมีผู้ป่วยยืนยันแล้วถึง 25 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีรายงานการระบาดครั้งใหญ่ในสาธารณรัฐคองโกและแองโกลา โรคติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์กมีอาการรุนแรงและมีอัตราการเสียชีวิตสูงใกล้เคียงกับโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ทำให้ต้องมีการเฝ้าระวังการระบาดครั้งนี้อย่างใกล้ชิด
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข มีการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์การระบาดโรคติดต่อร้ายแรงมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา ในเดือนตุลาคม 2565 โดยเชื้อไวรัสมาร์บวร์กนี้อยู่ในกลุ่มเดียวกับไวรัสอีโบลา และมีลักษณะการก่อโรคที่คล้ายกัน ในการดำเนินการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจึงมีความใกล้เคียงกัน โดยจะใช้การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อด้วยเทคนิคทางอณูชีววิทยา ที่มีความไวและความจำเพาะสูง (RT PCR) สามารถทราบผลภายใน 8 ชั่วโมง หลังได้รับตัวอย่าง
การดำเนินงานกับตัวอย่างจะใช้ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 (Biosafety level 3 (BSL-3) laboratory) ซึ่งมีความพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานกับเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคที่มีอันตรายสูง มีระบบการไหลเวียนที่ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้ออันตรายแพร่กระจายออกมาสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก บุคลากรผ่านการฝึกอบรมความปลอดภัยทางชีวภาพ ให้มีความพร้อมรับสถานการณ์การระบาด และสามารถปฏิบัติงานกับสิ่งส่งตรวจได้อย่างถูกต้องปลอดภัย ดังนั้น จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยต่อผู้เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการ และประชาชน ได้เป็นอย่างดีว่าจะไม่มีเชื้อโรคอันตรายเล็ดลอดสู่สิ่งแวดล้อมได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้เตรียมวิธีการตรวจที่ประกอบด้วยน้ำยาที่จำเพาะที่เป็นมาตรฐานในการวินิจฉัย สำหรับตรวจสารพันธุกรรมไวรัสก่อโรคไข้เลือดออกรุนแรง มาร์บวร์ก รวมทั้งอีโบลา ไข้ลาสซา ไว้ครบ
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวต่ออีกว่า ในกรณีที่พบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อไวรัสมาร์บวร์กในสถานพยาบาล ให้เจ้าหน้าที่ประสานกองระบาดวิทยา สำนักงานป้องกันและควบคุมโรค หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อสอบสวนโรคและวางแผนประสานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในการรับตัวอย่างส่งตรวจ ซึ่งใช้เลือด (EDTA Whole Blood) ในการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัส และน้ำเหลือง (Serum) กรณีตรวจหาภูมิต่อเชื้อไวรัส โดยรายละเอียดและคำแนะนำวิธีปฏิบัติในจัดการสิ่งส่งตรวจ สามารถศึกษาได้จากคู่มือการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา และไวรัสทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ทางห้องปฏิบัติการ และคู่มือเครือข่ายห้องปฏิบัติการโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตามลิงก์ด้านล่าง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อห้องปฏิบัติการโรงพยาบาล และบุคลากรสาธารณสุขที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะนำไปใช้อ้างอิงในการปฏิบัติงาน
อนึ่ง ขอประชาชนอย่าวิตกจนเกินไป เพราะการติดต่อไม่ง่ายต้องเป็นการสัมผัสใกล้ชิดอย่างมาก ไม่พบการติดต่อทางฝอยละอองหรือทางอากาศ และผู้มีอาการส่วนใหญ่มักเป็นผู้ป่วยหนัก ไม่สามารถออกมาแพร่เชื้อได้มากนัก
คู่มือการตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา และไวรัสทางเดินหายใจตะวันออกกลางทางห้องปฏิบัติการ (http://nih.dmsc.moph.go.th/login/filedata/media2559_1.pdf)
คู่มือเครือข่ายห้องปฏิบัติการโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ (http://nih.dmsc.moph.go.th/data/data/covid/EIDLabNetwork.pdf) .-สำนักข่าวไทย