สธ. 1 ก.พ.- กรมอนามัย เตือนวันที่ 1-4 ก.พ.นี้ ค่าฝุ่น PM2.5 สูงถึงระดับสีแดง คือ 91 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ใน 5 จังหวัด แนะประชาชนสวมหน้ากาก รวมทั้งลดหรืองดทำกิจกรรมนอกบ้าน
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีค่าระหว่าง 12-129 ไมโครกรัม (มคก./ลบ.ม.) พบเกินมาตรฐาน (50 มคก./ลบ.ม.) ใน 56 พื้นที่ และระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรสงคราม นครพนม เชียงใหม่ และลำพูน โดยคาดการณ์ว่าระหว่างวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์ 2566 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีแนวโน้มค่า PM2.5 เกินมาตรฐาน เนื่องจากสภาพอากาศปิดและนิ่ง รวมทั้งมีการเผาที่โล่ง
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อว่า ค่าฝุ่น PM2.5 ที่เกินมาตรฐานจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างชัดเจน เช่น แสบตา คันตา น้ำตาไหล คัดจมูก มีน้ำมูก แสบจมูก แสบคอ ไอแห้งๆ คันตามร่างกาย รวมถึงอาการในระดับรุนแรง ถึงขั้นแน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด เหนื่อยง่าย ซึ่งผลจากการประเมินตนเองของประชาชน ผ่านระบบ 4Health พบว่า ประชาชนที่มีอาการทางด้านสุขภาพจากค่าฝุ่นสูง ถึงร้อยละ 70 โดยเฉพาะในเด็กอายุ 5-14 ปี กรมอนามัยจึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพตนเอง ระหว่างวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นพิเศษ โดยการปฏิบัติตนตามระดับสีค่าฝุ่นสูง ดังนี้ 1) สีส้ม ระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (51-90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ประชาชนทั่วไปควรลดหรือจำกัดการทำกิจกรรมนอกบ้าน กลุ่มเสี่ยงควรลดเวลาการทำกิจกรรมนอกบ้าน ถ้าออกนอกบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และสังเกตตนเอง หากมีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ และผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม 2) สีแดง ระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (91 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป) ควรลด
หรืองดการทำกิจกรรมนอกบ้าน เปลี่ยนมาออกกำลังกายในบ้าน
“ทั้งนี้ สำหรับโรงเรียน หรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในพื้นที่เสี่ยงสูง ควรติดตามรายงานคุณภาพอากาศ และพิจารณาปรับกิจกรรมต่างๆ เช่น งดการเข้าแถวหน้าเสาธง งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง ปิดประตูหน้าต่างในช่วงฝุ่นสูง งดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น และเฝ้าระวังอาการเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืดเป็นพิเศษ และหากมีอาการผิดปกติ ให้ไปพบแพทย์” อธิบดีกรมอนามัยกล่าว.-สำนักข่าวไทย